Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

Digital Health เทคโนโลยีทางการแพทย์ยุคใหม่

Posted By sevenman | 26 มิ.ย. 64
6,814 Views

  Favorite

ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งเกิดจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ทำให้โลกกำลังพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านของ การโทรคมนาคม การขนส่ง การติดต่อสื่อสาร การเงินการธนาคาร ตลอดจน ‘การแพทย์’ ที่เทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาความสะดวกสบายและความล้ำสมัยให้กับมิติต่าง ๆ ของโลก

 

ในอดีตเมื่อพูดถึงการแพทย์ หลายคนคงนึกถึงโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยแพทย์และพยาบาลที่คอยช่วยเหลือดูแลคนไข้ แต่ในอนาคตด้วยหลากหลายนวัตกรรมล้ำสมัยที่ถูกคิดค้นขึ้น คนไข้อาจจะไม่จำเป็นต้องเดินทางไปพบหมอในทุกกรณีแล้ว หรือไม่จำเป็นต้องรอผลการรักษาเป็นเวลานาน ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่รู้จักกันในนามของ ดิจิทัล เฮลท์ (Digital Health) 

 

ดิจิทัล เฮลท์ (Digital Health)

 

เป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ที่ผนวกเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยและศาสตร์ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์มาไว้ด้วยกัน ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัย ดูแล รวมถึงรักษาคนไข้ได้รวดเร็วแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งบางนวัตกรรมยังช่วยให้แพทย์สามารถสื่อสาร และเฝ้าระวังอาการของคนได้จากระยะไกลแบบ “ไร้สัมผัส” ได้อีกด้วย ซึ่งในช่วงวิกฤตโควิด-19 เหล่านวัตกรรมดิจิทัลเฮลท์ต่าง ๆ ก็ได้ถูกนำมาใช้ในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 และในขณะเดียวกันช่วยลดความเสี่ยง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเหล่าแพทย์และพยาบาลในการปฏิบัติหน้าที่ ผ่าน 3 ต้นแบบนวัตกรรมฝีมือนักวิจัยไทยที่พร้อมเป็นต้นแบบแก่หน่วยงานต่าง ๆ ในการต่อยอดหรือยกระดับประสิทธิภาพ สู่การรักษาทางการแพทย์ยุคใหม่ในอนาคต

 

1. เครื่องมือตรวจเชื้อโควิดแบบเรืองแสง

 

 

ก้าวข้ามอุปสรรคในการใช้เครื่องมือแพทย์ขนาดใหญ่ ที่ไม่สะดวกต่อการพกพาหรือเคลื่อนย้าย มีเพียงสมาร์ทโฟน พร้อมเครื่องมือตัวช่วยเพียงเล็กน้อย ก็สามารถช่วยให้คุณหมอตรวจวินิจฉัยเชื้อไวรัสได้แล้ว ด้วยเครื่องมือตรวจเชื้อโควิดแบบเรืองแสง ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผ่านการอ่านค่าเรืองแสง ของชุดตรวจทางชีวโมเลกุล ด้วยกล้องของสมาร์ทโฟน ช่วยแพทย์รู้ผลผู้ติดเชื้อใน 45-60 นาที เร็วกว่าการตรวจในระบบปกติที่ต้องเข้าห้องแลปถึง 3 เท่า ซึ่งทีมแพทย์ยังสามารถนำไปใช้ในการลงพื้นที่หรือตรวจคัดกรองตามชุมชน (On Site) ได้ อีกทั้งยังมีต้นทุนในการพัฒนาที่ต่ำกว่าระบบปกติหลายเท่า โดยนวัตกรรมดังกล่าว อยู่ระหว่างการยื่นจดสิทธิบัตรและรับรองมาตรฐาน อย.
 
เป็นผลการวิจัยและพัฒนาร่วมกันระหว่าง ดร.พิมพ์ขวัญ หาญนันทอนันต์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. (พัฒนาเครื่องมือการอ่านผล) นักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย (พัฒนาชุดน้ำยาตรวจ) และ บริษัท เซอร์ทิส จำกัด (SERTIS) (พัฒนาแอปพลิเคชัน) โดยในอนาคตเตรียมพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถตรวจเชื้อไวรัสที่หลากหลายได้
 
 
 

2. เอไอตรวจโควิดกลายพันธุ์ ครั้งแรกของโลก

 

 

