เรื่องราวของพระเจ้าพิมพิสาร และพระเจ้าอชาตศัตรู ในสมัยพุทธกาล เป็นตัวอย่างชัดเจนของความรักที่ไม่มีประมาณของพ่อที่มีต่อลูก แม้ลูกจะหลงผิดจากการคบคนพาล จนทำการปิตุฆาต แต่พ่อก็ยังให้อภัยและพร้อมจะเสียสละแม้แต่ชีวิต
ในช่วงพรรษาที่ 17 สมัยพุทธกาล
พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับที่พระเวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์ พระอารามแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ซึ่งถวายไว้โดยพระเจ้าพิมพิสาร ได้เกิด 4 เหตุการณ์ที่แสดงถึงความรักอันไม่มีประมาณ ของพ่อที่มีต่อลูก
พระมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร พระมารดาของพระเจ้าอชาตศัตรู คือ พระนางเวเทหิทรงพระครรภ์ พระนางทรงแพ้ท้อง เกิดอยากเสวยพระโลหิตของพระสวามี
ด้วยความรักพระมเหสีและบุตรในครรภ์ พระเจ้าพืิมพิสารจึงรองพระโลหิตของพระองค์ไปให้พระมเหสีเสวย (ทรงกรีดเลือดพระองค์เอง)
เมื่อโหราจารย์ทำนายว่า ราชกุมารในครรภ์จะเป็นปิตุฆาต (ฆ่าพ่อ)
ด้วยความภักดีในพระสวามี พระนางจึงพยายามทำแท้งแต่ไม่สำเร็จ
แต่พระเจ้าพิมพิสารเมื่อทรงทราบก็ห้าม
ด้วยน้ำพระทัยแห่งความเป็นบิดา ไม่ทรงเห็นแก่ชีวิตพระองค์เองและราชสมบัติยิ่งไปกว่าชีวิตพระโอรสเลย ซึ่งพระเมตตานี้มีให้แก่พระโอรสนับตั้งแต่พระเจ้าอชาตศัตรูอยู่ในพระครรภ์ด้วยซ้ำ โดยทรงแก้เคล็ดด้วยการทรงขนานพระนาม พระราชโอรสว่า “อชาตศัตรู” (แปลว่า ผู้ที่ไม่เป็นศัตรู)
ต่อมา พระเทวทัตได้ยุยงเจ้าชายอชาตศัตรู ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร ให้รีบหาทางครองราชย์เสียแต่บัดนี้ เพราะปัจจุบันคนเราอายุสั้น เจ้าชายอชาตศัตรูอาจสิ้นพระชนม์ก่อนจะได้ขึ้นครองราชสมบัติก็เป็นได้ จึงควรที่เจ้าชายจักปลงพระชนม์ชีพของสมเด็จพระบิดา แล้วขึ้นครองราชย์เสียเอง
โดย พระเทวทัตก็คิดวางแผนจะปลงพระชนม์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าในอีกทางหนึ่ง
โดยปรารถนาจะปกครองหมู่พระสงฆ์ เป็นสังฆราชา
เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงทราบความประสงค์ของเจ้าชายอชาตศัตรูว่า ต้องการจะครองราชสมบัติ ก็ทรงสละให้เจ้าชายโดยเต็มพระทัย
จะทรงพิโรธหรือโกรธแค้นต่อเจ้าชายที่เคยคิดลอบปลงพระชนม์พระองค์นั้นก็ไม่มีเลย
หลังจากเจ้าชายอชาตศัตรูได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าอชาตศัตรูแล้ว
พระเทวทัตก็ยังคงทูลยุยงว่า พระเจ้าพิมพิสารจะเป็นภัยแก่ราชสมบัติได้ในอนาคต ควรจะปลงพระชนม์เสีย
