Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เทคนิคการเรียนพิเศษ หรือ กวดวิชาอย่างไร...ให้สอบติด !

Posted By Plook TCAS | 29 ก.ค. 63
3,058 Views

  Favorite

          “ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด”

          เป็นคำสุภาษิตที่พี่นัทไม่อยากให้เกิดขึ้นกับน้องคนไหนเลย ยิ่งปัจจุบันการเรียนพิเศษกลายเป็นตัวช่วยหลักของน้อง ๆ ในการเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นเรียนตามสถาบันกวดวิชา เรียนผ่านคลิปติวออนไลน์ เรียนสดออนไลน์ เรียนกันจนมึน แต่หลายคนก็พบปัญหา เรียนพิเศษจนอัดแน่น แต่เรียนแล้วเกรดก็ยังไม่ดี เรียนไม่มีความสุข ทำข้อสอบได้คะแนนน้อย ไม่ได้ทำให้เข้าใจเนื้อหาอะไรมากขึ้น

          หลายคนที่มีปัญหานี้ เลยชักไม่มั่นใจแล้วว่า “เรียนพิเศษ” มันแก้ปัญหาเก่า หรือสร้างปัญหาใหม่กันแน่ ยิ่งเศรษฐกิจในช่วงนี้ ส่งผลกระทบไปหมด การตัดสินใจทำอะไรที่ต้องใช้เงิน จึงต้องอยู่ภายใต้ความสมเหตุสมผล วันนี้พี่นัทจึงมีเทคนิคการเลือกการเรียนพิเศษ มาฝากน้อง ๆ เรียนอย่างไรให้คุ้มค่า เป็นต้นทุนการศึกษาที่ไม่สูญเปล่า ลองไปติดตามกันค่า

 

ซ่อม สร้าง เสริม

          ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเรียนพิศษวิชาใด เนื้อหาไหน ให้น้อง ๆ ลองเลือกวิชาต่าง ๆ เหล่านั้น หยิบใส่กล่อง 3 ใบ ใบแรก มีชื่อกล่องว่า “กล่องซ่อม” ใบที่สอง คือ “กล่องสร้าง” และใบที่สาม คือ “กล่องเสริม”  แต่ละกล่องจะทำหน้าที่เป็นตัวกรองให้น้องใช้ตัดสินใจเลือกเรียนพิเศษแบบสมดุล คือ พอดี พอใช้ และพอไหว ที่นี้เราลองมาดูว่า แต่ละกล่องคืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร ในการแก้ปัญหาการเรียนพิเศษของเรา

 

กล่องซ่อม

          กล่องนี้จะรับหน้าที่เป็นกล่องเก็บวิชาที่เราอ่อน ! (อาการสาหัส เกรดตก ทำข้อสอบได้คะแนนน้อย เรียนอย่างไรหัวใจก็ไม่รัก) วิชาที่อยู่ในกล่องนี้ คือเนื้อหาสาระที่ต้องรีบรักษาตัวโดยด่วน น้อง ๆ ลองพิจารณาทั้งรูปแบบรายวิชา รายเนื้อหา แล้วเลือกหยิบมาใส่กล่องนี้ แล้วจัดการอัปเกรดโดยด่วน อาจจะไม่สามารถอัปให้เก่งขึ้นมาได้ท้นที แต่อย่างน้อยก็อย่าให้เป็นโรคร้ายที่เสี่ยงตายในการเข้ามหาวิทยาลัย เวลาเลือกคอร์สเรียนพิเศษ ก็เลือกเรียนเพื่อกำจัดจุดอ่อน อย่างน้อยทำให้รัก หรือไม่เกลียด แล้วพอใช้ชีวิตอยู่กับมันได้ก็ยังดี

 

กล่องสร้าง

          กล่องนี้จะรับหน้าที่เก็บเนื้อหาหรือวิชาที่น้อง ๆ ยังไม่เคยเรียน หรือเรียนแต่เนื้อหาเบื้องต้น แต่เนื้อหาเชิงลึกไม่ได้เรียน น้อง ๆ บางคนมีปัญหาการเลือกแผนการเรียนผิดแผน จึงส่งผลให้แผนเข้ามหาวิทยาลัยต้องเพี้ยนไป และถ้าเริ่มรู้ตัวแล้วว่าวิชาไหน เนื้อหาใดไปไม่ไหว ขยันยังไงก็ไปไม่รอด อาจจะต้องวางแผนอพยพ เปลี่ยนสาย เปลี่ยนแผนการเรียน อาจจะไม่ต้องถึงกับย้ายแผนการเรียน แต่ควรวางแผนเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยที่อาจจะไม่ได้สอดคล้องกับแผนการเรียน เช่น เรียนแผนวิทย์ - คณิต แต่ต้องการจะเลือกคณะทางด้านศิลป์ อาจจำเป็นต้องเรียนวิชานอกแผนการเรียนเพิ่มเติม เช่น เรียนภาษาต่างประเทศ หรือวิชาศิลปะเพิ่มเติม ถ้าเป็นเด็กแผนศิลป์ อยากเข้าเรียนคณะทางด้านบริหาร อาจจำเป็นต้องเรียน คณิตศาสตร์เพิ่ม ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ที่น้อง ๆ เด็กศิลป์ไม่เคยเรียนในห้องเรียน เพราะเป็นเนื้อหาของคณิตศาสตร์แผนวิทย์และแผนศิลป์คำนวณ

