สวัสดีครับน้อง ๆ ทุกคน เมื่อพูดถึงคณะมนุษยศาสตร์ฯ หลายคนอาจเคยตั้งข้อสงสัยว่าคณะนี้เขาเรียนอะไรกัน นั้นพี่ขอบอกเลยว่าคณะนี้ส่วนใหญ่แล้วเรียนด้านต่าง ๆ ของความเป็นมนุษย์และสังคม โดยเฉพาะภาษาและการสื่อสาร เช่น ภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ ไม่เว้นแม้แต่ภาษาไทยของเราเองก็เป็นสาขาหนึ่งที่เปิดสอนแทบจะทุกมหาวิทยาลัย แถมยังเป็นสาขาที่ช่วงหลัง ๆ มีอัตราการแข่งขันเข้าศึกษาต่อสูงทีเดียวเชียว …สาขาวิชาภาษาไทยของคณะนี้มีดีอะไรจนทำให้น้อง ๆ หลายคนยกให้เป็นที่หนึ่งในใจ วันนี้พี่จะพาทุกคนร่วมไขปริศนาค้นหาคำตอบ ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลย !!
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเราต้องเรียนภาษาไทยตั้งมากมาย เพียงแค่อ่านออกเขียนได้สื่อสารเข้าใจก็น่าจะพอแล้วนะ …แต่ในความจริงพี่ขอบอกเลยว่าภาษาทุกภาษาย่อมมีที่มา มีความแตกต่าง และซับซ้อนต่างกันไปนะครับ อย่างภาษาไทยของเราก็มีลักษณะเด่นเป็นของตัวเอง เช่น ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีวรรณยุกต์ ภาษาไทยมีระดับของภาษา ฯลฯ ฉะนั้นเราจึงต้องเรียนเพื่อให้รู้จริงเห็นชัดไงล่ะ
นอกจากนี้ การเรียนสายภาษาไทยยังทำให้เราเข้าใจคนเข้าใจสังคมวัฒนธรรมอีกด้วยนะครับ เพราะภาษาไทยนี่เองคือรากฐานที่ทำให้เกิดวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นการแสดงพื้นบ้านหรือความคิดความเชื่อของคนก็ตาม การเรียนภาษาไทยจึงไม่เพียงทำให้เรารู้และเข้าใจภาษาของตัวเองนะครับน้อง ๆ แต่ยังทำให้เข้าใจคนและความหลากหลายทางสังคมผ่านตัวภาษาที่เรียนอีกด้วย
พี่ขอบอกเลยว่าเรียนสาขาวิชาภาษาไทยไม่ได้กล้วย ๆ อย่างที่คิด !! ส่วนใหญ่เน้น 2 สายหลัก ๆ คือ สายภาษา เน้นภาษาศาสตร์ บาลี สันสกฤต หรือภาษาเขมร ฯลฯ ส่วนสายวรรณกรรม/วรรณคดี ก็จะเน้นตั้งแต่ความรู้พื้นฐานจนถึงขั้นเจาะลึก ทั้งวิเคราะห์ สังเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ ตีความ ฯลฯ แถมคนเรียนสายนี้ต้องมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ด้วยนะ เพราะต้องใช้ในการเรียนมากทีเดียว เช่น ในรายวิชาวรรณคดีประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่ด้านวรรณกรรมก็ต้องรู้ประวัติศาสตร์การเมือง ประวัตินักเขียน หรือเหตุการณ์สำคัญในแต่ละสมัยอีกด้วย