-- ทรมานด้วยควันไฟ และอดพระกระยาหารแต่ พระมารดาช่วยด้วยการนำพระกระยาหารบดทาตัว ให้ทรงเลียเพื่อเสวย
พระเจ้าอชาตศัตรู ทรงส่งพระบิดา ไปคุมขังไว้ในห้องขัง รมด้วยควันไฟ อีกทั้งให้อดพระกระยาหาร
ในเบื้องต้นพระเจ้าอชาตศัตรูอนุญาตให้พระมารดาเข้าเยี่ยมพระบิดาได้
แต่พระมารดาแอบลักลอบถวายพระกระยาหาร ด้วยวิธีการน่าสังเวชสลดใจทั้งสิ้น เช่น ทำอาหารให้ละเอียดที่สุดแล้วทาที่พระวรกายของพระนาง
เมื่อเข้าไปเยี่ยม ก็ถวายพระกระยาหารโดยให้พระเจ้าพิมพิสารเลียอาหารจากพระวรกาย เป็นต้น
ด้วยวิธีการต่างๆ เหล่านี้ พระเจ้าพิมพิสาร ก็ยังคงทรงพระชนม์ชีพได้
ในเวลาถัดมา พระเจ้าอชาตศัตรูก็สั่งพระมารดาไม่ให้เยี่ยมพระบิดาอีกต่อไป
-- กรีดฝ่าเท้า ขัดขวางการเดินจงกรม อันเป็นเหตุที่ทำให้พระเจ้าพิมพิสารมีปิติสุข
พระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งทรงเป็นพระโสดาบันบุคคล
ก็ยังคงดำรงพระชนม์ชีพได้ด้วยปีติสุขอันเป็นความสุขประกอบด้วยมรรคผลจากการเดินจงกรม
อีกทั้งพระองค์ยังสามารถมองเห็นพระคันธกุฎีที่พระพุทธองค์ทรงประทับบนยอดเขาคิชชกูฎ
พระเจ้าพิมพิสารจึงยังคงอยู่ได้ แม้ไม่ได้เสวยพระกระยาหาร อีกทั้งปีติสุขยังทำให้พระวรกายกระปรี้กระเปร่า เปล่งปลั่งอีกด้วย
เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูทรงทราบเรื่อง จึงรับสั่งให้ช่างตัดผม เอามีดโกนกรีดฝ่าพระบาททั้งสองข้างของพระเจ้าพิมพิสารเอาน้ำมันผสมเกลือทา แล้วย่างด้วยถ่านไม้ตะเคียนที่กำลังคุแดงอีกต่อหนึ่ง พระเจ้าพิมพิสารทรงเกิดทุกขเวทนาอย่างแรงกล้าไม่นานนักก็สวรรคต
ในวันที่พระเจ้าพิมพิสารสวรรคต พระโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรูก็ประสูติพอดี
พระเจ้าอชาตศัตรูทรงบังเกิดความรักพระโอรสอย่างลึกซึ้ง ทั้งทรงตระหนักในพระทัยว่า พระราชบิดาของพระองค์ ก็ทรงมีความรักต่อพระองค์ไม่แตกต่างกับที่พระองค์ทรงมีต่อพระโอรส
พระเจ้าอชาศัตรูทรงสำนึกในทันทีว่า พระองค์ได้ทำความผิดอย่างใหญ่หลวง จึงมีรับสั่งให้ปล่อยพระราชบิดา
แต่อำมาตย์ได้ถวายรายงานว่า พระเจ้าพิมพิสารสวรรคต เสียแล้ว
ข่าวนี้ทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูทรงทุกข์โทมนัสอย่างสุดซึ้ง
เมื่อทรงทราบความเป็นไปดังนั้น พระเจ้าอชาตศัตรูทรงกันแสง เสด็จไปเฝ้าพระมารดา ทูลว่า
“ข้าแต่เสด็จแม่ เมื่อหม่อมฉันเกิด พระบิดาของหม่อมฉันเกิดความรักหม่อมฉันหรือไม่ ?”