เอไอตรวจโควิดกลายพันธุ์ ครั้งแรกของโลก มีความสามารถ 2 ส่วน คือ บ่งชี้เชื้อโควิด-19 ได้ถึง 8 สายพันธุ์ และ ตรวจตำแหน่งการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด19 ด้วยการค้นหากลายพันธุ์ที่น่ากังวล (VOCs) ได้ถูกต้องถึง 99% ใน 30 วินาที โดยล่าสุดสามารถตรวจเจอโควิดสายพันธุ์ลูกผสม อินเดีย-อังกฤษ ได้แล้ว ซึ่งนับเป็นการช่วยแพทย์ลดขั้นตอนวิเคราะห์ให้เหลือเพียง 3 ขั้นตอนเท่านั้น ประกอบด้วย
1. นำเข้าข้อมูลสารพันธุกรรมทั้งหมด หรือจีโนมที่ได้ทั้งแบบเดี่ยว หรือแบบหลาย ๆ จีโนมพร้อมกัน เข้าโปรแกรม
2. วิเคราะห์สายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19
3. ประมวลผลในรูปแบบชื่อของสายพันธุ์ และหากพบเชื้อกลายพันธุ์จะแสดงผลเป็นสีแดง พร้อมแสดงตำแหน่งกลายพันธุ์ (VOCs) บนจีโนม แต่หากไม่พบเชื้อจะเป็นสีเทา
 
งานวิจัยดังกล่าว อยู่ระหว่างลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) และยื่นจดสิทธิบัตรร่วมกันระหว่างหน่วยงาน ก่อนจะขยายผลในการถ่ายทอดนวัตกรรมแก่หน่วยงานที่สนใจเป็นลำดับต่อไป โดยเป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างนักวิจัย สจล. โรงพยาบาลรามาธิบดี และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นำโดย รศ. ดร.ศิริเดช บุญแสง คณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สจล. ดร.วีรยุทธ กิตติชัย อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ สจล. ผศ. ดร.สันทัด ชูวงค์อินทร์ หัวหน้าศูนย์หุ่นยนต์อุตสาหกรรมและระบบอัตโนมัติ (CiRA) วิทยาลัยนวัตกรรมการผลิตขั้นสูง สจล., ดร. จักรพันธุ์ รุณเจริญ พร้อมด้วย ดร. อินทรี เสนสอน และ ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ (Center for Medical Genomics) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และนางสาวทัชชา ยิ้มถิน อาจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยาและอิมมิวโนโลยี คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
 
 
 

3. Cloud Design วัดสัญญาณชีพ ครั้งแรกของไทย

 

 

Cloud Design วัดสัญญาณชีพ ครั้งแรกของไทย ตรวจวัดสัญญาณชีพและติดตามอาการผู้ป่วยได้แบบใกล้ชิดโดยไร้การสัมผัสผ่านการสวมอุปกรณ์ปลอกแขน เพื่อทำหน้าที่ตรวจสัญญาณชีพและแสดงผล 6 ค่าสำคัญของผู้ป่วย ประกอบด้วย คลื่นไฟฟ้าหัวใจ อัตราการหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจ ค่าออกซิเจนในเลือด อุณหภูมิ และค่าความดันโลหิต โดยที่ระบบเอไอ จะทำหน้าที่แสดงผลแบบเรียลไทม์ (Real Time) ไปยังมอนิเตอร์ส่วนกลาง เพื่อให้ทีมแพทย์สามารถวิเคราะห์ผล และแนวทางการรักษาได้ทันท่วงที ผ่านการสวมปลอกแขนให้ผู้ป่วยตั้งแต่ครั้งแรก ทั้งนี้ เอไอดังกล่าว ได้นำร่องทดสอบประสิทธิภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ โรงพยาบาลสนาม อาคารนิมิบุตร

 

เป็นผลงานวิจัยและพัฒนาโดย ดร.วิบูลย์ ปิยวัฒนเมธา อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. 

 

อนาคตข้างหน้าวงการแพทย์ไทยจะก้าวได้ไกลและรุดหน้ายิ่งขึ้นด้วยนวัตกรรมด้าน Digital Healthcare โดยนักวิจัยไทย ลดการพึ่งพานวัตกรรมต่างชาติ เพิ่มโอกาส/ลดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงระบบการรักษาทางการแพทย์ของคนไทย

 

 

แหล่งข้อมูล
KMCH
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • sevenman
  • 1 Followers
  • Follow