แหม่ ! พูดอย่างนี้แล้วน้อง ๆ หลายคนคงหวั่น ๆ ใจซะแล้วใช่ไหมล่ะ แต่เดี๋ยวก่อน !! แต่ละคนที่เรียนสาขาวิชาภาษาไทยจะมีความถนัดต่างกันไป เหมือนพี่เองชอบและถนัดด้านวรรณกรรมวรรณคดีแต่ไม่ค่อยถูกชะตากับภาษาศาสตร์สักเท่าไหร่ อย่ากังวลใจไป ! ถึงแม้ไม่ได้ถนัดทั้งสองอย่างแต่ถ้าขยันและเอาใจใส่รับรองว่าไปถึงฝั่งได้แน่นอนครับน้อง ๆ ส่วนใครที่ถนัดทั้งสองอย่างและพร้อมสู้รบปรบมือก็เตรียมตัวขึ้นแท่นรับเกียรตินิยมแบบสวย ๆ ไปฝากที่บ้านล่วงหน้าได้เลย
ถ้าน้อง ๆ คนไหนกำลังคิดว่าเรียนสายภาษาไทยแล้วตกงาน พี่เป็นคนหนึ่งที่ขอบอกกับน้อง ๆ เหล่านั้นว่านั่นเป็นความคิดที่อาจคลาดเคลื่อน เพราะสายภาษาไทยเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน เป็นสายวิชาพื้นฐานที่ทุกหน่วยงานหรือองค์กรขาดไม่ได้ ทั้งงานเอกสาร เรื่องขีด ๆ เขียน ๆ การพูดการประชาสัมพันธ์หรือการติดต่อด้านอื่น ๆ ล้วนใช้ความรู้ความสามารถและทักษะของคนเรียนภาษาไทยแทบทั้งสิ้น เพราะคนเรียนสายนี้รู้ลึกรู้จริงมากกว่าไงล่ะ
รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าเพิ่งกังวลจนเสียความมั่นใจไปก่อนนะครับน้อง ๆ ใครที่เลือกเรียนสายนี้ ด้วยใจรัก “ไม่ใช่เลือกเรียนเพราะคะแนนถึงหรือไม่รู้จะเรียนอะไร” ยังไงแล้วก็ต้องสู้ไว้ก่อน ระหว่างนี้ เตรียมตัวให้พร้อม วางแผนอนาคตตัวเองให้ชัดเจน รับน้องว่าภาษาไทยไม่เพียงทำให้มีงานทำ แต่ยังทำให้ “คนเป็นคน” อีกด้วย
เรียนจบก็อยากมีงานดี ๆ ทำ แล้วเรียนสายภาษาไทยจบแล้วทำงานอะไรได้บ้างล่ะ .. ต้องบอกเลยว่าคนเรียนสายนี้ค่อนข้างทำงานได้หลากหลายเลยทีเดียว ไม่เฉพาะเจาะจงอย่างคนที่เรียนแพทยศาสตร์ที่จบออกมาก็เป็นหมอ เรียนพยาบาลก็เป็นพยาบาล ซึ่งหลายคนมักจะทำงานที่ใช้ภาษาไทยโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นอาชีพแวดวงสื่อสารมวลชน นักข่าว ผู้ประกาศข่าว นักหนังสือพิมพ์ คนเขียนสคริปรายการทีวี หรือใครที่รักอิสระหรือเป็นศิลปินหน่อยก็จะเอาดีด้วยการเป็นนักแปล นักเขียน ผลิตผลงานดี ๆ ออกมาให้เราได้อ่านได้ชื่นชมฝีไม้ลายมือกันยังไงล่ะ นอกจากนี้ หลายคนก็เลือกอาชีพครู โดยเฉพาะครูติวเตอร์สอนภาษาไทยในโรงเรียนกวดวิชาถือเป็นอาชีพยอดฮิตใน พ.ศ. นี้ แถมรายได้ดีซะด้วย ขอบอก !!
“เรียนภาษาไทย ไม่มีเกียร์ ไม่มีเสื้อช็อปให้ใส่” แต่มีความภูมิใจกว่าใคร ๆ แน่นอน แม้จะเป็นสาขาวิชาที่แอบซ่อนความยากไว้พอตัว แต่ก็คงแพ้ความขยันและเอาใจใส่ของน้อง ๆ พี่เชื่ออย่างนั้นนะครับ น้อง ๆ คนไหนที่มุ่งมั่นในสายนี้อย่าเพิ่งท้อล่ะ ความขยันและความเอาใจใส่จะพาทุกคนไปสู่เป้าหมาย พี่ขอเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคน ทั้งที่กำลังวางแผนเรียนต่อในสาขานี้หรือที่กำลังเรียนอยู่ตอนนี้ ในฐานะ “คนภาษาไทย” เหมือนกัน
เรื่อง : ภานุวัฒน์ มานพ