ป่า … ทุกคนต่างรู้ว่าป่าเป็นที่อยู่ของต้นไม้ สัตว์ป่านานาพันธุ์ มีประโยชน์กับมนุษย์ และสัตว์อย่างมากมายมหาศาล

ผืนป่าได้สร้างทรัพยากรธรรมชาติให้มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น แหล่งอาหาร ไม้ ยารักษาโรค น้ำจืด และ อากาศเพื่อให้เราได้หายใจ แต่คุณรู้ไหมว่าปัจจุบันป่าของเราลดน้อยลงไปมาก เราถูกบุกรุกป่า ถางป่า หรือ เผาป่าทำไร่เลื่อนลอย จนเกิดความเสียหายอย่างมหาศาล ทุกวันนี้มีการทำลายมากกว่าการสร้าง จึงส่งผลให้ป่าไม้ของเรานั้นลดน้อยลง หากไม่มีต้นไม้คอยดูดซับน้ำเอาไว้ เมื่อฝนตกหนักจะทำให้เกิดน้ำไหลบ่าลงน้ำท่วมพื้นที่บ้านเรือนของประชาชนที่อาศัยอยู่บนที่ลุ่ม และ เมื่อถึงฤดูแล้งก็จะไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงใต้ดินเพื่อหล่อเลี้ยงต้นไม้ลำธารทำให้ประสบปัญหาภัยแล้งขึ้นซึ่งมีผลต่อการผลิตในทางเกษตรกรรมและส่งผลถึงเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบันด้วย

“...ทิ้งป่านั้นไว้ 5 ปี ตรงนั้นไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ป่าเจริญเติบโตเป็นป่าสมบูรณ์ โดยไม่ต้องปลูกสักต้นเดียว คือว่าการปลูกป่านั้น สำคัญอยู่ที่ปล่อยให้เขาขึ้นเอง...” 

พระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9  เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2547 

ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูกเว็บไซต์สำนักโครงการพระราชดำริและกิจการพิเศษ 

กรมป่าไม้ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงห่วงใยในปัญหาปริมาณป่าไม้ลดลงเป็นอย่างมาก จึงทรงพยายามค้นหาวิธีนานาประการที่จะเพิ่มปริมาณของป่าไม้ในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้นอย่างมั่นคง และ ถาวร โดยทรงมีวิธีการที่เรียบง่ายในการดำเนินงาน ตลอดจนเป็นการส่งเสริมระบบวงจรป่าไม้ในลักษณะอันเป็นธรรมชาติดั้งเดิม ซึ่งได้พระราชทานพระราชดำริไว้หลายวิธีการ อาทิเช่น กลยุทธ์การปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูกซึ่งเป็นไปตามหลักการกฎธรรมชาติ (Natural Reforestation) อาศัยระบบวงจรป่าไม้ และ การทดแทนตามธรรมชาติ (Natural Reforestation) คือการปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเติบโตของต้นไม้และควบคุมไม่ให้มีคนเข้าไปตัดไม้ ไม่มีการรบกวนเหยียบย่ำต้นไม้เล็กๆ เมื่อทิ้งไว้ช่วงระยะเวลาหนึ่งต้นไม้ก็จะงอกงามขึ้นเองตามธรรมชาติ

ด้วยความสำคัญดังกล่าวจึงได้เกิดแนวคิดในการกำหนดวันป่าไม้โลกมีต้นกำเนิดมาจากการประชุมสมัชชนสมัยทั่วไปของสันนิบาตยุโรปด้านการเกษตร (European Confederation of Agriculture) ครั้งที่ 23 ในปี 2541

ในปีเดียวกันนั้นเอง องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้สนับสนุนแนวความคิดดังกล่าว โดยคาดหวังว่าจะสามารถกระตุ้นความตระหนักของสาธารณชนให้เห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรป่าไม้ โดยกำหนดให้มีการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องในทุกวันที่ 21 มีนาคมของทุกปีทั่วโลก เป็นวันป่าไม้โลก ตามมติของที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2012

วันป่าไม้โลก (World Forestry Day) ได้มีการเฉลิมฉลองกันต่อเนื่องเป็นเวลามากว่า 30 ปี

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ประชาคมโลกได้เห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรป่าไม้ ตลอดจนประโยชน์และผลิตผลต่างๆ ที่ได้รับจากป่า เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้รับทราบถึงข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรป่าไม้ใน 3 ประเด็นหลัก คือ การป้องกัน (Protection) ผลิตผลป่าไม้ (Producion) และการนันทนาการ (Recreation)

สุดท้ายนี้หากพวกเราทุกคนตระหนักถึงประโยชน์ของป่าไม้แล้วร่วมมือช่วยกัน สร้าง และ รักษา

เพื่อให้ป่าไม้ให้ลูกหลานรุ่นต่อไปของเรา เริ่มง่ายๆจากการ ปลูกป่าในใจ คอยคำนึงถึงประโยชน์ของป่าไม้ เพื่อให้ป่าไม้ได้สร้างประโยชน์ต่อชาวโลกต่อไปดั่งที่ว่า ป่าไม้นี้มีบุญ…คุณอันใหญ่หลวง