สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มองหาตัวช่วยในการบันทึกพัฒนาการของลูก รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นการดื่มนม ปริมาณนมในแต่ละครั้ง การเปลี่ยนผ้าอ้อม การคลาน การเดิน หรือการนอนหลับ วันนี้เรามี 10 แอปพลิเคชันน่าจับตามองมาให้คุณพ่อคุณแม่เลือกโหลดไปใช้กัน แน่นอนว่าแต่ละแอปย่อมมีรูปแบบการใช้งาน และการบันทึกแตกต่างกัน
Download : Google Play l App Store
คุณลูก เป็นแอปที่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุข สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ จังหวัดเชียงใหม่ กรมสุขภาพจิต กรมอนามัย และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ในการใช้เกณฑ์การประเมินการเจริญเติบโต ผู้ปกครองสามารถใช้แอปนี้ในการประเมินสุขภาพ บันทึกพัฒนาการการเจริญเติบโตในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย โภชนาการ สุขภาพช่องปาก ฯลฯ รวมไปถึงเก็บบันทึกภาพ และตั้งแจ้งเตือนนัดหมายต่าง ๆ อาทิ นัดหมายการฉีดวัคซีนในแต่ละช่วงวัย ได้อีกด้วย
Download : Google Play l App Store
KidDiary ถูกพัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ร่วมกับเครือข่ายกุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ติดตาม เฝ้าระวังสุขภาพ และบันทึกพัฒนาการของลูกได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่อายุ 0-19 ปี นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน KidDiary ยังเป็นส่วนหนึ่งของ KidDiary Platform ซึ่งเป็นฐานข้อมูลสุขภาพเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ ที่เชื่อมโยงข้อมูลจากบ้าน (KidDiary) โรงเรียน (KidDiary School) และโรงพยาบาล (KidDiary Hospital) เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกันพัฒนาให้เด็กไทยเติบโตดีมีพัฒนาการสมวัยอีกด้วย
Download : Google Play l App Store
อีกหนึ่ง all in one baby tracker ที่ผู้ปกครองสามารถใช้ติดตามและบันทึกพัฒนาการของลูกได้รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นปริมาณที่ลูกดื่มนมต่อครั้ง ช่วงเวลาที่ต้องปั๊มนม ช่วงเวลาที่ต้องเปลี่ยนผ้าอ้อม คุณภาพการนอนของลูก อัตราการเจริญเติบโตของร่างกาย โรคภัย รวมไปถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน นอกจากนี้ผู้ปกครองยังสามารถแชร์การบันทึกต่าง ๆ ให้กับคนอื่น ๆ ในครอบครัวรับรู้ได้อีกด้วย
Download : Google Play l App Store
Baby Tracker แอปนี้มีดีไซน์สะอาดตา ใช้งานง่าย สามารถบันทึกช่วงเวลาและปริมาณการกินนม การเปลี่ยนผ้าอ้อม และการนอนหลับของลูกได้ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกดูบันทึกแบบเป็นวัน เป็นเดือน หรือแบบกราฟและตารางได้ ทำให้ง่ายต่อการนำข้อมูลไปให้คุณหมอพิจารณาพัฒนาการของลูกในแต่ละช่วงวัย
Download : Google Play l App Store
คุณพ่อคุณแม่สามารถบันทึกกิจกรรมของลูกได้โดยละเอียดผ่านหน้าจอการแสดงผลที่เข้าใจง่าย บันทึกเป็นรายวัน รายเดือนได้ทันที สะดวกในการเข้ามาดูย้อนหลังว่าในแต่ละวันแต่ละช่วงเวลา ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอนลูกทำกิจกรรมอะไรบ้าง นอกจากนี้ตัวแอปยังสามารถเชื่อมต่อกับ Smartwatch เพื่อแจ้งเตือนกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
Download : Google Play l App Store
นอกจากข้อดีในการ track พัฒนาการของลูกในด้านต่าง ๆ อาทิ การกิน การนอน สุขภาพช่องปาก ความสูง น้ำหนัก และโรคภัยไข้เจ็บแล้ว แอปนี้ยังสามารถสร้างอัลบั้มบันทึกช่วงเวลาน่ารัก ๆ ของลูก และแชร์ไปยังคนอื่น ๆ ในครอบครัวได้อีกด้วย นอกจากนี้ภายในแอปยังมีการเชื่อมต่อกับ community ของคุณพ่อคุณแม่ที่ใช้แอปนี้เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาและบอกต่อเคล็ดลับต่าง ๆ ในการเลี้ยงลูกร่วมกัน
7. Ovia Parenting: Baby Tracker, Breastfeeding Timer
Download : Google Play l App Store
อีกหนึ่ง Baby Tracker ที่น่าสนใจ เพราะนอกจากประสิทธิภาพในการ track พัฒนาการและกิจกรรมต่าง ๆ ของลูกแล้ว ยังสามารถเขียนเป็น memo post และถ่ายภาพเก็บไว้ในแอป และแชร์ไปยังสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ Ovia Parenting ยังมีบทความที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการเด็ก รวมไปถึง community ที่คอยให้คำปรึกษาและให้ทริคดี ๆ ในการเลี้ยงลูกด้วย
Download : Google Play l App Store
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากหาแอป track พัฒนาการลูกน้อยผ่านรูปภาพ แอปนี้นับว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เพราะสามารถเริ่มบันทึกรูปภาพได้ตั้งแต่คุณแม่ยังไม่คลอด ไปจนกระทั่งลูกลืมตาดูโลก สามารถแต่งรูปภาพให้น่ารักสดใสได้ อีกทั้งยังมีสติกเกอร์หลากหลายให้เลือกใช้ตามช่วงวัยของลูกอีกด้วย
Download : Google Play l App Store
เป็นอีกหนึ่งแอปที่สะดวกสบาย ใช้งานง่าย หน้าตาแอปสะอาดสบายตา บันทึกได้ทั้งช่วงเวลาการให้นม การเปลี่ยนผ้าอ้อม ไปจนถึงการวัดส่วนสูงและน้ำหนัก สามารถตั้งแจ้งเตือนได้ด้วยตัวเองว่าต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกกี่โมง ให้นม ให้ยา วัดไข้ หรือให้เข้านอนเมื่อไหร่ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มจำนวนเด็กที่ต้องการบันทึกได้อย่างอิสระ เพื่อป้องกันการสับสนได้อีกด้วย
Download : Google Play l App Store
ด้วยหน้าตาแอปที่น่ารัก สะอาดตา ใช้งานง่าย และดีไซน์เฉพาะที่เหมาะสำหรับการใช้งานมือเดียว จึงทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้งานแอปได้แม้จะกำลังดูแลลูกอยู่ มีการแสดงผลออกมาเป็นกราฟและแผนภูมิเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ทั้งยังทำงานร่วมกับ Google Assistant และ Amazon Alexa ผ่านการใช้งานทางเสียงได้อีกด้วย