www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




คลังความรู้ > ภาษาต่างประเทศ > มัธยมปลาย

Parts of Speech
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2013-03-28 09:24:45

Parts of Speech ( ชนิดของคำ )
       ข้อความ  ประกอบด้วย"คำ" ( word ) หรือกลุ่มคำซึ่งนำมาเรียงต่อเนื่องกันเป็นวลี (phrase)   หรือประโยค ( sentence )  จะมีหน้าที่อย่างหนึ่ง อย่างใดใน   8 หน้าที่ตามหลักไวยากรณ์อังกฤษ ( grammar )หน้าที่ของคำเรียกว่า "ชนิดของคำ" ( parts of speech )  ซึ่งได้แก่


1. Noun ( คำนาม )  
     เป็นคำที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ ทั้งที่มีรูปร่างเช่น โต๊ะ สมุด และไม่มีรูปร่างเช่น วัน เวลา อากาศ รวมทั้งชื่อของคน สัตว์ หรือสิ่งของ เช่น


2. Pronoun (คำสรรพนาม )
     เป็นคำที่ใช้เรียกแทนคำนามเพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ำ เช่น   I, we, you, he, she, it   หรือใช้แทนคำนามที่เราไม่ทราบว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร หรือใคร   เช่น  someone, something แทนคำซ้ำ  Mai is a beautiful woman. Mai is a popular singer.
 = Mai is a beautiful woman. She is a popular singer.
 ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร Something is missing.  ไม่รู้ว่าอะไรหายไป

3. Verb (คำกริยา )
     เป็นคำที่บอกอาการหรือการกระทำ ( action ) หรือบอกความเป็นอยู่ ( being ) หรือสภาวะความเป็นอยู่ ( state of being ) เช่น  fly, is, am, seem, look.


4. Adjectives ( คุณศัพท์ )
     เป็นคำที่อธิบายหรือขยาย noun หรือ pronoun ให้ไดัรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติของสิ่งนั้นๆ เพิ่มขึ้น เช่น new, ugly, ill, happy, afraid, careless. เช่น He bought a new car. เขาซื้อรถใหม่.( new ขยาย car ซึ่งเป็น noun )
They are ugly. พวกเขาน่าเกลียด (ugly ขยาย they ซึ่งเป็น pronoun )

5. Adverb ( วิเศษณ์ หรือ กริยาวิเศษณ์)
     เป็นคำที่อธิบายหรือขยาย verb หรือ adjective หรือ adverb ด้วยกันเอง เช่น hard, fast, very
He works hard. เขาเป็นคนทำงานหนัก (hard ขยาย works ซึ่งเป็น verb)
He is very rich.  เขาเป็นคนจนมาก ( very ขยาย rich ซึ่งเป็น adjective )
He works very hard.เขาเป็นคนที่ทำงานหนักมาก ( very ขยาย hard ซึ่งเป็น adverb )

6. Preposition (คำบุพบท )
     เป็นคำ หรือกลุ่มคำที่วางหน้า noun หรือ pronoun เพื่อแสดงว่าคำนามหรือสรรพนามนั้นเกี่ยวข้องกับคำอื่นๆในประโยคอย่างไรเช่น on, at, in, from, within เช่น  I will see you on Monday. ฉันจะพบกับคุณในวันจันทร์
           She was waiting at the restaurant. เธอรออยู่ที่ร้านอาหาร
There is a cockroach in my room. มีแมลงสาบตัวหนึ่งในห้องฉัน 
We must finish the project within a year. ราจะต้องทำโครงการนี้ให้เสร็จใน 1 ปี

7. Conjunction ( คำสันธาน )
     เป็นคำที่ใช้เชื่อม คำ กลุ่มคำ หรือประโยคเข้าด้วยกันเพื่อให้ความหมายสมบูรณ์ขึ้น เช่น and, but, therefore, beside, either..or เช่น  John is rich and handsome .จอห์นเป็นคนรวยและรูปหล่อ
Either you or she has to do this job. ไม่คุณก็เธอที่จะต้องทำงานนี้

8. Interjection ( คำอุทาน )
     เป็นคำอุทานที่แสดงถึงอารมณ์  ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้น  โดยไม่เกี่ยวข้องกับคำอื่นๆ ใน ประโยคเลย   เช่น Oh God! , WOW, Hurrah


     การพิจารณาว่าคำไหนเป็นคำชนิดใด เราดูที่การทำหน้าที่ของมันในประโยค  คำๆเดียวอาจทำหน้าที่อย่างหนึ่งในประโยคหนึ่ง  แต่อาจทำหน้าที่อย่างอื่นในประโยคอื่นดังในตารางต่อไปนี้

ต่อไปนี้เป็นการแสดงถึง Parts of Speech ต่างๆในประโยค

ต่อไปนี้เป็นประโยคที่มีทุก Parts of Speech ในประโยคเดียว

 

ที่มา: https://ict.moph.go.th/English/content/a01intro.htm