ดังนั้นโรงเรียนจึงจำเป็นที่จะต้องจัดประชุมผู้ปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกก่อนที่จะเริ่มเปิดภาคเรียนของปีการศึกษานั้น ๆ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ปกครองรับทราบและวางแผนการเรียนรู้ให้กับนักเรียนที่เป็นบุตรหลานได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการดำเนินการของทางโรงเรียน และจะเป็นประโยชน์เพิ่มมากขึ้น ถ้าสามารถจัดการประชุมผู้ปกครองได้มากกว่าภาคเรียนละ 1 ครั้ง เพราะจะช่วยให้ผู้ปกครองและครูผู้สอนสามารถติดตามนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถร่วมมือกันในการสนับสนุนการเรียนรู้ได้ดีมากยิ่งขึ้น
ในการประชุมผู้ปกครอง นอกจากข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ของทางโรงเรียน เช่น หลักสูตรสถานศึกษา และนโยบายการศึกษาของทางภาครัฐที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษาของทางโรงเรียน ที่คณะผู้บริหารสถานศึกษาต้องให้ข้อมูลกับผู้ปกครองแล้ว การพบปะครูประจำชั้นก็ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากผู้ปกครองจะได้ทราบข้อมูลต่าง ๆ จากครูประจำชั้นเรียนของนักเรียนแล้ว ยังเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ปกครองและครูผู้สอน และสร้างสรรค์เครือข่ายความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาในห้องเรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แน่นอนว่า เมื่อครูผู้สอนจำเป็นจะต้องพบปะกับผู้ปกครอง ข้อมูลต่าง ๆ ที่ครูผู้สอนจะต้องให้กับผู้ปกครองนั้นจำเป็นจะต้องมีความครบถ้วน ชัดเจน และสอดคล้องกับนโยบายการศึกษาชาติ และนโยบายการศึกษาของทางโรงเรียน ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกัน ครูผู้สอนควรต้องประชุมกับผู้บริหารล่วงหน้าเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ที่จะต้องให้กับผู้ปกครอง เพราะให้ทุกคนสามารถให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ ที่ครูผู้สอนควรจะให้กับผู้ปกครองในการประชุมผู้ปกครองนั้น มีดังนี้
เริ่มแรกของการประชุมผู้ปกครอง ครูผู้สอนซึ่งเป็นครูประจำตัวจะต้องแนะนำตัวให้ผู้ปกครองเพื่อทำความรู้จัก และควรให้ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลในการติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถสอบถามข้อมูลหรือข้อสงสัยต่าง ๆ กับครูผู้สอนได้โดยตรง
ผู้ปกครองควรต้องทราบถึงช่องทางในการติดต่อกับโรงเรียนโดยตรง เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมนอกเหนือจากการจัดการในชั้นเรียน ทำให้ผู้ปกครองสามารถสอบถามกับทางโรงเรียนได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องผ่านครูผู้สอน ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนและช่วยให้ผู้ปกครองได้ข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ด้วยความที่ปัจจุบัน เทคโนโลยีการสื่อสารออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการดำเนินชีวิตของคนเรา ทำให้พวกเราสามารถติดต่อถึงกันได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งครูผู้สอนสามารถใช้ประโยชน์จากส่วนนี้ในการพัฒนาชั้นเรียนได้ โดยครูผู้สอนอาจตั้งกลุ่มสังคมออนไลน์ของชั้นเรียนขึ้นมา สำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างกันของผู้ปกครอง เพื่อให้เกิดการติดต่อสื่อสารระหว่างกันและสร้างเป็นเครือข่ายผู้ปกครอง ในการส่งเสริมชั้นเรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งครูผู้สอนควรใช้โอกาสนี้ในการประชาสัมพันธ์กลุ่มสังคมออนไลน์ดังกล่าว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญและให้ความร่วมมือในการเข้าร่วมมากขึ้น
ในการประชุมผู้ปกครอง โดยเฉพาะกับการประชุมครั้งแรก ก่อนที่จะเริ่มมีการศึกษา ครูผู้สอนควรให้ข้อมูลกับผู้ปกครองเกี่ยวกับระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ ของทางโรงเรียน เพื่อให้เกิดความเข้าใจและถือปฏิบัติร่วมกันในข้อปฏิบัติดังกล่าว ซึ่งครูผู้สอนอาจจัดทำเอกสารอธิบายถึงระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อแจกให้กับผู้ปกครองร่วมด้วย ซึ่งช่วยให้ผู้ปกครองทำความเข้าใจได้ง่ายชึ้น และหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรสำหรับการตัดสินข้อขัดแย้งต่าง
