Classroom : ป้าแตงกับโลกเขียว ตอน ขี่จักรยานออกถนนใหญ่ไม่ยากอย่างที่คิด
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2015-01-19 10:14:10
ช่วงนี้ไปไหนๆ เห็นคนขี่จักรยานเยอะขึ้นก็น่าชื่นใจ มือใหม่หัดขี่บางคนยังไม่กล้าลงสนามด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย แต่นั่นคงไม่ใช่อุปสรรคหนักหนาถึงขั้นจะหยุดหัวใจนักปั่นได้ ถ้ากังวลก็ลองดูสาวยาคูลท์ที่ขี่จักรยานประจำเป็นกำลังใจก็ได้ เข้าทำนอง “เขาทำได้ เราย่อมทำได้”
ไม่ว่าเพราะรักโลกหรือไม่มีทางเลือกอื่น จักรยานนับเป็นพาหนะเก่าแก่ที่ยังมีชีวิตอยู่ร่วมสมัยร่วมถนนกับยานยนต์อื่นๆ มากว่า 200 ปี ลองสังเกตดีๆ จะเห็นว่าทางด้านซ้ายมือสุดของถนนหลายสายในกรุงเทพฯ มีเลนเล็กๆ พื้นสีเขียวขอบสีขาว ปะรูปจักรยานกลางเลน นั่นคือเลนจักรยาน ถึงแม้ว่าหลายเลนจะถูกรถยนต์จอดทับ หรือพาดขึ้นไปบนฟุตบาทหรือตะแกรงท่อระบายน้ำ แต่คนใช้จักรยานเป็นพาหนะในชีวิตประจำวันก็บอกว่า “ยังดีกว่าไม่มี”
การขี่จักรยานบนถนนในเมืองใหญ่เป็นไปได้ แต่ควรนึกถึงสิ่งต่อไปนี้
1. ควรมีทักษะเบื้องต้นในการควบคุมรถ อย่างน้อยก็ขี่มือเดียวได้ รู้จักใช้สะโพก แขน ขา เข่า อย่างเหมาะสม โดยไม่ทำให้ส่วนใดบาดเจ็บไปเสียเองเพราะการขับขี่ที่ผิดท่า
2. ขี่จักรยานที่เหมาะกับตัวเอง ขายืดยันถึงพื้นได้ แฮนด์และเบรกอยู่ในตำแหน่งที่จับบังคับสบาย
3. เพื่อความปลอดภัย ใช้หมวกกันน็อกที่พอดีกับศีรษะ
4. ตรวจดูสภาพถนนที่เราขี่เสมอ สังเกตว่าพื้นผิวตรงไหนขุรขระ มีท่อหลุมที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ถ้าหลบไม่ได้ควรขี่ผ่านไปอย่างมั่นใจ ไม่ลังเลจนรถโยกเยก
5. มองให้รอบด้าน ทำตัวให้คนอื่นเห็นเสมอ สื่อสารกับผู้ใช้ถนนอื่นๆ ด้วยการโบกมือและแขน ด้วยรอยยิ้ม (หรือทำหน้าวีนในบางหน) เราจำเป็นต้องเห็นคนอื่นและถูกเห็นอยู่เสมอ เพราะคนขับรถมักบอกว่า “มองไม่เห็นจักรยาน”
6. สื่อสารด้วยสายตากับผู้ขับขี่รถคันอื่นๆ เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นหุ่นยนต์
7. เพิ่มพูนทักษะการขับขี่เสมอ อย่าพลัดไปอยู่ในจุดบอดของรถข้างหน้า หรือเมื่อต้องการเลี้ยว อย่าลืมดูให้ดีก่อนว่ามีคนเห็นสัญญาณของเราหรือไม่ รักษาระยะปลอดภัยกับรถคันหน้าและรถที่อยู่ข้างๆ ระวังประตูรถยนต์ที่อาจเปิดออกมาโดนเรา และใช้ไฟกะพริบเสมอ ถ้าขี่ยามค่ำคืน
8. บรรทุกของขึ้นรถให้พอดี
9. ตรวจลมยางและเบรกเสมอก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
10. มีสติเต็มที่ในการขับขี่ทุกครั้ง (เช่นเดียวกับการขับรถยนต์ หรือแม้แต่การเดิน) สติเท่านั้นที่จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา และผ่อนเบาให้เป็นปลอดภัย ทั้งยังช่วยให้มองเห็นความงามของสองข้างทางได้ดีอีกด้วย
สำหรับหลายคน การขี่จักรยานเป็นการทำความรู้จักกับร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง บางคนอาจพบว่าตัวเองทำได้มากกว่าที่คิด ตอนแรกถีบรถขึ้นสะพานไม่ไหว จะลงจูงก็ไม่เห็นเสียศักดิ์ศรีอะไร นานๆ เข้าก็วิ่งฉิวด้วยความภาคภูมิใจ
นอกจากจะได้รู้จักตัวเองมากขึ้นแล้ว คนขี่จักรยานจะยังได้รู้จักได้พบเห็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เคยมองข้าม เพราะเมื่อจักรยานวิ่งไม่เร็วเกินไป เราก็มีเวลา “มอง” และ “เห็น” สองข้างทาง (รวมทั้งผู้คนและสิ่งต่างๆ ที่อยู่บนนั้น) มากขึ้น แถมยังได้สนุกกับเส้นทางลัดเลาะใหม่ๆ คนเราชอบการค้นพบเสมอ
มีคนบอกว่าจักรยานเป็นพาหนะที่รับผิดชอบโลก เป็นพาหนะที่อนุญาตให้เราได้พึ่งตนเอง เป็นอิสระจากบริษัทขายน้ำมัน ค่าทางด่วน ศูนย์บริการรถยนต์ ตำรวจ ที่จอดรถ และการจราจรติดขัดอย่างสมบูรณ์ เมื่อจักรยานถูกขี่ลงถนนมากขึ้น ภาพของจักรยานและคนขี่จักรยานก็จะชัดขึ้นเรื่อยๆ จนผู้ขับขี่ยวดยานอื่นๆ “มองเห็น” รับรู้ว่าจักรยานมีตัวตนจริง และเป็นส่วนหนึ่งของท้องถนนด้วย เมื่อนั้นก็จะไม่มีใครกังขาอีกว่าการขี่จักรยานบนท้องถนนเป็นไปได้หรือไม่
ภาพประกอบจาก https://pixabay.com/th/