www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




คลังความรู้ > สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม > ม.1

บทเรียนออนไลน์ วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง วิกฤตการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2016-11-15 10:33:35

 
 
 
 
1. ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
   1.1 วาตภัย
   วาตภัยเป็นภัยที่เกิดจากลมพายุ โดยพายุที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมี 2 ลักษณะ ได้แก่ พายุฤดูร้อนและพายุหมุนเขตร้อนหรือพายุไซโคลนเขตร้อน ซึ่งพายุหมุนเขตร้อนมีชื่อเรียกแตกต่างกันตามแหล่งกำเนิด และมีการแบ่งชนิดของพายุออกตามความเร็วรอบศูนย์กลางของการหมุนเป็น 3 ชนิด คือ พายุดีเปรสชัน พายุโซนร้อน และพายุไต้ฝุ่นประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุหมุน เนื่องจากมีทำเลที่ตั้งอยู่ระหว่างกึ่งกลางของแหล่งกำเนิดพายุหมุนเขตร้อนทั้งสองแหล่ง คือ แหล่งกำเนิดในมหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลจีนใต้ และแหล่งกำเนิดในอ่าวเบงกอล

   1.2 อุทกภัย (flood)
   อุทกภัย หมายถึง ภัยที่เกิดจากน้ำ เป็นภัยที่เกิดขึ้นทุกปีในประเทศไทย และสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมากที่สุด ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุทกภัยมีความรุนแรงและมีรูปแบบต่าง ๆ คือ ลักษณะภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อมของพื้นที่บริเวณนั้น โดยลักษณะของอุทกภัยแบ่งออกได้ 3 ชนิด ได้แก่ น้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำท่วมขัง

 

 
 
 

 

 

 

   1.3 แผ่นดินถล่ม (landslide)
   แผ่นดินถล่มเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนตัวของชั้นดิน หรือชั้นหินนอกสุดของเปลือกโลกที่มีการเลื่อนตัวจากที่สูงตามแรงดึงดูดของโลกลงสู่ที่ต่ำ มักเกิดในฤดูฝน โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่บนภูเขาสูง ลาดเขา หรือเชิงเขา การเกิดแผ่นดินถล่มในประเทศไทยมักเกิดจากพายุหมุนเขตร้อนทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องเป็นเวลานาน

 

 

 

 

2. ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย และโอเชียเนีย
   2.1 เอลนีโญ
   เอลนีโญเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวจากการไหลกลับของน้ำอุ่นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ตามปกติน่านน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตร้อนหรือบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตรจะมีลมค้าตะวันออก ซึ่งจะพัดพาน้ำอุ่นจากบริเวณแปซิฟิกตะวันออก ไปสะสมตัวอยู่บริเวณแปซิฟิกตะวันตก ทำให้บริเวณแปซิฟิกตะวันตกมีความชื้นและมีการก่อตัวของเมฆฝนในบริเวณด้านตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย รวมทั้งหมู่เกาะต่าง ๆ ในน่านน้ำแปซิฟิกตะวันตก ทำให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดฝนตก แต่เมื่อลมค้าตะวันออกมีกำลังอ่อนลง ทำให้ลมที่พัดอยู่บริเวณด้านตะวันออกของประเทศปาปัวนิวกินีเปลี่ยนจากทิศตะวันออกเป็นตะวันตก เกิดคลื่นใต้น้ำพัดพาเอาน้ำอุ่นที่สะสมบริเวณแปซิฟิกตะวันตกไปทางแปซิฟิกตะวันออก ทำให้น้ำบริเวณแปซิฟิกตะวันออกมีอุณหภูมิสูงขึ้นและปริมาณน้ำอุ่นขยายตัวขึ้น ทำให้บริเวณแปซิฟิกตะวันออกมีฝนตกมากกว่าปกติ ส่วนบริเวณแปซิฟิกตะวันตกเกิดความแห้งแล้ง
   ผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญในประเทศไทย ทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย และโอเชียเนีย เช่น กรณีการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญใน พ.ศ. 2540 ทำให้บริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนเหนือ และตะวันออกของออสเตรเลียเกิดความแห้งแล้งจนก่อให้เกิดไฟป่าขึ้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ในประเทศออสเตรเลียและอินโดนีเซีย

 

 

 

 

   2.2 ลานีญา
   ปรากฏการณ์ลานีญาเป็นปรากฏการณ์ที่กลับกันกับปรากฏการณ์เอลนีโญ ผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญาทำให้บริเวณแปซิฟิกตะวันตกในแถบเอเชีย ออสเตรเลีย และโอเชียเนียมีฝนมากกว่าปกติและเกิดน้ำท่วม ขณะที่บริเวณแปซิฟิกตะวันออกในแถบประเทศเอกวาดอร์และชิลีมีฝนน้อยกว่าปกติและแห้งแล้ง ปรากฏการณ์ลานีญาทำให้ประเทศไทยมีฝนตกมากกว่าปกติและมีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ

 

 

 

 

   2.3 ภัยแล้ง (drought and dry spell)
   ภัยแล้งเป็นภัยที่เกิดจากความแห้งแล้งของลมฟ้าอากาศ ซึ่งเกิดจากการที่มีฝนน้อยกว่าปกติ หรือฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลเป็นระยะเวลานาน ซึ่งเกิดขึ้นทั้งจากฝีมือของมนุษย์ และเกิดจากธรรมชาติ ปัญหาภัยแล้งในประเทศไทย จะมีอากาศร้อนและแห้งแล้งเพียงระยะหนึ่งเท่านั้น จากนั้นก็จะมีฝนตกมาคลายความแห้งแล้งลงได้

   2.4 แผ่นดินไหว (earthquake)
   แผ่นดินไหว คือ การที่เปลือกโลกเกิดการสั่นสะเทือน โดยเกิดขึ้นได้ 2 ลักษณะ คือเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และ เกิดจากการกระทำของมนุษย์
   การเกิดแผ่นดินไหวแต่ละครั้งจะสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์ และหากแผ่นดินไหวมีศูนย์กลางอยู่ในมหาสมุทรจะทำให้เกิดการยกตัวของระดับน้ำ ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่พัดเข้าสู่ชายฝั่ง เรียกว่า สึนามิ (tsunami) ดังนั้นการป้องกันภัยจากแผ่นดินไหวจำเป็นต้องจัดระบบป้องกันภัยในระดับชุมชนหรือระดับชาติ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและลดความสูญเสีย 

 

 

 

 

 

 

 

3. ความร่วมมือทางด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
   ประเทศในทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย และโอเชียเนีย รวมทั้งประเทศไทยได้ร่วมมือกันแก้ไขและป้องกันปัญหาภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่เป็นจำนวนมากที่ประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย และโอเชียเนียเข้าร่วมข้อตกลง เช่น อนุสัญญาไซเตส (CITES) อนุสัญญาแรมซาร์ (Ramsar Convention) อนุสัญญาเวียนนา (Vienna Convention) และพิธีสารมอนทรีออล (Montreal Protocal) และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate change–UNFCCC หรือ FCCC)

 



แหล่งที่มา : สำนักพิมพ์ วัฒนาพานิช www.wpp.co.th