ไข้หัวลม โรคที่มาช่วงเปลี่ยนฤดู
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2014-04-13 14:17:08
เคยรู้สึกบ้างไหมคะว่า เวลาเปลี่ยนอากาศทีไร เรามักจะมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว รู้สึกเสมหะติดคอบ้าง ไม่สบายตัว แต่ก็ไม่ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ เป็นที่หงุดหงิดใจยิ่งนัก โดยเฉพาะคนทำงานอย่างเรา ๆ ทำให้ทำงานทั้งทีไม่เต็มที่อย่างไรก็ไม่รู้ พอไปคุยกับคนแก่ก็ได้รับคำตอบมาว่า "ไม่ต้องแปลกใจหรอก ช่วงนี้เค้าเรียกไข้หัวลม คนเป็นกันเยอะ ทำแกงส้มดอกแคกิน เดี๋ยวก็หาย"
เราก็ฟังแล้วกลับมาคิดว่า ทำไมต้องเป็นแกงส้มดอกแคด้วย อาหารอย่างอื่นพอจะมีบ้างหรือไม่ ก่อนอื่น มาทำความรู้จักอาการไข้หัวลมกันก่อน
ไข้หัวลม ก็คือ ไข้เปลี่ยนฤดูนั่นเอง จะร้อนเป็นฝน ฝนเป็นหนาว หรือหนาวเป็นร้อน เรียกเหมือนกันหมด ( สรุปว่ามีอยู่ 3 หัว (ลม))
อาการโดยทั่วไปจะเริ่มต้นด้วย ระวิงระไวไอจาม และอาจมีอาการมีน้ำมูกร่วมด้วยก็ได้ ครั่นเนื้อครั่นตัว เพลีย เหนื่อย วัดไข้แล้วมักจะไม่เกิน 38.5 องศาเซลเซียส เกิดจากการเปลี่ยนอากาศ
ถ้าเป็นช่วงนี้ จากฝนเป็นหนาว ตามแพทย์แผนไทยบอกว่าร่างกายมีไอความร้อนค้างอยู่ตอนหน้าฝน พออากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว ปรับตัวไม่ทัน เกิดภาวะธาตุไฟพิการ ก็เลยป่วยได้ ในคนที่มีภูมิต้านทานดีก็จะไม่มีอาการใด ๆ แต่ในคนที่ภูมิต้านทานไม่ค่อยดี ช่วงนี้ถือว่าเป็นจุดอ่อน จะป่วยง่ายมาก คนโบราณเลยมีวิธีป้องกันก่อนที่จะป่วยล้มหมอนนอนเสื่อกันเสียก่อน โดยเริ่มจากอาหารการกินง่าย ๆ ก่อนจะไปถึงยา
นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงการแพทย์พื้นบ้านไทยใช้ดูแลสุขภาพ โดยศาสตร์ดังกล่าวจะใช้รสชาติของอาหารมาปรับสมดุลของร่างกายให้พร้อมรับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง
รสยาที่ใช้ คือ รสเปรี้ยว รสขม และรสเผ็ด เพราะรสเปรี้ยวจะช่วยขับเสมหะ รสขมช่วยเจริญอาหาร ทำให้หลับได้ รสเผ็ดร้อน จะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ขับลม ซึ่งรสดังกล่าวจะหาได้ในอาหารที่เรารับประทานแต่ละมื้อนั่นเอง
ดังนั้น ข้อมูลที่ว่าผักพื้นบ้าน อาหารเป็นยา ภูมิปัญญาแผนไทย ใช้ป้องกันโรค เสริมภูมิต้านทาน จึงเป็นความจริง เพราะวิถีชีวิตประจำวันที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ การบริโภคอาหาร การสัมผัสรสชาติของอาหารจึงเป็นพฤติกรรมที่ทุกคนได้รับ
ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง คืออาหารเย็น ไม่ว่าจะเป็นอาหารเย็นทางกายภาพ เช่น น้ำแข็ง หวานเย็น ไอศกรีม ผลไม้ แตงโม แอบเปิ้ล หรือผลไม้ที่อยู่นอกฤดูกาล
สรุปแล้วหนาวนี้ ใช้อาหารเป็นยากันก่อนเกิดโรค ส่งเสริมสุขภาพแล้วอย่าลืมการพักผ่อนที่เพียงพอ นอนแต่หัวค่ำ ( โดยเฉพาะเด็ก ๆ) และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะรอดพ้นจากไข้หัวลมได้อย่างน่าภาคภูมิใจค่ะ
ช่วงนี้แนะนำให้เลือกรับประทานอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ ๆ เน้นรสเปรี้ยวอมขมเล็กน้อย เช่น ต้มยำต่าง ๆ ซึ่งในส่วนประกอบต้มยำจะมีสมุนไพรรสเผ็ดร้อน ได้แก่ ขิง ข่า ขมิ้น ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก กะเพรา หอม กระเทียม เป็นต้น
นอกจากนี้ แกงขี้เหล็ก สะเดาต้มจิ้มน้ำปลาหวาน รสขมของสะเดาช่วยให้เจริญอาหาร นอนหลับสบาย หรือยำดอกแค แกงส้มดอกแค ดอกแคต้มจิ้มน้ำพริก
