เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ครอบครัวได้มีโอกาสพบกัน ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน เยี่ยมพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา มีบรรยากาศอบอุ่นอีกครั้ง รวมถึงให้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ ทางคณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้วันที่ 13 เมษายนของทุกปี เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ การจัดวันให้เป็นวันสำคัญเพื่อให้ลูกหลานได้กลับมาหาพ่อแม่ปู่ย่าตายายนั้นไม่ธรรมดา แสดงว่าเป็นธุระสำคัญของชาติอย่างแท้จริง และการที่ครอบครัวควรจะได้อยู่เป็นครอบครัวเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ในที่สุดก็หนีความจริงที่ว่า การงาน และการเงินก็สำคัญไม่ได้ จึงจำใจให้สถานการณ์นั้นยังคงเกิดขึ้นอยู่ร่ำไป
ทำให้ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว มูลนิธิกระจกเงา จึงได้เข้ามาหารือกับบริษัททรู ฯ ถึงเทคโนโลยีที่จะสามารถเข้ามามีบทบาทในการตามหาคนหายกลับบ้าน นั่นจึงทำให้ทั้ง 2 ฝ่าย นำจุดแข็งมาพัฒนาร่วมกัน เป็นโครงการ หาย (ไม่) ห่วง ในปีต่อมา และยังได้รับความร่วมมือ จาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ บริษัท Energetic Electrical Engineering (พัฒนาระบบฐานข้อมูลให้มูลนิธิกระจกเงา) และบริษัท MEID จำกัด มาร่วมกันแก้ไขปัญหานี้ด้วยกัน
ที่เชื่อมต่อกับข้อมูลของผู้ป่วยที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ แอปพลิเคชันยังทำหน้าที่สแกนสายรัดข้อมือ (Wristband) เมื่อจิตอาสาพบเจอผู้พลัดหลง ก็จะสามารถรายงานข้อมูลการพบคนหาย แล้วส่งข้อมูลมาที่มูลนิธิกระจกเงา ทางมูลนิธิกระจกเงาก็จะประสานงานกับผู้ดูแลพร้อมดำเนินการนำคนหายกลับสู่ครอบครัวต่อไป
เนื่องในวันผู้สูงอายุ 13 เมษายนนี้ จึงขอเชิญชวนลูก ๆ ทุกคนที่เป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่ ดาวน์โหลด ThaiMissing Application และลงทะเบียนรับสายรัดข้อมือ หาย(ไม่)ห่วงฟรี เพื่อให้ทุกครั้งของการ
กลับบ้าน เราจะได้พบท่าน พบรอยยิ้ม ได้รดน้ำดำหัวขอพรจากผู้ใหญ่ที่เรารัก และก็จะเป็นวันครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสุขแบบพร้อมตากันทั้งครอบครัวตลอดไป
สามารถเข้าไปลงทะเบียนรับสายรัดข้อมือหาย (ไม่) ห่วงได้ที่ http://thaimissing.backtohome.org/register
หาย(ไม่)ห่วง Success case : https://youtu.be/zUWA-53E4t8