วันอนุรักษ์มรดกไทย
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2009-08-26 13:18:41
วันอนุรักษ์มรดกไทย
ศิลปวัฒนธรรม เป็นเครื่องบ่งบอกถึงความเจริญของเผ่าพันธุ์ ชนชาติใดมีมรดกทางวัฒนธรรมสืบต่อกันยาวนาน และ สามารถ “ดำรงอยู่” ได้ ท่ามกลางความพยายามเข้าครอบงำ ครองความเหนือกว่าซึ่งกันและกัน โดยใช้วิถีทางทางการค้าและวัฒนธรรมเป็นกลยุทธอย่างที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ ก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะภาคภูมิใจสามารถยืดอก บอกความเป็นชนชาติของตนต่อผู้อื่นได้อย่างสง่าผ่าเผย
ชนชาติไทย ก็เป็นชาติที่มีศิลปวัฒนธรรมเป็นของตนเองมากมาย ไม่ได้น้อยหน้าชาติอื่นเลย และได้สืบทอดเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่นมายาวนาน แต่ในความเป็นจริง ทุกวันนี้ก็มีวัฒนธรรมต่างชาติ โดยเฉพาะตะวันตกหลั่งไหลเข้ามามากมายเหลือเกิน โดยต่างก็มีวิธีการเรียกร้องความสนใจอย่างเข้มข้น มากที่สุดก็ในรูปของภาพยนตร์ ดนตรี และแฟชั่นการแต่งกาย เราจึงได้เห็นภาพวัยรุ่นของเรากิน อยู่ แต่งเนื้อแต่งตัวคล้ายๆ กับที่เห็นในภาพยนตร์ยอดฮิตของชาติต่างๆ ความรู้สึกนึกคิดก็ดูจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในกลุ่มคนเมือง เช่นเรื่องของการคบหาเพื่อนต่างเพศ เป็นต้น ดังนี้แล้วถ้าคนไทยไม่เร่งระวังช่วยกันอนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมอันดีงามของเราให้เข้มแข็งเข้าไว้ และปล่อยให้วัฒนธรรมต่างชาติเข้าครอบงำบุคคลที่จะเป็นอนาคตของชาติเช่นนี้ต่อไป ในอนาคตข้างหน้าเราจะเป็นชนชาติที่ไม่มีมรดกทางวัฒนธรรมใดๆหลงเหลือไว้ให้ภาคภูมิใจได้เลย
นับเป็นความโชคดีอย่างยิ่งของชาติไทยเรา ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม-ราชกุมารีทรงสนพระทัยในเรื่องของศิลปวัฒนธรรม และมีพระปรีชาสามารถในศิลปศาสตร์หลายแขนงด้วยพระองค์เอง พระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติจึงเป็นไปเพื่อการอนุรักษ์ และส่งเสริมวัฒนธรรมของชาติให้เฟื่องฟูในหลากหลายสาขาด้วยกัน ศิลปวัฒนธรรมบางแขนงที่ซบเซาลงมากแล้วอย่างดนตรีไทยก็ได้ฟื้นคืนเป็นที่นิยมขึ้นมาเป็นต้น นี่ยังไม่ได้พูดถึงโบราณวัตถุสถานอีกมากแห่งที่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยทรงเป็นแม่กองงาน จึงได้มีการกำหนดให้วันที่ ๒ เมษายน อันเป็นวันพระราชสมภพของพระองค์ท่าน เป็นวัน “อนุรักษ์มรดกไทย” สมควรที่ชาวไทยทุกคนจะได้ดำเนินตามรอยพระยุคล-บาท ช่วยกันอนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของไทยเราให้คงไว้จะได้สืบทอดเป็นมรดกต่อไป
วัฒนธรรมไทยที่พึงอนุรักษ์
