เห่เรื่องพระอภัยมณี
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2012-01-12 21:52:10
พระอภัยมณีและศรีสุวรรณ เป็นโอรสของท้าวสุทัศน์และพระนางประทุมเกสรแห่งกรุงรัตนา เมื่อทั้งสองพระองค์ เจริญพระชันษาถึงเวลาต้องเรียนหนังสือ ท้าวสุทัศน์จึงส่งพระโอรสไปศึกษาวิชากับทิศาปาโมกข์ ตามโบราณราชประเพณี พระอภัยมณีและศรีสุวรรณออกเดินทางไปจนถึงหมู่บ้านจันตคาม พบทิศาปาโมกข์สองคน คนหนึ่ง ชำนาญทางปี่ อีกคนหนึ่งชำนาญทางกระบอง ทั้งสองคนมีความเลื่อมใส จึงสมัครเป็นศิษย์ขอเรียนวิชาอยู่ในสำนัก นั้น พระอภัยมณีเรียนเป่าปี่ ส่วนศรีสุวรรณเรียนการต่อสู้ด้วยกระบองครั้นเรียนสำเร็จแล้ว พระอภัยมณีและศรีสุวรรณก็ลาอาจารย์ทิศาปาโมกข์กลับบ้านเมือง แต่เมื่อท้าวสุทัศน์ ทรงทราบว่าพระโอรสไปเรียนวิชาอะไรมา ก็กริ้วนัก ว่าเลือกเรียนวิชาชั้นต่ำ ไม่สมกับเป็นโอรสของกษัตริย์ จึง ขับไล่พระโอรสทั้งสองออกจากบ้านเมือง ทั้งสองคนเดินทางร่อนเร่ไปได้รับความลำบากนัก ศรีสุวรรณยังปลอบโยน พระอภัยมณี เป็นคติเตือนใจถึงคุณค่าของการมีวิชาความรู้ว่ามีความรู้อยู่กับตัวกลัวอะไร ชีวิตไม่ปลดปลงคงได้ดีพระอภัยมณีและศรีสุวรรณเดินทางผ่านป่าเขาลำเนาไพรมาจนถึงชายทะเลแห่งหนึ่ง ในกลอนกล่าวถึง ว่า "มหิงษสิงขร" และยังมีคำว่าสิงขรอีกหลายแห่ง จนกาญจนาคพันธุ์เชื่อว่าไม่ใช่กลอนพาไป แต่เป็นการจงใจ ระบุถึงชื่อนี้จริง ๆ นั่นก็คือ "ด่านสิงขร" ชายทะเลเขตไทยทางด้านอ่าวอันดามันที่ริมชายทะเลนี้ ทั้งสองพระองค์ได้พบกับพราหมณ์สามสหาย คือโมรา ผู้มีวิชาผูกสำเภายนต์ สานน ผู้มีความ สามารถเรียกลมฝน และวิเชียร ผู้เชี่ยวชาญการยิงธนู สามารถยิงได้ทีละเจ็ดลูก เมื่อไต่ถามทำความรู้จักกันแล้ว พราหมณ์ทั้งสามสงสัยว่า วิชาดนตรีของพระอภัยมณีนั้นดีอย่างไร พระอภัยมณีจึงเป่าปี่ให้ฟัง ทำให้พราหมณ์ทั้งสาม และศรีสุวรรณหลับไป ครั้งนั้น ยังมีนางผีเสื้อน้ำตนหนึ่ง อาศัยอยู่ในทะเล เที่ยวหาปลาและสัตว์น้ำกินเป็นอาหาร ระหว่างที่พระอภัยมณีเป่าปี่ บวงสรวงพระไทรอยู่นั้น นางผีเสื้อน้ำกำลังออกหากิน และได้ยินเสียงปี่แว่วมา จึงเดินทางมาตามเสียง เมื่อได้เห็นพระอภัยมณี ก็นึกรักทันที ใคร่จะได้มาเป็นสามี จึงใช้กำลังเข้าลักพาตัวพระอภัยมณีไปยังถ้ำของตนพระอภัยมณีตกใจจนสิ้นสติ เมื่อฟื้นคืนมาพบตัวเองอยู่ในถ้ำ และมีหญิงสาวสวยงามปรนนิบัติอยู่ข้างๆ ทรงรู้ทันทีว่า หญิงนี้คือนางยักษ์ ด้วยไม่มีแววตา ทรงหว่านล้อมขอให้ปล่อยตัวพระองค์ไป แต่นางผีเสื้อน้ำไม่ยินยอม ทั้งเกลี้ยกล่อมและใช้ กำลัง จะให้พระอภัยมณียอมเป็นสามีตนให้ได้ พระอภัยเห็นว่าไม่มีทางหนี จึงให้นางยักษ์สาบานว่าจะไม่ทำร้าย แล้วจึงจะ ยอมเป็นสามี นางยักษ์ก็ยอมสาบาน พระอภัยมณีจึงจำต้องอยู่ด้วยนางยักษ์แต่นั้นมา โดยนางออกไปหาผลไม้มาถวาย พระอภัยมณีทุกๆ วัน
