จากการติดตามข่าวทีมหมูป่า หรือน้อง ๆ นักฟุตบอลทั้ง 12 คน (รวมโค้ชด้วยเป็น 13 คน) เข้าไปติดอยู่ในถ้ำหลวง จนเครียดกันอยู่หลายวัน และตอนนี้ทีมค้นหาพบตัวน้อง ๆ แล้ว ยอมรับเลยว่าโล่งใจมาก ๆ และขณะเดียวกันก็ตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน หากเราไปท่องเที่ยวตามแหล่งธรรมชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะการไป “ถ้ำ” ด้วยล่ะค่ะ
เราจะขอถือเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญ และนำ 10 ข้อควรปฏิบัติในการเที่ยวถ้ำมาฝาก เพื่อให้พวกเราทุกคนเตรียมพร้อมรับมือ และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงทีค่ะ
อันดับแรก ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนว่าช่วงที่จะไปตรงกับฤดูฝน ฤดูน้ำหลาก หรือช่วงที่มีฝนตกหรือไม่ เพราะหากมีฝนตก อาจทำให้ดินแถวนั้นอ่อนตัว นอกจากจะลื่นแล้วยังอาจมีน้ำขัง หรือน้ำท่วมในบริเวณถ้ำได้
นอกจากนี้ควรทำการบ้านเกี่ยวกับถ้ำที่จะไปให้ดี ว่าเป็นถ้ำลักษณะใด เป็นถ้ำปลายเปิดมีทางออก หรือเป็นถ้ำตัน มีเส้นทางการเดินคดเคี้ยวประมาณไหน เพื่อลดความเสี่ยงในการเดินหลงอยู่ในถ้ำค่ะ
การไปเที่ยวถ้ำทุกครั้ง ควรมีเจ้าหน้าที่นำทาง เพราะเจ้าหน้าที่คุ้นเคยกับเส้นทางในถ้ำมากกว่าเรา และสามารถช่วยเราแก้ปัญหาได้ในกรณีที่ติดอยู่ในถ้ำ แต่หากไม่มีเจ้าหน้าที่นำทาง ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ทุกครั้งว่ามากี่คน จะเข้าไปที่ถ้ำอะไร ใช้เวลาประมาณไหน หากเกิดกรณีฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
ควรเลือกเสื้อผ้าที่รัดกุม ระบายอากาศได้ดี และไม่อมน้ำ ส่วนรองเท้าควรเลือกประเภทหุ้มส้น และที่พื้นมีดอกยาง เพื่อป้องกันการลื่นล้มภายในถ้ำค่ะ
แต่ถ้ายังเป็นกังวล จะเตรียมถุงมือ สนับเข่า สนับแข้ง และหมวกกันกระแทกติดไปด้วยก็ได้นะคะ กันไว้ดีกว่าแก้เนอะ
การเลือกใช้เป้ที่มีขนาดกำลังดี และมีช่องเก็บของหลายช่อง ช่วยลดภาระในการหยิบเป้มาเปิดเข้าเปิดออกได้เป็นอย่างดี และควรต้องจดจำด้วยว่าใส่อะไรไว้ตรงไหนบ้าง เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้หยิบฉวยออกมาใช้ได้ทันเวลาค่ะ
จะเป็นไฟฉายแบบกระบอก หรือไฟฉายชนิดสวมศีรษะก็ได้ค่ะ ขอแค่มีขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไปก็พอ เพราะในถ้ำค่อนข้างมืด อาจต้องใช้ส่องทางตลอดเวลา หากเป็นไฟฉายแบบกระบอก แนะนำให้มีสายสำหรับคล้องคอด้วยนะคะ เผื่อทำลื่นหลุดมือไปล่ะแย่เลย
แล้วก็อย่าลืมพกแบตหรือถ่านสำรองไปด้วยนะคะ (ถ้าใครยังไม่หายกังวล จะพกไฟฉายกระบอกเล็ก ๆ ติดไปสำรองอีกก็ได้เหมือนกัน)