          น้อง ๆ สามารถลงเรียนพิเศษ หรือเรียนกวดวิชาในเนื้อหาหรือวิชาเหล่านี้ได้ จะได้เป็นการสร้างความรู้ใหม่ เพื่อใช้ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แม้จะไม่ได้อยู่ในแผนการเรียน แต่ก็ถือว่าเรียนตามแผนการเข้ามหาวิทยาลัย

 

กล่องเสริม

          กล่องนี้ รับหน้าที่เป็นกล่องใส่วิชาที่เราเก่ง ถนัด โดดเด่น รัก ชอบ ละครต้องมีพระเอก การศึกษาก็เช่นกัน จำเป็นต้องมีวิชาที่เป็นพระเอก เป็นตัวปราบคนร้าย เป็นตัวที่นางเอกรัก น้อง ๆ ควรหาพระเอกในการศึกษาให้เจอก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนพระเอกในหัวใจ รอเข้ามหาวิทยาลัยก่อน ค่อยหาก็ได้ (ฮิ้ว!!)

          หลายคนเก่งวิชาใดแล้ว ก็มักไม่ต่อเติม ดังนั้นน้อง ๆ ไม่ควรประมาท ควรเสริมความแข็งแกร่งให้วิชาเหล่านี้ เก่งแล้วเก่งอีก ได้คะแนนดีแล้ว ได้คะแนนดีอีก เข้าใจแล้วเข้าใจทุกเหลี่ยมทุกมุม ให้ทะลุปรุโปร่ง เรียกได้ว่าข้อสอบจะพลิกแพลงตะแคงเลือกมุมไหนมาออกข้อสอบ เราก็สามารถโกยคะแนนในเนื้อหาหรือวิชาเหล่านี้ได้ จะได้ไว้เป็นตัวช่วยปราบตัวร้ายทางการศึกษา ตัวที่ป่วนคะแนนของเรา ไว้คอยเสริมคะแนนในส่วนที่เป็นจุดอ่อน

 

วิธีการเลือก

          เมื่อใส่ข้อมูลลงไปในแต่ละกล่องแล้ว ก็มาถึงวิธีการเลือก แต่ละคนอาจจะเลือกกล่องคนละใบ หรือคนละหลายใบก็ได้ เช่น บางคนปล่อยจุดอ่อนทิ้งเลย เพราะไม่ได้ใช้แล้วในการเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ได้อยู่ในวิชาที่จะสอบ ก็อาจจะเลือกเรียนจากวิชาใน “กล่องเสริม” คือเรียนเฉพาะวิชาที่ต้องใช้และเป็นจุดเด่นของตัวเอง เพื่อโกยคะแนนให้เป็นกอบเป็นกำ

          บางคน ในชีวิตไม่เคยมีพระเอกเลย ไม่ถนัดไม่เก่งวิชาใดเป็นพิเศษ ก็อาจพิจารณาจาก “กล่องซ่อม” คือหาจุดอ่อนมาแก้ไข หรือลดความรุนแรงของปัญหาลง หรืออาจใช้ข้อมูลจาก “กล่องสร้าง” คือหาวิชาใหม่เรียนเลย ปรับแผนการเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ แล้วดูว่าเราขาดวิชาอะไร เรียนตกหล่นหรือไม่ได้เรียนในวิชาไหน ก็จัดการเติมเต็มซะ

          บางคน อาจเลือกซ่อมจุดอ่อน ควบคู่กับเติมจุดแข็ง เพราะเรียนวิชาต่าง ๆ มาครบถ้วนแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ “กล่องสร้าง” ก็เป็นด้ายยยยย

 

          หลักการเลือกเรียนพิเศษในบทความนี้ น้อง ๆ สามารถหยิบข้อมูลจากกล่องต่าง ๆ มาพิจารณา ดีกว่าเรียนกวดวิชาโดยที่ไม่รู้ว่าเรียนไปทำไม เรียนไปเพื่ออะไร หรือควรเลือกเรียนวิชาไหนกันแน่ อย่าลืมว่า ในการทำข้อสอบ ไม่เกี่ยวกับว่า เราเรียนอะไรมามากแค่ไหน แต่มันขึ้นอยู่กับว่า เราเข้าใจและจดจำสิ่งที่เรียนมา ได้มากน้อยเพียงใดต่างหาก  หลักการสำคัญคือ “ความพอดี” แล้วนำเวลาที่เหลือจากการทุ่มเรียนพิเศษอย่างหนักเกินไป ไปใช้ทำกิจกรรมอย่างอื่นที่พัฒนาศักยภาพของตนเพิ่มเติมจะดีกว่า ไม่อยากนั้นจะกลายเป็นดั่งคำสุภาษิตข้างต้นที่พี่นัทนำมากล่าวไว้ “ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด” เพราะถึงเวลาที่อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องใช้ความรู้จริง ๆ กลับทำอะไรไม่ได้เลย แบบนี้ไม่รอดแน่ค่ะ    

 

พี่นัท ทรูปลูกปัญญา

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook TCAS
  • 29 Followers
  • Follow