สรรพคุณดอกแคช่วยแก้ไข้เปลี่ยนฤดู เปลือกนำมาต้มคั้นน้ำ แก้ท้องร่วง แก้บิด แก้มูกเลือด ปรับธาตุ สำหรับดอกแคคนโบราณถือว่าเป็นสุดยอดของผักพื้นบ้านต้านลมหนาว ช่วยแก้ไข้หัวลม เป็นต้น
นพ.ธวัชชัย กล่าวฝากประชาชนให้สังเกตตลาดผักพื้นบ้าน ฤดูไหนมีผักอะไรมาก นั่นหมายถึงธรรมชาติสร้างความสมดุลให้กับมนุษย์ด้วยการผลิตผักต่าง ๆ ตามฤดูกาลมาให้บริโภค เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย ต่อสู้กับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง เช่น ช่วงนี้จะเห็นดอกแค ออกดอกจำนวนมาก เป็นต้น
เมนูเด็ดประจำหน้านี้ก็คือ
อาหารคาว
ดอกแค
สรรพคุณ คือ แก้ไข้เปลี่ยนฤดูโดยเฉพาะ ยิ่งถ้านำมาปรุงอาหารกับสมุนไพรไทยตัวอื่น อาทิเช่น มะนาว เพิ่มวิตามินซี ข่าตะไคร้ในต้มยำ ต้านอนุมูลอิสระได้อีก ยิ่งเป็นเมนูที่มีประโยชน์มากขึ้น เช่น
- แกงส้มดอกแค
- ยำดอกแคชุบแป้งทอดหมูสับ
- น้ำพริก แกล้มกับยอดแค
มะเขือพวง
สรรพคุณ คือ ขับเสมหะ ช่วยในการย่อย นอกจากนี้ยังเป็นแชมป์ผักพื้นบ้านที่มีเส้นใยเยอะที่สุดแก้ท้องผูก และมีเบต้าแคโรทีนต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
- น้ำพริกมะเขือพวง
- แกงไก่ใส่มะเขือพวง
- ยำมะเขือพวง (คั่วให้สุกก่อน) ใส่กุ้งสด หอมซอย แค่นี้ก็น้ำลายไหลแล้ว
- แกงแคไก่ใส่มะเขือพวง
พริกไทย
สรรพคุณ ขับเสมหะ แก้ลมตีขึ้น ใช้ได้ทั้งพริกไทยขาวและพริกไทยดำ แต่ถ้าให้แนะนำ กินพริกไทยดำจะปลอดภัยจากสารฟอกสี และมีประโยชน์มากกว่า ตัวอย่างอาหารในเมนูพริกไทยคือ
- หมูผัดเผ็ดพริกไทยอ่อน
- หมู หรือไก่ หรือกุ้ง ทอดกระเทียมพริกไทย อย่าลืมแกล้มกับผักอื่นๆ ด้วย
- หนำเลี๊ยบหมูสับผัดพริกไทยดำ
กระชาย
สรรพคุณ ทำให้กระชุ่มกระชวย เป็นยาบำรุง
- ขนมจีนน้ำยา
- ผัดเผ็ดหมูป่าใส่กระชาย
กะเพรา
สรรพคุณ แก้ไข้ ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ขับลม แก้คลื่นไส้ได้ด้วย
- น้ำใบกะเพรา แก้หวัดในเด็กได้ดี กลิ่นไม่ฉุนอย่างที่คิด ให้กินตอนอุ่น ๆ
- ทอดมันปลากรายใส่ใบมะกรูด+กะเพรากรอบ
กระเทียม
สรรพคุณ ระบายพิษไข้ แก้ไอ ขับเสมหะ แก้น้ำลายเหนียว
กินสดก็ได้ 5-10 กลีบ ต่อวัน นอกจากนี้ยังสามารถลดไขมันในเลือดได้ด้วย หรือจะนำมาประกอบกับอาหารได้เกือบทุกชนิด เช่น ผัดผัก อาหารเวียดนาม เมี่ยงคำใบชะพลูเป็นต้น
สะเดา
สรรพคุณ ขับลม ลดไข้
- ปลาดุกย่างน้ำปลาหวานสะเดา
- น้ำพริกกะปิสะเดา
- ยำสะเดาหมูสับ
- แกงจืดสะเดา
ขี้เหล็ก
สรรพคุณ ถ่ายพิษไข้ ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ แก้นอนไม่หลับ
- แกงขี้เหล็ก
ชะมวง
สรรพคุณ แก้ไข้ ระบายท้อง
- แกงหมูชะมวง
- แกล้มน้ำพริก หรืออาหารเวียดนาม เป็นผักแนมได้ทุกจาน
ผักชี
สรรพคุณ ขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ แก้ไข้ ไอ หวัด
- ใช้แกล้มกับอาหารได้เกือบทุกประเภท
- รากผักชี กระเทียมพริกไทย กับเนื้อ *** อย่างอื่น ก็เป็นเมนูที่เด็ก ๆ กินได้ไม่น้อยเหมือนกัน
หอม
สรรพคุณ แก้ไข้หวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอครืดคราด ขับลม บำรุงธาตุพิการ
- ไข่เจียวหัวหอม ใส่สมุนไพรอย่างอื่นได้ไม่ว่ากัน
- หรือจะใส่กับยำ ลาบ อื่น ๆ ด้วยก็ได้
ของหวาน
ให้เลือกเมนูถั่วเป็นหลัก เพราะให้พลังงานเช่น สาคูไส้หมู แกล้มผักชีเยอะ ๆ ถั่วแปบ ถั่วเขียวต้มน้ำตาล บัวลอยน้ำขิง หรือเมี่ยงคำ
น้ำสมุนไพร
น้ำผึ้งผสมมะนาว ควรเป็นน้ำผึ้งเก่า ( เก็บเกิน 6 เดือน) น้ำใบบัวบกใส่ชะเอมเทศ น้ำใบกะเพรา น้ำขิง น้ำมะตูม น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะระขี้นก น้ำส้มเพิ่มวิตามินซี เสริมภูมิต้านทาน