- มารยาทไทย คนไทยเรานั้นได้รับการอบรมบ่มนิสัยมาหลายชั่วอายุให้เป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเคารพต่อผู้ที่ควรเคารพ เราจึงมีการไหว้ และการเดินค้อมหลังเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านหน้าผู้อาวุโส การไหว้ของคนไทยเรานั้นจะไม่เหมือนกับการไหว้ของคนชาติอื่น แม้จะนับถือพระพุทธศาสนาเหมือนกัน คนไทยจะมีการไหว้แบบสองจังหวะ จังหวะที่หนึ่งเรียกว่าการประนมมือ ได้แก่การยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นประกบกันเป็นกระพุ่มที่ทรวงอก ให้ปลายนิ้วตั้งตรงขึ้น และชิดกัน โดยเอนไปข้างหน้าแต่พองาม ศอกทั้งสองข้างชิดลำตัว จังหวะที่สอง ยกมือที่ประนมขึ้นนั้นจรดหน้า (อ่านว่า “จด”) โดยถ้าไหว้พระก็ให้ปลายนิ้วจรดหน้าผาก ถ้าไหว้พ่อแม่ ให้ปลายนิ้วจดระหว่างคิ้ว ไหว้ผู้ที่เคารพ ให้ปลายนิ้วจรดปลายจมูก และถ้าไหว้ทั่วๆไป ให้ปลายนิ้วอยู่ใต้ระดับใบหน้า ระหว่างที่ยกมือขึ้นประนมนี้ ไม่ว่าจะปลายนิ้วจะอยู่ระดับใด ก็ก้มศรีษะลงน้อยๆ พร้อมการค้อมลำตัว นี่เป็นท่าไหว้ที่อ่อนช้อย และงดงามเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติของเรา พึงระลึกว่าการไหว้ผู้อื่นมิได้ทำให้ผู้ไหว้เสียเกียรติยศแต่อย่างใด ตรงกันข้าม กลับจะเป็นส่วนที่ส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้ไหว้ด้วยซ้ำไปในฐานะที่เป็นผู้ได้รับการอบรมมาดีและมีจิตใจที่ดี เช่นเดียวกับการเดินค้อมหลังเมื่อจะผ่านหน้าผู้ที่มีอาวุโสกว่านั้น ก็เป็นกิริยามารยาทที่ดูนุ่มนวลงดงาม เชื่อเถอะว่าผู้ที่ได้พบเห็น ไม่ว่าชาติใด ภาษาใดเขาจะชื่นชมแน่นอน นางงามจักรวาลคนปัจจุบันซึ่งเป็นคนต่างชาติ เขาก็ใช้การไหว้แบบไทยอย่างได้ผลมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคนไทยเป็นผู้นำการไหว้แบบไทยออกเผยแพร่ต่อชาวโลกเองก็น่าจะดูดีกว่า
- การแต่งกาย ถ้าจะชักชวนให้ใช้ผ้าไทย หรือผ้าไหมไทยตัดเสื้อผ้าใส่กันทุกคน ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่า ผ้าไทยของเรานั้นแม้จะเป็นผ้าที่สวมใส่แล้วสบาย แต่ก็เป็นผ้าที่มีราคาสูงและดูแลยากกว่าผ้าธรรมดาสักนิดหนึ่ง แม้จะได้รับการปรับปรุงด้วยเทคนิคสมัยใหม่แล้วก็ตาม แถมยังเป็นสัญลักษณ์ของผู้สูงอายุอีกด้วย จึงต้องเรียนให้ทราบว่า เดี๋ยวนี้ผ้าไทยของเราได้พัฒนาออกไปอีกหลากลายหลายสีสันและเรายังมีการออกแบบให้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุนมาก ทุนน้อยได้มีโอกาสใช้ผ้าไทย เราสามารถนำมาตกแต่งเสื้อผ้าได้อย่างสวยงาม ไม่จำเป็นต้องตัดทั้งชุดอีกต่อไป การช่วยกันใช้ผ้าไทยนอกจากจะทำให้เป็นผู้มีรสนิยมในการแต่งกายแล้วยังเป็นการช่วยให้คนในชาติมีรายได้ เงินทองไม่รั่วไหลไปซื้อของต่างชาติอีกด้วย
