www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




คลังความรู้ > สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม > มัธยมต้น

วันมาฆบูชา
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2012-05-24 11:59:20

วันมาฆบูชา
วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3
 

             วันมาฆบูชา ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ หรือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ

  • เป็นวันที่พระสงฆ์ จำนวน ๑, ๒๕๐ รูป มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย 

  • พระสงฆ์เหล่านั้นล้วนเป็น เอหิภิกขุ คือ ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้า และล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา ๖ หมายถึง ความรู้ยิ่งยวด ๖ อย่าง ได้แก่
    ๑. อิทธิวิธา คือ แสดงฤทธิ์ได้
    ๒. ทิพพโสตญาณ คือ ญาณที่ทำให้มีหูทิพย์
    ๓. เจโตปริยญาณ คือ ญาณที่กำหนดใจคนอื่นได้
    ๔. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ ญาณที่ทำให้ระลึกชาติได้
    ๕. ทิพพจักขุญาณ คือ ญาณที่ทำให้มีตาทิพย์
    ๖. อาสวักขยญาณ คือ ญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป 

    การเกิดขึ้นของเหตุการณ์ทั้ง ๔ ประการ เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต คือ การประชุมที่ประกอบด้วยองค์ ๔ 

  • ในโอกาสนี้พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์
    เนื่องจากเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะที่จะประกาศหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการปฏิบัติในการเผยแพร่พุทธศาสนาให้นำไปใช้ได้ในทุกสังคม โดยมีเนื้อหา คือ
    "ให้ละความชั่วทุกชนิด ทำความดีให้ถึงพร้อมและทำจิตใจให้ผ่องใส "
    ซึ่งหลักธรรมคำสอนนี้จะเรียกว่าเป็น ธรรมนูญแห่งพุทธศาสนา หรือ หัวใจของพุทธศาสนาก็ได้ ดังนั้น โอวาทปาติโมกข์ จึงชี้ให้เห็นถึงความเป็นสมณะและบรรพชิตในพระพุทธศาสนาที่แตกต่างจากศาสนาอื่น อันเป็นรากฐานที่ทำให้พระพุทธศาสนามั่งคงมาจนถึงปัจจุบัน


วันมาฆบูชาในประเทศไทย

             ในประเทศไทย เริ่มมีพิธีบูชาเนื่องในวันมาฆบูชาเป็นครั้งแรกในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) พระองค์ได้ทรงปรารภถึงความสำคัญของวันมาฆบูชาว่า มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นพร้อมกันถึง ๔ ประการในวันเดียวกัน หรือที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต จึงสมควรที่พุทธศาสนิกชนจะได้ทำการบูชาเพื่อระลึกถึงความสำคัญของวันดังกล่าว และพระคุณของพระพุทธเจ้า

              พระองค์ทรงให้จัดพิธีบูชาเนื่องในวันมาฆบูชาขึ้นในพระราชวัง โดยโปรดให้มีการประกอบพระราชกุศลในเวลาเช้าด้วยการนิมนต์พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และฉันภัตตาหารในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในเวลาค่ำพระองค์จะเสด็จออกฟังพระสงฆ์ทำวัตรเย็น สวดโอวาทปาติโมกข์ และทรงจุดเทียนรายตามราวรอบพระอุโบสถ จำนวน ๑,๒๕๐ เล่ม พระภิกษุเทศนาโอวาทปาติโมกข์ พระสงฆ์จำนวน ๓๐ รูป สวดมนต์รับเทศนา เป็นเสร็จพิธี

             ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) พระองค์ทรงนำพิธีบูชาเนื่องในวันมาฆบูชาไปประกอบในสถานที่อื่นๆ นอกพระบรมมหาราชวัง เช่น ในคราวเสด็จประพาสต้นที่บางปะอิน พระพุทธบาท พระปฐมเจดีย์ และพระแท่นดงรัง ทำให้มีประชาชนจำนวนมากนำพิธีบูชาเนื่องในวันมาฆบูชาไปปฏิบัติกันอย่างกว้างขวางและสืบมาจนถึงปัจจุบัน

แนวทางที่พุทธศาสนิกชนควรประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องเนื่องในวันมาฆบูชานั้น คือ
 ๑. การให้ทาน คือ การถวายภัตตาหารให้แก่พระภิกษุสามเณรในช่วงเช้าหรือเพล การบริจาคทรัพย์เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ และการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ให้แก่สังคม
 ๒. การรักษาศีล คือ การสำรวมระวังกายและวาจา ด้วยการรักษาศีล ๕ หรือศีล ๘
 ๓. การเจริญภาวนา คือ การบำเพ็ญภาวนาด้วยการไหว้พระสวดมนต์ปฏิบัติสมาธิและวิปัสสนา
 ๔. การเวียนเทียน พุทธศาสนิกชนควรแต่งกายให้สุภาพเพื่อเป็นการบูชาพระรัตนตรัย และประนมมือถือดอกไม้ธูปเทียน โดยเดินเวียนไปทางขวามือของตนจนครบ ๓ รอบ ในแต่ละรอบให้ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณตามลำดับ

             วันมาฆบูชาจึงนับเป็นวันที่สำคัญยิ่งอีกวันหนึ่งในพระพุทธศาสนาที่พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติเช่นเดียวกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันอื่นๆ  
             
             จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมเนื่องในวันมาฆบูชา ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค นอกจากนี้ ขอให้พุทธศาสนิกชนทุกท่านพึงประพฤติและปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสมตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เพื่อสร้างความศรัทธา และความตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ต่อไปในอนาคต

 

ที่มา : สำนักประชาสัมพันธ์และเทคโนโลยีสารสนเทศ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม