ในชีวิตประจำวัน เราเห็นและใช้เงินอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนซื้อขนม ซื้อของเล่น หรือจ่ายค่าอาหารกลางวัน เงินเป็นสิ่งสำคัญที่อยู่รอบตัวเราโดยที่เราอาจไม่ทันสังเกต แต่รู้หรือไม่ว่า “เงิน” ไม่ได้มีแค่หน้าที่ในการจ่ายค่าสินค้าเท่านั้น ยังมีบทบาทอีกมากมายในระบบเศรษฐกิจของประเทศ และยังเกี่ยวข้องกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย

ความหมายและประเภทของเงิน

เงิน คือ สิ่งที่ผู้คนยอมรับร่วมกันว่า ใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้ เช่น เมื่อเราอยากซื้อดินสอ เราใช้เงินจ่ายให้ร้านค้า แล้วร้านค้าก็ยอมรับเงินนั้นแทนของอื่นๆ ที่เขาอาจไม่ต้องการ

ในสมัยก่อน มนุษย์ยังไม่มีเงินใช้แบบในปัจจุบัน จึงใช้วิธีแลกเปลี่ยนของ เช่น เอาข้าวแลกปลาหรือเอาผ้าผืนหนึ่งไปแลกกับเกลือ แต่การแลกของต่อของแบบนี้ไม่สะดวก เพราะของที่เรามีอาจไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นต้องการ จึงเกิด “เงิน” ขึ้นมาเพื่อให้การแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องง่ายขึ้น

เงินมีหลายประเภท เช่น

- เงินเหรียญ ที่เรามักใช้ซื้อของราคาถูก เช่น ขนม หรือของเล่นเล็กๆ

- ธนบัตร หรือ “แบงก์” ที่ใช้จ่ายจำนวนมากขึ้น เช่น ซื้อเสื้อผ้า จ่ายค่าเรียน หรือซื้ออุปกรณ์การเรียน

- นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมี เงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ “เงินดิจิทัล” ที่ใช้ในบัตรเติมเงิน แอปพลิเคชัน หรือระบบธนาคารออนไลน์ด้วย

ไม่ว่าเงินจะอยู่ในรูปแบบใด แต่ทุกแบบก็ยังคงทำหน้าที่สำคัญเหมือนกัน

หน้าที่เบื้องต้นของเงินในระบบเศรษฐกิจ

เงินมีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า การแลกเปลี่ยน การบริโภค และการออม หน้าที่ของเงินที่สำคัญมี 3 อย่าง ดังนี้

1. เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน

เงินช่วยให้คนสามารถแลกเปลี่ยนของหรือบริการได้สะดวกขึ้น เช่น พ่อค้าไม่ต้องแลกผักกับปลา แต่สามารถขายผักเป็นเงิน แล้วนำเงินไปซื้อของอื่นที่ต้องการ ทำให้ทุกคนสามารถซื้อของได้อย่างง่ายดาย

2. เงินเป็นเครื่องวัดมูลค่า

เงินช่วยให้เรารู้ว่าของแต่ละอย่างมีค่าเท่าไหร่ เช่น ดินสอแท่งละ 10 บาท สมุดเล่มละ 20 บาท และจักรยานคันละ 2,000 บาท ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบมูลค่าได้ และวางแผนการใช้จ่ายได้ดีขึ้น

3. เงินเป็นเครื่องเก็บรักษามูลค่า

เงินสามารถเก็บไว้ใช้ในอนาคตได้ เช่น ถ้าเราได้รับเงินค่าขนมมา 50 บาท แต่ใช้ไปแค่ 30 บาท อีก 20 บาทก็สามารถเก็บไว้ใช้วันหลังได้ ต่างจากของบางอย่าง เช่น ผลไม้ ที่ถ้าเก็บไว้นานอาจเน่าเสีย

เงินจึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้ระบบเศรษฐกิจทำงานได้อย่างราบรื่น และช่วยให้คนทุกกลุ่มสามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยน หรือเก็บออมได้ตามความต้องการ

สกุลเงินสำคัญที่ใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ

ในโลกของเรามีหลายประเทศ แต่ละประเทศก็มีเงินที่ใช้ต่างกัน เรียกว่า “สกุลเงิน” เช่น

- ประเทศไทย ใช้เงิน บาท (THB)

- ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เงิน ดอลลาร์ (USD)

- ประเทศญี่ปุ่น ใช้เงิน เยน (JPY)

- ประเทศจีน ใช้เงิน หยวน (CNY)

- ประเทศในยุโรปบางประเทศ ใช้เงิน ยูโร (EUR)

เวลาประเทศหนึ่งจะซื้อของจากอีกประเทศ เช่น ไทยนำเข้าของเล่นจากญี่ปุ่น เราก็ต้องจ่ายเงินเป็นสกุลเงินที่ญี่ปุ่นยอมรับ หรือใช้เงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินที่หลายประเทศใช้ร่วมกันในการค้าขายระหว่างประเทศ

การเข้าใจเรื่องสกุลเงินจึงช่วยให้เรามองเห็นว่า โลกทั้งใบนี้มีการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการระหว่างกัน และเงินก็เป็นเครื่องมือสำคัญที่เชื่อมโยงผู้คนจากหลากหลายประเทศเข้าด้วยกัน