รับชมข่าว/ไฮไลท์/อัลบั้มภาพ เรื่อง
ไตรสิกขา โดยพระอาจารย์ ชยสาโร
ไตรสิกขา เป็นหลักการพ้นทุกข์ทางพระพุทธศาสนา ประกอบด้วยสีลสิกขา สมาธิสิกขา และปัญญาสิกขา ซึ่งก็คือ ศีล-สมาธิ-ปัญญา นั่นเอง
ภาวนา คือ การเจริญสติเอง
ประโยชน์ในเบื้องต้น คือ การรู้จักเจริญสติเอง รู้จักตัวเอง
ให้จิตใจอยู่กับลมหายใจ โดยเบื้องต้น จิตใจจะฝืนพยศ ทำอาการต่าง ๆ มากมาย ดิ้นรนทำสิ่งต่าง ๆ ที่เราไม่เคยเห็น
เช่น ฟุ้งซ่าน ดิ้นรนต่อต้าน หลงไปอดีตอนาคต เรื่องที่ชอบไม่ชอบ ฯลฯ ทำให้ได้เห็นจิตใจของตนในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ฝึกสติในการปล่อยวาง
ให้รู้ตัวแล้ววาง เช่นหลงไปอดีต อนาคต ก็รู้ตัว แล้ววาง จะทำให้จิตมีกำลังมากขึ้น เป็นการฝึกสติในการปล่อยวาง
ทำบ่อย ๆ ทำให้สติมีกำลังมากขึ้น และเผลอตัวน้อยลง ย้อนกลับมาอยู่กับงานได้มาขึ้น ซึ่งมีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เวลาเผลอ หลง หรือขี้เกียจขี้คร้าน จะรู้ตัว และกลับมาอยู่กับงานมากขึ้น
ศีล สมาธิ ปัญญา
การฝึกจิต คือ การพัฒนากุศโลบายต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาจากตนเอง โดยไม่ต้องหวังพึ่งตัวช่วยจากภายนอก
เมื่อฝึก ๆ ไป จะพบมารที่มาขวางระหว่างการฝึกสติ ดูเผลอแล้วรู้ ๆ เช่น ท้อแท้ ซึ่งเมื่อฝึกบ่อย ๆ ก็จะเข้าใจตนเองมากขึ้น และเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น
ในการฝึก บางครั้ง เกิดมารความหลงใหลในกามรุนแรงมากจนเกินสติจะสู้ไหว ก็จะใช้ข้อวัตรปฎิบัติมาช่วย เช่น ใช้วิธิคิดในสิ่งไม่สวยไม่งาม เจริญอสุภกรรมฐาน
เมื่อนั่งสมาธิจนจิตผ่อนคลาย สัญญาในอดีตที่ไม่ดีก็จะผุดขึ้นมา ดังนั้น ศีลกับสมาธิจึงช่วยกัน ในการก้าวผ่านขั้นตอนนี้ต่อไป
ผู้ปฏิบัติ จึงควรพิจารณาวิธีปฎิบัติแก้ปัญหา ที่คอยกำกับการเจริญสติให้เหมาะสมและสอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการ เป็นการฝึกให้ใช้พลังความคิดในทางที่เกิดประโยชน์ มากกว่าการปล่อยให้หลงเผลอ ไปอย่างเปล่าประโยชน์
ยิ่งสามารถปล่อยวางอารมณ์ จากความคิดไม่เป็นประโยชน์ ทำให้สมองสามารถทำงานได้ดีขึ้น สามารถคิดสิ่งที่สร้างสรรค์ เป็นประโยชน์กับชีวิต
ผู้ที่รู้สึกว่าชีวิตสับสนยุ่งเหยิง เมื่อนั่งสมาธิ จนจิตสงบขึ้น ปัญญาก็จะผุดขึ้นทำให้หาทางแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น และได้เห็นไตรลักษณ์ คือ
1) ความไม่เที่ยง – การที่สิ่งทั้งหลายทั้งปวง เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งคนมักจะหลงลืมไป จึงมักทำตัวเหมือนจะมีชีวิตไปอีกนาน แทนที่จะเห็นความไม่เที่ยงของกายตน
2) เป็นทุกข์ – การที่ประสบกับสิ่งไม่สมบูรณ์ บกพร่อง ไม่ตอบสนองความต้องการของจิตโดยแท้
ถ้าปฎิบัติต่อสิ่งต่าง ๆ โดยขาดสติและปัญญา สิ่งเหล่านั้นก็พร้อมจะกลายเป็นทุกข์ได้ทุกเมื่อ ซึ่งอริยสัจ 4 ได้ชี้ให้เห็นถึงข้อนี้อย่างชัดเจน ว่าไตรลักษณ์นี้ คือ ทุกข์ ไม่มีความสุขที่แท้จริง เพราะแม้แต่ความสุขยังไม่เที่ยง ยังเป็นทุกข์ ยังเป็นอนัตตา
3) เป็นอนัตตา – การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตามเหตุและปัจจัย ไม่ได้ตามต้องการ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาล
เมื่อจิตใจสงบลง จะเกิดความเข้าใจในเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จะทำให้เกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ปล่อยวางลง
ท้ายสุดนี้ เพียงมีความเพียรชอบ หาเวลาในชีวิตประจำวัน เช่น ระหว่างรอรถ ฯลฯ เจริญสติดูกายใจของตนเรื่อย ๆ จะเห็นกิเลสที่เกิดขึ้นในใจเรา และจิตสงบลง จนมีปัญญาเกิดขึ้น และเห็นความจริงของจิตในที่สุด
@copyright ทรูปลูกปัญญา