- การพูด ทุกวันนี้ คนไทยมีการใช้ภาษาไทยที่น่าเป็นห่วง มีภาษาที่เกิดขึ้นใหม่โดยตัวละคร หรือพิธีกรดังๆ มากมายผ่านสื่อวิทยุ และทีวี ซึ่งเป็นแหล่งให้ความรู้ ความบันเทิงที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน วิทยุ ทีวี มีพิธีกรที่ชำนาญในการใช้ภาษาต่างประเทศแต่ไม่ชำนาญในการใช้ภาษาไทยมากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งในรายการที่ผลิตสำหรับวัยรุ่น ทำให้คนดูเกิดการซึมซับการใช้ภาษาที่มีกลิ่นไอตะวันตก ความผิดเพี้ยนในการออกเสียงและไวยากรณ์ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยลืมนึกถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ภาษาไทยอันเป็นภาษาแม่ที่โดยถูกโดยควรแล้วต้องอนุรักษ์ไว้ให้ดี ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่มีโอกาสแสดงตนต่อที่สาธารณะ หรือตามสื่อไม่ว่าจะสาขาใด หรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวเนื่องกับการอบรมสั่งสอนผู้เยาว์ ก็ควรทำตัวเป็นตัวอย่างในการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องชัดเจน ท่านจะเป็นผู้มีเกียรติในการอนุรักษ์มรดกไทย
จริง ๆ แล้วยังมีวัฒนธรรมไทยที่ดีงาม มีคุณค่าอีกมากมายที่เราควรช่วยกันอนุรักษ์ไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานประเพณี ความเป็นอยู่แบบไทยที่ทุกวันนี้ต่างชาติเขามาเที่ยว มาดู อยากร่วมงาน อยากมีความเป็นอยู่แบบเราดูบ้าง เรื่องของดนตรีไทยที่ปัจจุบันต่างชาติเขาถึงกับมีการเรียนกันในบ้านเมืองของเขา ดังนี้แล้วเราผู้เป็นเจ้าของวัฒนธรรมจะนิ่งเฉยได้อย่างไร เรายิ่งต้องช่วยกันอนุรักษ์ ช่วยกันฟื้นฟูไว้เพื่อนำออกอวดเขา ซึ่งนอกจากจะยืดอกบอกใครๆ ได้ว่าประเทศของเรามีอารยธรรมเก่าแก่แล้ว เรายังจะสามารถหารายได้จากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้อีกด้วย
ข้อควรรู้
- เนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีคุณูปการในการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมของชาติเป็นอย่างมาก ดังนั้นนอกจากทางการจะกำหนดให้วันที่ ๒ เมษายน อันเป็นวันพระราชสมภพเป็นวัน อนุรักษ์มรดกไทยตั้งแต่ปี ๒๕๒๘ แล้ว พระองค์ยังได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายพระสมัญญาว่า “เอกอัครราชูปถัมภก มรดกวัฒนธรรมไทย” เมื่อปี ๒๕๓๑ และวิศิษฏศิลปิน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งมีความหมายว่าทรงพระปรีชาสามารถในการเป็นศิลปิน ทรงมีคุณูปการต่องานศิลปวัฒนธรรม และทรงเป็นเมธีทางด้านวัฒนธรรม
ที่มา
- ฝ่ายประชาสัมพันธ์ : สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
- วารสารการประปาส่วนภูมิภาค : มีนาคม ๒๕๔๐
ข้อมูลจาก : บทความพิเศษประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท. เรื่อง "วันอนุรักษ์มรดกไทย" ผลิตโดย งานบริการการผลิต ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ ฝ่ายออกอากาศวิทยุกรุงเทพ