บางคนดาวน์โหลดแอปเข็มทิศมาใช้ เพราะคิดว่าน่าจะแทนกันได้ ขอบอกว่า “คิดผิด” เลยค่ะ เพราะในถ้ำสัญญาณมือถือแทบจะไม่มี ดังนั้นสมาร์ทโฟนทั้งหลายนี่พับเก็บไปได้เลย หันมาใช้เข็มทิศแบบออริจินอลเถอะค่ะ เสถียรกว่า แถมยังช่วยไม่ให้เราหลงทิศได้ง่าย ๆ ด้วยนะ
แน่นอนว่าการเดินเข้าไปในถ้ำ แม้จะช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ควรเตรียมเสบียงและตรวจเช็คน้ำดื่มด้วยว่ามีพร้อมหรือไม่ บางทีเราดื่มน้ำไปเรื่อย ๆ แล้วไม่ได้เติม มารู้ตัวอีกทีหมดขวดจะแย่ได้ค่ะ ส่วนเสบียง ควรเป็นของแห้งที่พกได้ทั้งวันแบบไม่บูดไม่เสีย และควรเป็นของกินเล่นจำพวกแสน็ค หรือบาร์สำเร็จรูปต่าง ๆ ไม่ควรนำอาหารเข้าไปกินเป็นกิจจะลักษณะ
ควรเตรียมชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นติดตัวไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นยาสามัญ ยาทาแก้แมลงสัตว์กัดต่อย ยาดม หรือยาประจำตัวต่าง ๆ เผื่อเกิดกรณีฉุกเฉินจะได้นำออกมาใช้ได้ทันท่วงที
การพกเชือกที่ค่อนข้างยาวและเหนียวติดตัวไป อาจเป็นประโยชน์ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หรือมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ เพราะเชือกสามารถใช้ผูกสิ่งของ โรยตัว นำทาง และยึดเหนี่ยวสิ่งต่าง ๆ ได้
ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ควรแจ้งครอบครัวว่าจะไปเที่ยวที่ไหน กับใคร และไปกี่วัน เพื่อให้ครอบครัวรับทราบ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ครอบครัวจะได้ดำเนินการตามหาและช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
นอกจาก 10 ข้อควรปฏิบัติในการไปเที่ยวถ้ำแล้ว เราควรทราบถึงข้อควรหลีกเลี่ยงในการเที่ยวถ้ำด้วยค่ะ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติให้อยู่กับเราไปนาน ๆ และป้องกันตัวเราไม่ให้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายด้วยนั่นเอง
1. ห้ามแตะต้องกลุ่มหินต่าง ๆ ภายในถ้ำ เพราะไขมันจากเหงื่อของเราอาจทำให้หินหยุดการเจริญเติบโต หรือ "หินตาย" ได้
2. ห้ามตีหรือเคาะหิน เพราะอาจทำให้หินพังทลายลงมาได้
3. ห้ามสูบบุหรี่ หรือก่อกองไฟภายในถ้ำ เพราะอาจทำให้ออกซิเจนในถ้ำลดลงได้
4. ห้ามนำอาหารใด ๆ เข้าไปรับประทานภายในถ้ำ (ยกเว้นเสบียงเล็กน้อย) รวมไปถึงทิ้งขยะต่าง ๆ เพราะอาจก่อให้เกิดมลพิษได้
5. ห้ามส่งเสียงดังหรือกระทำการใด ๆ ที่เป็นการรบกวนสัตว์ในถ้ำ
6. ห้ามเก็บสิ่งใด ๆ ออกมาจากถ้ำ
7. ห้ามเปลี่ยนทางน้ำ หรือสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำในถ้ำ
8. ห้ามขีดเขียน ทา หรือพ่นสีภายในถ้ำ
9. ห้ามตั้งแคมป์พักแรมในถ้ำ
10. ห้ามเดินออกนอกเส้นทางที่กำหนดไว้ เพราะอาจพลัดหลงจนไปอยู่ในบริเวณที่เป็นอันตรายได้
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก สำนักอุทยานแห่งชาติ