3,912 Views
นอกจากการเตรียมพร้อมของแม่ท้องแล้ว คุณพ่อเองก็ต้องเป็นอีกหนึ่งแรงใจในการอยู่เคียงข้างแม่ท้องให้ผ่านภาวะต่าง ๆ ระหว่างการตั้งครรภ์ เพราะร่างกายของแม่ท้องต้องพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของว่าที่คุณแม่ได้ หากคุณพ่อกุมมือให้กำลังใจและคอยอยู่เคียงข้าง ก็จะช่วยส่งเสริมให้แม่ท้องรับมือกับภาวะต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น
วันนี้เรารวบรวม 10 อาการตั้งครรภ์ ที่คุณแม่มือใหม่ต้องเจอ มาเป็นข้อมูลในการเตรียมความพร้อมว่าระหว่างการตั้งครรภ์ ร่างกายและจิตใจของแม่ท้องจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดบ้าง
เนื่องจากคุณแม่ท้องเริ่มเข้าสู่ภาวะตั้งครรภ์ ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้คุณแม่มีอารมณ์แปรปรวนง่าย อ่อนไหว ขี้หงุดหงิด ขี้น้อยใจ หรือร้องไห้เก่ง ซึ่งความแปรปรวนทางอารมณ์เหล่านี้จะหมดไปเมื่อร่างกายคุณแม่ปรับการทำงานต่าง ๆ จนเข้าสู่สภาวะสมดุล
คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมรับมือด้วยการหากิจกรรมผ่อนคลายทำ เช่น ให้คุณแม่อ่านหนังสือ ฟังเพลง หางานอดิเรกทำ เป็นต้น เพื่อให้คุณแม่รู้สึกสบายใจ ไม่เครียด
อาการเหล่านี้ มักเรียกรวมกันว่า "อาการแพ้ท้อง" มักเกิดช่วงตั้งครรภ์เดือนแรก ๆ เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอีกเช่นกัน ในบางกรณีแม่ท้องอาจปวดหัวเนื่องจากความเครียด วิตกกังวล หรือภูมิแพ้ แนะนำให้แม่ท้องดูแลตัวเองเรื่องอาหารมากขึ้น ดื่มน้ำมากขึ้น พักผ่อนเยอะ ๆ และอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก จะช่วยลดอาการปวดหัวได้ดีขึ้น
แม่ท้องมักพบว่ามีอาการจมูกไวต่อกลิ่นมากเป็นพิเศษ บางกลิ่นซึ่งเคยเป็นกลิ่นที่แม่ท้องชอบมากก็อาจเหม็นรุนแรงได้ เช่น กลิ่นอาหาร กลิ่นน้ำหอม หรือกระทั่งกลิ่นตัวของคุณพ่อเอง จนบางครั้งอาจส่งผลให้คุณแม่รู้สึกคลื่นไส้อาเจียนได้ คุณพ่อต้องอยู่ข้าง ๆ อย่างเข้าใจ และคอยให้กำลังใจแม่ท้องอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากแม่ท้องมีฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป ส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร บวกกับมดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงส่งผลให้แม่ท้องผายลมบ่อย ไม่สบายท้อง และท้องอืดได้ง่าย เพราะลำไส้แม่ท้องถูกมดลูกเบียด ทำให้ย่อยอาหารยาก และมีลมในกระเพาะมากกว่าปกติ คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ และออกกำลังกายเบา ๆ จะช่วยลดอาการท้องอืดลงได้
แม่ท้องบางคนมีอาการอยากกินของเปรี้ยว หรือของแปลก ๆ ที่ไม่เคยชอบกิน แต่กลับเหม็น ไม่อยาก และไม่ชอบอาหารที่เคยชอบมาก่อน เนื่องจากระดับฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้การรับรู้รสชาติของแม่ท้องเปลี่ยนไปนั่นเอง นอกจากนี้แม่ท้องอาจมีภาวะหิวไม่เป็นเวลา และอาจหิวบ่อย คุณพ่อจึงควรเตรียมตัวเตรียมใจรับมือภาวะนี้ไว้เช่นกัน
อาการเหล่านี้มักพบในแม่ท้องที่มีอายุครรภ์ช่วง 3 เดือนแรก เพราะร่างกายพยายามสร้างของเหลวเพื่อไปเลี้ยงมดลูกมากขึ้น จึงทำให้ไตทำงานมากกว่าปกติ ชีพจรเต้นเร็ว ในขณะเดียวกันมดลูกก็เริ่มขยายขนาดไปเบียดหรือกดทับกระเพาะปัสสาวะคุณแม่ ส่งผลให้คุณแม่ปวดปัสสาวะบ่อยนั่นเอง แต่อาการเหล่านี้จะลดลงเมื่อถึงช่วงกลางของการตั้งครรภ์ เพราะมดลูกแม่ท้องจะอยู่สูงขึ้น จนถึงช่วงใกล้คลอดที่หัวทารกจะลดต่ำลงอีกครั้งและทำให้แม่ท้องมีอาการปวดปัสสาวะบ่อยขึ้นอีกครั้ง
เนื่องจากร่างกายของแม่ท้องมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น ความดันเลือด น้ำตาลในเลือด และระบบไหลเวียนเลือดจึงสูงขึ้น ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียพลังงานมากขึ้น แม่ท้องจึงรู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจถี่ และอ่อนเพลีย แต่อาการเหล่านี้จะทุเลาลงเมื่อแม่ท้องเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ที่ร่างกายปรับสมดุลได้แล้ว
แม่ท้องมักมีอาการเจ็บหลังช่วงล่าง และอาจมีตะคริวร่วมด้วย ตลอดช่วงเวลาของการตั้งครรภ์ เป็นผลมาจากมดลูกขยายขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับทารกน้อยในครรภ์ ศูนย์กลางการทรงตัวของแม่ท้องเปลี่ยนไป
เมื่อร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ปริมาณฮอร์โมนสูงขึ้น แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อส่วนต่าง ๆ ในร่างกายของแม่ท้อง การเจริญเติบโตของเส้นผมก็เช่นกัน แต่อาการเหล่านี้จะหมดไปเมื่อร่างกายคุณแม่เข้าสู่สภาวะสมดุล หรือได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อการร่างกายของทั้งแม่ท้องและลูกน้อยในครรภ์
สาเหตุของอาการคัดเต้าเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้นเต้านมจะยิ่งตึงขึ้น หัวนมและลานนมก็มีสีเข้มขึ้นเช่นกัน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตน้ำนมนั่นเอง แนะนำให้แม่ท้องเลือกชุดชั้นในที่มีขนาดพอดี และรับน้ำหนักได้ดี เพื่อลดอาการเจ็บและคัดเต้านม