โรคไขมันในเลือดผิดปกติ (dyslipidemia)
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2013-03-26 22:22:45
โรคไขมันในเลือดผิดปกติ (dyslipidemia) ผู้ป่วยเมแทบอลิกซินโดรมจะมีระดับไขมันในเลือดผิดปกติ โดยมีระดับ
คอเลสเตอรอล (cholesterol) เป็นตัวกลางสำหรับผลิตฮอร์โมนหลายตัว เช่น เอสโทรเจน โพรเจสเทอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง และเทสทอสเทอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย นอกจากนั้น ยังเป็นตัวกลาง ในการผลิตวิตามินดี และกรดน้ำดี สำหรับย่อยไขมัน ร่างกายคนเราสามารถผลิตคอเลสเตอรอลได้ จากตับและลำไส้ ในปริมาณมากกว่าที่ได้รับจากอาหาร ๓ - ๔ เท่า |
|
คอเลสเตอรอลไม่สามารถรวมตัวกับเลือดได้ จึงต้องจับตัวกับโปรตีน เกิดเป็นสารที่เรียกว่า ไลโปโปรตีน (lipoprotein) เพื่อขนส่งคอเลสเตอรอลไปทั่วร่างกาย ไลโปโปรตีนชนิดที่มีความหนาแน่นต่ำ เรียกว่า แอลดีแอล ทำหน้าที่ขนส่งคอเลสเตอรอลถึงร้อยละ ๗๕ - ๘๐ ไปสะสมในเซลล์ ถือว่า เป็นไขมันชนิดร้าย ซึ่งเมื่อมีระดับไขมันนี้ สูงขึ้นในเลือด ก็จะไปสะสมอยู่ใต้เยื่อบุผนังหลอดเลือดด้านใน เกิดเป็นคราบไขมัน ทำให้เกิดปฏิกิริยาอักเสบขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดตีบลง เป็นสาเหตุสำคัญ ของโรคหัวใจและหลอดเลือด การเจาะเลือด |
|
โปรตีนอีกชนิดหนึ่ง คือ ไลโปโปรตีนซึ่งมีความหนาแน่นสูง เรียกว่า เอชดีแอล ทำหน้าที่ขนส่งคอเลสเตอรอลร้อยละ ๒๐ - ๒๕ โดยขนส่งไขมัน จากเนื้อเยื่อต่างๆ ไปกำจัดทิ้งที่ตับ ดังนั้น เอชดีแอลจึงถือว่า เป็นไขมันชนิดดี ที่ทำให้คอเลสเตอรอล ที่มีระดับสูงในเลือดถูกกำจัดไป มีผู้เปรียบเทียบว่า เอชดีแอลทำหน้าที่เหมือนรถขนขยะ ยิ่งมีระดับเอชดีแอลในเลือดมาก ไขมันที่ไปทำให้หลอดเลือดอุดตันจะน้อยลง โอกาสที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ก็น้อยลงไปด้วย |
ไตรกลีเซอไรด์ |
|||||||||||||||||||||||||
ระดับไตรกลีเซอไรด์ที่ปกติไม่ควรเกิน ๑๕๐ มิลลิกรัม/เดซิลิตร สาเหตุโดยทั่วไปที่ทำให้ไตรกลีเซอไรด์สูง ได้แก่ โรคอ้วน ออกกำลังกายน้อย ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ในผู้หญิงพบว่า มีไตรกลีเซอไรด์สูงได้ หากอยู่ในวัยใกล้หมดประจำเดือน อาจพบระดับไตรกลีเซอไรด์สูง ร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นโรคไต โรคตับ และโรคเบาหวานประเภทที่ ๒ ได้เช่นกัน ภาวะในกลุ่มเมแทบอลิกซินโดรม ซึ่งประกอบด้วย การมีระดับไตรกลีเซอไรด์สูง และระดับเอชดีแอลคอเลสเตอรอลต่ำ ก็จะเป็นสาเหตุสำคัญ ที่นำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือด หากไม่ดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ก็จะเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ สถานการณ์โรคไขมันในเลือดผิดปกติ จากรายงานการสำรวจภาวะอาหารและโภชนาการ ของประเทศไทย ครั้งที่ ๕ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยกรมอนามัย พบความชุก ของภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง และภาวะ HDL - C ต่ำ ดังตารางที่ ๖ และตารางที่ ๗ ตารางที่ ๖ ความชุกของภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
ตารางที่ ๗ ความชุกของภาวะ HDL - C ต่ำ ในประชากรวัยทำงาน
การดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคไขมันในเลือดผิดปกติ ๑. ควบคุมอาหาร โดยหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และอาหารเส้นใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ (ตัวอย่างรายการอาหาร เช่นเดียวกับรายการอาหารลดน้ำหนัก ที่ได้กล่าวไว้แล้ว) ๒. การทำกิจกรรมทางกาย หรือการออกกำลังกาย ที่เหมาะสมกับวัย และสภาพร่างกาย ๓. การใช้ยา ปัจจุบันมีการพัฒนายาออกมาหลายชนิด เพื่อช่วยลดระดับไขมันในเลือด ไม่ว่าจะเป็นระดับคอเลสเตอรอล หรือระดับไตรกลีเซอไรด์ เช่น ยาในกลุ่มสแตติน (statin) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ที่ใช้ในการสร้างคอเลสเตอรอลในร่างกาย และยากลุ่มนี้ยังช่วยให้ร่างกายขจัดแอลดีแอล หรือไขมันชนิดร้าย ออกจากกระแสเลือด อย่างไรก็ตาม การใช้ยาในผู้ป่วย โรคไขมันในเลือดผิดปกติ ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ เนื่องจากผู้ป่วยมักมีความผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน ![]() |
เครดิต: https://kanchanapisek.or.th