ในแต่ละระดับชั้นนั้น มีแนวการเรียนที่แตกต่างกัน เช่น ในระดับปฐมวัยอาจเน้นการบูรณาการกิจกรรม ประถมศึกษาอาจเน้นการอ่านการเขียน ทักษะกระบวนการคิด และมัธยมศึกษาอาจเน้นที่เนื้อหาวิชาการ และความถนัด เป็นต้น ซึ่งด้วยความแตกต่างนี้ ทำให้ครูผู้สอนต้องอธิบายผู้ปกครองให้เข้าใจถึงรูปแบบและแนวทางจัดการเรียนรู้ของแต่ละระดับ รวมไปถึงต้องอธิบายถึงเส้นทางการศึกษา ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรในช่วงเวลาใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับช่วงรอยต่อของการศึกษา เช่น ชั้นอนุบาลขึ้นชั้นประถมศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งจำเป็นจะต้องให้ผู้ปกครองทราบทั้ง รูปแบบการเรียน แนวทางการศึกษาต่อ และการส่งเสริมผู้เรียนอย่างเหมาะสม
เรื่องของชีวอนามัยและความปลอดภัย ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่ครูผู้สอนควรกำชับกับผู้ปกครอง เพื่อให้ดูแลนักเรียนที่เป็นบุตรหลาน โดยเฉพาะกับช่วงนี้ที่ยังคงอยู่ในวิกฤตการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ซึ่งผู้ปกครองจะต้องทราบถึงมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการป้องกันโรคของทางโรงเรียน และเน้นย้ำให้ผู้ปกครองปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ต้องแจ้งให้ผู้ปกครองทราบถึงอุบัติเหตุและภัยอันตรายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับนักเรียน รวมถึงแนวทางในการดำเนินการของโรงเรียนและแนวทางในการปฏิบัติของผู้ปกครองในกรณีฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น
นโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ เป็นนโยบายด้านการศึกษาที่รัฐจัดสรรงบประมาณด้านการศึกษาต่าง ๆ ให้กับนักเรียนโดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งงบประมาณที่รัฐจัดสรรให้กับนักเรียนนั้น ล้วนมีรายละเอียกที่แตกต่างกันในแต่ละระดับชั้น ซึ่งครูผู้สอนจะต้องชี้แจง และบอกถึงแนวทางในการเบิกจ่ายที่ถูกต้องกับผู้ปกครอง เช่น การออกใบเสร็จค่าอุปกรณ์การเรียนและค่าเครื่องแบบนักเรียน การลงชื่อในเอกสารการเงิน หรือ การตรวจสอบข้อมูลของนักเรียนให้ถูกต้อง เป็นต้น เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถดำเนินการได้ถูกต้อง และเป็นผลดีกับการดำเนินการของโรงเรียนด้วย
ครูผู้สอนควรแนะนำผู้ปกครองเข้าร่วมเครือข่ายผู้ปกครองในชั้นเรียน เพื่อเป็นกำลังขับเคลื่อนการดำเนินงานต่าง ๆ ในชั้นเรียน และอาจแนะนำให้ผู้ปกครองที่มีความพร้อมเข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองของโรงเรียน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนและขับเคลื่อนโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โรงเรียนบางแห่งมีโครงการพิเศษต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับนักเรียน เช่น โครงการออมทรัพย์ หรือโครงการทุนการศึกษาต่าง ๆ เป็นต้น ข้อมูลของโครงการต่าง ๆ เหล่านี้ ครูผู้สอนควรจัดทำเป็นเอกสารและประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองทราบ เพื่อให้ผู้ปกครองตัดสินใจในการพิจารณาให้นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านั้นหรือไม่ ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์กับนักเรียนแล้ว ยังช่วยให้การดำเนินงานของโครงการเป็นไปได้ตามวัตถุประสงค์อีกด้วย
ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นข้อมูลพื้นฐานสำคัญที่ครูผู้สอน ควรให้กับผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองรับทราบ พิจารณาตัดสินใจ และถือปฏิบัติกับนักเรียนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการให้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนในเรื่องเหล่านี้ จะช่วยให้การดำเนินงานทั้งในระดับชั้นเรียนและระดับโรงเรียน ได้รับความร่วมมือที่ดีจากผู้ปกครอง และสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรียบเรียงโดย : นรรัชต์ ฝันเชียร