6,048 Views
การฝึกฝนภาษาอังกฤษก็มีหลากหลายระดับขึ้นอยู่กับว่าตอนนี้พื้นฐานของตัวเราเองอยู่ในระดับไหนเราจะได้เลือกวิธีการพัฒนาภาษาของตัวเราเองได้อย่างเหมาะสม
สำหรับคนที่ไม่เคยมีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาก่อนเลย วิธีการเรียนรู้ส่วนมากจะเป็นการอ่านและการเขียน แต่จริง ๆ แล้วการเรียนรู้ภาษานั้นควรเริ่มจากการฟังและการพูดก่อน เพราะโดยปกติแล้วการเรียนภาษาอย่าง “ธรรมชาติ” นั้นจะเกิดจากการฟังและพูดก่อนการอ่านและการเขียน ดังนั้นผู้ที่เริ่มต้นศึกษาภาษาก็ควรที่จะฟังและพูดเยอะ ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการเรียนรู้อย่างสูงสุด
จริง ๆ แล้วผู้ที่ฝึกฝนภาษาไม่ว่าจะอยู่ในระดับไหนก็ควรฟังและพูดเยอะเหมือนกันทั้งนั้น ในปัจจุบัน โลกของเทคโนโลยีทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เราสามารถที่จะค้นหาวีดีโอ หนัง ซีรีย์ หรือรายการทีวี ที่เป็นภาษาอังกฤษได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการเรียนรู้ภาษาได้มากขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้าเราอยากเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นเราก็ควรที่จะ ฟังเยอะ ๆ แล้วหัดพูดตามหนังหรือวีดีโอที่เราดู เราก็จะชินกับการพูดไปเอง รวมถึงเราก็จะได้คุ้นเคยกับสำเนียงการพูดของชาวต่างชาติโดยที่เราไม่ต้องไปเรียนพิเศษเองอีกด้วย
นอกจากนั้นแล้วในปัจจุบันยังมีแอปพลิเคชั่นฝึกภาษาอังกฤษที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้ในโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องมือสื่อสารของเราได้มากมาย เวลาว่าง ๆ เราก็สามารถนำขึ้นมาเล่น นำขึ้นมาอ่านได้ ยกตัวอย่างเช่น เกมฝึกภาษาอังกฤษในชื่อแอปพลิเคชั่น Memrise เราก็สามารถเล่นเกมที่เป็นการฝึกฝนภาษาอังกฤษและทำให้การฝึกฝนไม่น่าเบื่อด้วย หรือ จะเป็นแอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Johnny Grammar’s Word Challenge ของสถาบันสอนภาษาอังกฤษ British Council ที่จะเน้นฝึกเรื่องของคำศัพท์นั่นเอง
ยังมีพวก Podcast และ E-learning (online learning) และ Youtube Channel ที่เราสามารถเข้าถึงได้และเป็นข้อมูลอัพเดทที่ทันสมัยมากกว่าหนังสือ เพราะหนังสือบางเล่มข้อมูลก็อาจจะยังไม่อัพเดท และไม่เหมาะกับชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ยกตัวอย่างเว็บไซท์ในการเรียนรู้ภาษาก็อย่างเช่น www.futurelearn.com/search เว็ปไซท์นี้เป็นต้น เราสามารถเข้าไปเลือกหมวดหมู่ที่เราอยากเรียนรู้ได้เลยโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
ภาษาไม่เคยหยุดนิ่งอยู่แล้ว มันมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา อาจจะมีคำย่อ คำสแลง ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น หรือวิธีการใช้คำศัพท์อาจจะเปลี่ยนแปลงไปในบริบทต่าง ๆ เพราะฉะนั้นเพียงแค่หนังสืออย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอกับการเรียนรู้ภาษาอย่างลึกซึ้งและทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป อินเตอร์เน็ตจึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับการเรียนรู้ในปัจจุบัน
ส่วนสำหรับคนที่พื้นฐานทางด้านภาษาอยู่แล้วแต่อยากพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก เราก็ควรหาว่าจุดอ่อนด้านภาษาของเราอยู่ตรงไหนและพยายามฝึกฝนและปรับตรงจุดนั้นให้มากขึ้น อย่างเช่นบางคนอาจจะพูดสื่อสารในชีวิตประจำวันได้ แต่เวลาเขียนอาจจะเขียนไม่คล่อง ให้คำศัพท์ไม่สวย หรือเขียนผิดแกรมม่า เราก็ควรซื้อหนังสือเกี่ยวกับแกรมม่ามาอ่านทบทวนให้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หนังสือ Advance English Grammar ของอาจารย์ สำราญ คำยิ่งและ Grammar and Techniques of the English ของอาจารย์เลิศ เกษตรคำ ที่เป็นที่นิยมกันในการเรียนเรื่องของแกรมม่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด หรือเราก็อาจจะไปอ่านบทความเป็นภาษาอังกฤษเยอะ ๆ ยกตัวอย่าง อย่างการอ่านบทความข่าวใน BBC, CNN, หรือ Bangkok Post เราก็สามารถเรียนรู้วิธีการเขียน รูปแบบและแนวทางการใช้ภาษา และเราก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเขียนของเราได้
อย่างไรก็ตามสำหรับน้อง ๆ ที่กำลังหาหนังสือเพื่อเตรียมตัวเข้าสอบในระดับมหาวิทยาลัย พี่พิงค์ขอแนะนำเป็นหนังสือที่รวบรวมแนวข้อสอบเก่า ๆ ถ้าเราซื้อมาทำแบบฝึกหัดหรือโจทย์เยอะ ๆ เราก็จะจับแนวทางของข้อสอบได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าน้อง ๆ อยากสอบ IELTS หนังสือที่แนะนำจะเป็นหนังสือรวมข้อสอบและแบบฝึกหัดของ Cambridge ที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป
ในการฝึกฝนหรืออ่านภาษาอังกฤษ จะเป็นร้านหนังสือ KINO และ Asian Book ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ และหนังสือในศูนย์หนังสือจุฬาฯ เพราะร้านหนังสือสองร้านนี้ได้รวบรวมหนังสือที่หลากหลาย และมีหนังสือต่างประเทศให้เลือกเยอะกว่าร้านหนังสือของไทยด้วย แต่ถ้าน้อง ๆ อยากเน้นที่การเข้าสอบแบบภาคไทย พี่ขอแนะนำให้ซื้อหนังสือแนวข้อสอบภาษาอังกฤษ ของพวก GAT PAT หรือวิชานั้น ๆ ที่น้อง ๆ จะสอบตามร้านหนังสือของไทยไปเลย
เราจะเห็นได้ว่าการฝึกฝนภาษาอังกฤษของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปและอาจจะมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันด้วย เทคนิคต่าง ๆ ของแต่ละคนในการเรียนรู้ก็คงจะไม่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามการเรียนรู้ภาษาต้องใช้เวลาในการซึมซับจนกลายเป็นการสื่อสารที่ธรรมชาติมากขึ้น ขอแค่ผู้เรียนภาษาอย่าท้อและฝึกฝนเป็นประจำทุก ๆ วัน เราก็สามารถที่จะเก่งภาษามากขึ้นได้อย่างแน่นอนค่ะ
เรื่อง พิชญา วัชโรดมประเสริฐ