Interior Designer ไม่ใช่แค่การออกแบบให้มันสวยตามสไตล์ที่ผู้อยู่อาศัยอยากได้ แต่คือการออกแบบให้เหมาะกับ Lifestyle ของผู้อยู่อาศัย มันดีเทลมาก ๆ กับการออกแบบเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีความเป็นอยู่ที่ดีที่สุด ผสานกับสไตล์ที่เขาชื่นชอบ
สถาปนิกและ Interior Designer การทำงานของทั้ง 2 สายงานก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ถ้าให้เทียบให้เห็นภาพ สถาปนิกจะเน้นไปในเรื่องของโครงสร้างอาคารภายนอก รูปแบบอาคาร กฎหมายอาคาร สิ่งแวดล้อม ส่วนงานอินทีเรียจะเข้ามาเติมเต็มให้อาคารนั้นมีคุณค่า หรือสไตล์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งจริง ๆ ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนักว่าเราเป็น Interior Designer เพราะเราทำทุกอย่าง ตั้งแต่งานสถาปัตยกรรม แลนด์สเคป ไปจนถึงตกแต่งภายใน เลือกหมอนในบ้านลูกค้ากันเลยทีเดียว
ในมุมของผมมันไม่นับว่าเป็นความยาก มันคือโจทย์ที่คุณต้องทำให้ได้ เพื่อเป็นผู้ออกแบบที่ดี เวลามีลูกค้าสักคนให้โอกาสคุณในการออกแบบ นั่นแสดงว่าเขาไม่ได้อยากได้อะไรที่ทั่วไป หาจากที่ไหนก็ได้ เขาต้องการสิ่งที่เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น นั่นหมายถึงว่าโจทย์แรกของการออกแบบคือต้องสะท้อนตัวของเจ้าของบ้าน แบบยูนีค 100% เหมือนเวลาเราเห็นรังนก และเรารู้ว่ามันเป็นรังของนกอะไร การออกแบบบ้านก็ต้องมองแล้วเข้าใจว่าเจ้าของบ้านเป็นคนอย่างไรฉันท์นั้น
เรายกตัวอย่างการออกแบบห้อง ๆ หนึ่ง เราต้องใส่ใจระดับที่ว่า ประเภทของคนที่ใช้ห้อง อายุเท่าไหร่ เพศอะไร พฤติกรรมการเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้เราต้องเอามาเป็นหัวใจในการนำเสนอรูปแบบอาคาร เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการอยู่อาศัยมากที่สุด เรื่องเล็กๆอย่างพื้นเนี่ยถ้าเป็นกระเบื้อง และคนอยู่เป็นผู้สูงอายุ เราควรออกแบบเป็นพื้นไม้ เพื่อที่เขาตื่นมาเท้าจะไม่เย็น อากาศในห้องจะไม่เย็นมาก เขาจะได้ไม่ป่วย การแนะนำตัวเลือกที่ดีที่สุด จากประสบการณ์ของเรา เพื่อนำไปผสานกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย เพื่อให้ได้รูปแบบที่ดีที่สุด
จากประสบการณ์ในการทำงาน ที่ได้คลุกคลีกับบุคคลต่างๆ ในวงการตกแต่ง-ออกแบบ รวมถึงวงการวัสดุก่อสร้าง ทำให้ต้องเรียนรู้และเข้าใจความต้องการของลูกค้า ต้องดูแลลูกค้าให้เหมือนกับคนในครอบครัว การออกแบบให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งงานออกแบบที่เคยทำมีมูลค่างานสูงสุดคือ 300 กว่าล้านบาท ความคาดหวังต้อลูกค้าจึงสูงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องอาศัยความใส่ใจรายละเอียดที่สูงมาก ๆ
เพราะเนื่องจากตลาดบ้านสไตล์คลาสสิคคอนเทมโพรารีนั้น จะยืนยงไม่เสื่อมคลายไปตามกาลเวลา อีกทั้งยังสามารถประยุกต์ร่วมเข้ากับความสมัยใหม่ เป็นสไตล์ที่มีความยืดหยุ่นที่สุดไม่มีกฎตายตัว การทำบ้านให้ออกมาเป็นสไตล์คลาสสิก เป็นเหมือนการให้รางวัลตัวเอง บ้านสไตล์คลาสสิคนั้นถูกแบ่งออกเป็นอีกหลากหลายรูปแบบ และยังคงดูสวยงามแม้เวลาผ่านมาเนิ่นนาน
ความสุขของการทำงานคือ การที่เราได้เห็นว่าทุกฟังค์ชั่นที่เราพินิจพิเคราะห์ออกแบบให้ลูกค้าอย่างพิถีพิถัน มันเกิดประโยชน์และยกระดับคุณภาพชีวิตของเขาได้ การที่ลูกค้าบอกต่อๆ ไปเรื่อยๆ ทำให้ตลาดบ้านสไตล์คลาสสิค ที่ยังคงเอกลักษณ์ที่สำคัญในอดีต เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ยิ่งคนรู้จักเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เรามีความสุขเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น คุณปริญญา แสงเงินกล่าว
สำหรับใครที่อยากเข้ามาทำในอาชีพนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีความรัก รักในอาชีพนี้ เพราะถ้าไม่รัก ก็จะทำไม่ได้ และต้องตามนวัตกรรม ตามเทรนด์ให้ทัน แม้การตกแต่งบ้านสไตล์นี้จะมีเอกลักษณ์ที่สำคัญในอดีต แต่ก็มีการพัฒนาตามยุคสมัยอย่างชัดแจ้ง โดยภาพรวมของอารมณ์ วัสดุ และโทนสีแล้ว บางองค์ประกอบก็ดูใกล้เคียงกับการออกแบบบ้านสมัยใหม่ นั่นก็เป็นเพราะความคลาสสิคนั้นมีลายเซ็นที่ชัดเจนแต่ยืดหยุ่น เราดูแล้วเราบอกได้ว่านี่คือสไตล์คลาสสิค แต่ทุกการออกแบบมีความเป็นตัวของตัวเองสูงจนจำแนกเป็นบุคลิกได้อย่างเด่นชัด
ติดตามรายละเอียดเรื่องราวงานสถาปัตย์และการออกแบบภายในสไตล์คลาสสิคได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/LAInteriorTH
Instagram : https://www.instagram.com/la_interior_th/