๑ เมษายน...วันเลิกทาส
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2016-04-01 11:04:45
๑ เมษายน...วันเลิกทาส
เมื่อพูดถึงวันที่ 1 เมษายน เรามักจะนึกถึงวัน April Fool’s Day หรือ วันโกหก ตามธรรมเนียมฝรั่ง แต่ทราบหรือไม่ว่าวันนี้เป็นวันที่มีความสำคัญกับชนชาวไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็น “วันเลิกทาส”
การเลิกทาส และ การเลิกไพร่ เป็นพระราชกรณียกิจอันสำคัญยิ่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เป็นการยกเลิกระบบที่คนชั้นสูงตั้งขึ้น เพื่อกดขี่ราษฎรให้ทำงานรับใช้หรือส่งทรัพย์สินให้โดยไม่มีกำหนดว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ประมาณว่าไทยมีทาสเป็นจำนวนหนึ่งในสามของพลเมืองของประเทศ เพราะเหตุว่าพ่อแม่เป็นทาส ดังนั้นลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นทาสก็ตกเป็นทาสอีกต่อกันเรื่อยไป ซึ่งวิธีที่จะปลดเปลื้องตัวเองจากการเป็นทาสได้มีวิธีเดียวคือ ต้องหาเงินมาไถ่ตัวเอง มิฉะนั้นแล้วก็จะต้องเป็นทาสไปตลอดชีวิต เพราะตามกฎหมายแล้วถือว่าทาสยังมีค่าตัวอยู่
กระทั่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระองค์ทรงประกาศ “พระราชบัญญัติพิกัดเกษียณลูกทาสลูกไทย” เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๑๗ แก้พิกัดค่าตัวทาสใหม่ โดยให้ลดค่าตัวทาสลงตั้งแต่ 8 ขวบ จนกระทั่งหมดค่าตัวเมื่ออายุได้ ๒๐ ปี ซึ่งหมายความว่า เมื่ออายุครบ ๒๑ ปี ทาสผู้นั้นก็เป็นอิสระตามพระราชบัญญัตินั้น จะมีผลกับทาสที่เกิดตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๑๑ รวมทั้งห้ามซื้อขายบุคคลที่มีอายุมากกว่า ๒๐ ปีมาเป็นทาสอีก
จนกระทั่งปีพ.ศ.๒๔๔๘ ก็ทรงออก “พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ.๑๒๔” ให้ลูกทาสทุกคนเป็นไทเมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๘ ส่วนทาสประเภทอื่นที่ไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยก็ให้ลดค่าตัวเดือนละ ๔ บาท นับตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๔๔๘ และยังกำหนดป้องกันคนที่เป็นไทแล้วกลับไปเป็นทาสอีก
ทาส กับ ไพร่ แตกต่างกัน
ไพร่ หมายถึง “พวกรับราชการโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน" รวมทั้งต้องออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างในระหว่างการรับราชการนั้นเองอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ฯลฯ โดย "ไพร่"คือราษฎรอายุตั้งแต่ ๑๕ - ๗๐ ปี ต้องทำงานรับใช้หรือส่งส่วยให้แก่ชนชั้นปกครอง โดยแบ่งเป็นไพร่หลวง ไพร่สมและไพร่ส่วย ไพร่มีกำหนดรับราชการเดือนเว้นเดือน ในสมัยอยุธยาคือเป็นไพร่ปีละ ๖ เดือน ลดลงมาเหลือปีละ ๔ เดือนในสมัยรัชกาลที่ ๑ และเหลือ ๓ เดือนในรัชกาลที่ ๒ และหากไม่อยากรับราชการ (ในฐานะไพร่) ก็ต้องจ่าย "ค่าราชการ" เดือนละ ๖ บาท
สำหรับการเลิกไพร่นั้น เกิดขึ้นในปีเดียวกัน (พ.ศ.๒๔๔๘) เมื่อทรงออก "พระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหาร รัตนโกสิทร์ศก ๑๒๔" เพราะเป็นการ "เลิกขนบไพร่" นั่นเอง และในสมัยนั้น ถือว่าการยกเลิกขนบไพร่สำคัญกว่าการยกเลิกขนบทาส เพราะเป็นการทำให้ราษฎรได้รับการส่งเสริมฐานะทางเศรษฐกิจ มีเวลาทำมาหากินได้เต็มที่ และไม่มีใครรังเกียจเหมือนแต่ก่อน
ที่มา : https://www.oknation.net/blog/chainews/2014/04/01/entry-1
https://th.wikipedia.org