พระนางเวเทหิ ผู้เป็นพระมารดามีรับสั่งว่า
“เจ้าลูกโง่ เจ้าพูดอะไร เวลาที่ลูกยังเล็กอยู่ เกิดเป็นฝีที่นิ้วมือ
ครั้งนั้นพวกแม่นมทั้งหลายไม่สามารถทําให้ลูกซึ่งกําลังร้องไห้หยุดร้องได้ จึงพาลูกไปเฝ้าเสด็จพ่อของลูกซึ่งประทับนั่งอยู่ในโรงศาล
เสด็จพ่อของลูกได้อมนิ้วมือของลูกจนฝีแตกในพระโอษฐ์นั้นเอง แต่ทรงกลืนพระบุพโพปนพระโลหิตนั้นด้วยความรักลูก
เสด็จพ่อของลูกมีความรักลูกถึงปานนี้”
แม้พระเจ้าอชาตศัตรูจะสำนึกผิดเพียงไร แต่กรรมได้สำเร็จลุล่วงลงไปแล้ว อีกทั้งเป็นอนันตริยกรรม คือ ปิตุฆาต
ผลแห่งกรรมนั้นทำให้พระองค์ร้อนพระทัยและหวาดระแวง กลัวต่อกรรมของตัวเองอย่างยิ่ง จนไม่สามารถอยู่เป็นสุขได้
พระนางเวเทหิ พระมารดาของพระเจ้าอชาตศัตรู ผู้เป็นขนิษฐภคินของพระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงรู้สึกอดสูเกินกว่าจะอยู่ร่วมกับพระราชโอรสอกตัญญู จึงเสด็จกลับไปประทับอย่างถาวร ณ กรุงสาวัตถี เมืองหลวงของแคว้นโกศล ต่อมาไม่นานก็สวรรคตด้วยความตรอมพระทัย
เมื่อพระญาติและสหายของพระเจ้าพิมพิสาร ได้ทราบเรื่องความโหดร้ายทารุณและอกตัญญูของพระเจ้าอชาตศรัตรู ต่างก็พากันเคียดแค้นเป็นอย่างยิ่ง
พระเจ้าปเสนทิโกศลถึงกับทรงกรีฑาทัพบุกยึดหมู่บ้านกาลิกคามของแคว้นมคธ ส่วนพระจัณฑปัชโชติแห่วแคว้นอวันตี ซึ่งเป็นแคว้นมหาอำนาจด้านตะวันตก ก็ทรงเตรียมทัพบุกมคธเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าอำมาตย์ราชบริพารยังแตกความสามัคคีกันอีกด้วย พระเจ้าอชาตศรัตรู จึงต้องผจญศึกทั้งจากภายในและภายนอกราชอาณาจักร
นับแต่วันที่ปลงพระชนม์พระราชบิดา ครั้งใดที่พระเจ้าอชาตศรัตรูหลับพระเนตรลงด้วยความหวาดระแวงภัยทุกครั้ง พระองค์จึงไม่อาจบรรทมหลับได้เลยไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวัน ได้แต่ประทับนั่งเพื่อบรรเท่าความง่วงเท่านั้น
หากแต่ได้พระมหากรุณาของพระพุทธเจ้า โปรดให้พระเจ้าอชาตศัตรูได้ทำมหากุศลต่างๆ ตลอดพระชนม์ชีพ ก็ยังพอช่วยบรรเทาความรุนแรงของวิบากกรรมไปได้บ้าง
ถึงกระนั้น ผลแห่งอนันตริยกรรมก็ห้ามมรรคผลใดๆ
ความรักและเมตตาของพระเจ้าพิมพิสารที่มีต่อพระโอรสนั้น
๑.) นับตั้งแต่พระเทวีทรงพระครรภ์ เมื่อปรารถนาเสวยพระโลหิตของพระองค์
ก็ทรงสละให้ทั้งนี้ด้วยความรักในพระเทวีและบุตรโดยไม่มีข้อแม้
๒.) แม้โหราจารย์จักทูลทำนายว่า บุตรที่จะเกิดมานั้นในอนาคตจะทำปิตุฆาต
คือ ปลงพระชนม์ของพระองค์ ก็ไม่ทรงคิดปลิดชีพพระโอรสเสียแต่ในครรภ์เลย
แม้พระเทวีจะยอมทำร้ายครรภ์เสียเองก็ทรงห้าม
ไม่ทรงหวาดหวั่นอันตรายต่อพระชนม์ชีพตัวเองไปกว่าเห็นแก่ชีวิตพระโอรสเลย
๓.) เมื่อพระโอรสปรารถนาราชสมบัติ ก็ทรงสละให้ได้ทันที
๔.) แม้ทรงโดนทรมานทั้งพระวรกายและทรมานน้ำพระทัยอย่างที่สุด
ก็ไม่ทรงโกรธแค้นต่อพระโอรสเลย ทรงยินยอมทุกอย่างโดยดี
จากการศึกษาเรื่องราวของพระเจ้าพิมพิสารนี้ ทำให้ตระหนักถึงคุณค่าแห่งการเป็นผู้มีคุณธรรมได้อย่างดี
คือ ผู้มีคุณธรรมตั้งมั่นดี ไม่หวั่นไหวแล้ว ย่อมไม่สร้างอกุศลกรรมใดๆ ด้วยเห็นภัยจากการก่ออกุศลกรรมทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
ไม่เสียดายอาลัยในชีวิตยิ่งกว่าการรักษาคุณธรรม