บทเห่กล่อมเรื่องพระอภัยมณี มีทั้งสิ้น 8 ช่วง แต่ละช่วงนำมาจากเรื่องราวบางตอนของเนื้อเรื่อง ได้แก่
แรมสำนักตำหนักจันทน์ พระสุริยันสนธยา
ได้เห็นพักตร์ลักขณา ยังติดตาทุกนาที
หอมหวนยวนยี อยู่ในที่ไสยา
ทรงกลดรจนา เหมือนนวลหน้าพระน้องนวล
นึกเห็นเมื่อเล่นสวน เลิศล้วนลักขณา
พระกรรณแก้วแววตา ดังกลีบผกาโกมล
ปรางประพระสุคนธ์ พิศเพียงผลลูกจันทน์
โกมุทบุษบัน ไม่เทียมถันประทุมา
เมื่อเนตรน้องมาต้องตา ดังสายฟ้ามาฟาดทรวง
จะใคร่อุ้มพุ่มพวง มาแนบทรวงไสยา
แม้นสมรักจะลักพา ลงเภตรากางใบ
แม้นลมดีจะคลี่ใบ แล่นไปในนที
แย้มสรวลยวนยี จะชวนชี้ให้ชมปลา
ฝูงกระโห้ทั้งโลมา เคลื่อนคลาอยู่ตามกัน
นาคราชผาดผัน ปลาอำพันตะเพียนทอง
เงือกงูดูคะนอง ลอยล่องชโลธร
คลาเคล้าสำเภาจร ในสาครรายเรียง
เหมือนจอกน้อยลอยเรียง พิศเพียงจะเพลินใจ
เคลิ้มระงับหลับไป อยู่ในห้องไสยา เอยฯ
องค์สุวรรณมาลี บวชด้วยมีศรัทธา
อยู่เขารุ้งปลายทุ่งนา ออกนั่งหน้ากุฎี
สาวสุรางค์นางชี แต่ล้วนมีศรัทธา
เงียบสงัดวัดวา พระสุริยาเย็นรอนรอน
จิ้งจอกออกหอน นกนอนรังเรียง
น่าดูเป็นคู่เคียง แอ่นเอี้ยงแอบอิง
แจ้วแจ้วแก้วกะลิง จับที่กิ่งไทรทอง
พลบค่ำย่ำฆ้อง เดือนส่องสว่างตา
ยี่หุบบุบณา แย้มผกากลิ่นขจร
หึ่งหึ่งผึ้งภมร เชยเกสรสุมาลี
ถึงหอมระรื่นไม่ชื่นชม ตามเพศพรหมจรรย์ เอยฯ
กับอรุณรัศมี นั่งอยู่ที่หน้าชาลา
พูดเล่นเจรจา กับน้องยานารี
ร่อนเร่ในเมฆี มาตรงที่แกลทอง
ค่อยสอดกรช้อนตระกอง มาไว้ในห้องไสยา
ชวนพระน้องร้องสักวา จนหลงว่าขึ้นดังดัง
น้องห้ามไว้ก็ไม่ฟัง จะแทงฝรั่งลังกา
เดือนส่องต้องศิลา ดังจินดาดวงดาว
แวมสว่างพร่างพราว อร่ามราวเพชรพลอย
ดาวก็เคลื่อนเดือนก็คล้อย จะเลื่อนลอยลับตา
พระเพลินจิตไม่นิทรา แต่น้องยานั้นหลับไป
หลับสนิทจะพิศไหน งามวิไลลักขณา
ถึงนางสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่โสภาเทียมนวล
ยิ้มเยื้อนเหมือนจะชวน ให้รัญจวนใจชาย
ฟ้าขาวดาวประกาย พฤกษาพรายโพยมมาล
ไก่กระชั้นขันขาน วิเวกหวานวังเวง
กลระฆังก็ดังเอง เสียงเหง่งเหง่งวังเวงใจ
งีบระงับหลับใหล ในที่ไสยา เอยฯ
บวชเล่นเล่นก็เป็นชี กับฤๅษีพี่ยา
พรหมจรรย์จรรยา เขาแปลว่าอันใด
หลวงป้าไม่ว่าไร หรือจะไปตามคำ
กลัวป้าอุตส่าห์ทำ ชักประคำภาวนา
รสสุคนธ์มณฑา มะลิลาลมโชย
ให้หวิวหวิวหิวโหย ร่วงโรยกำลัง
เสียงหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง ฟังฟังยิ่งวังเวง
กระดึงดังหงั่งเหง่ง ให้วังเวงวิญญา
ลมเชยรำเพยพา ชื่นวิญญาเย็น เอยฯ
โฉมลเวงวัณฬา ทรงอาชามากลางไพร
แลเหลียวเปลี่ยวใจ วิเวกในดงตาล
เสือสิงห์วิ่งทะยาน เสียงสะท้านสะเทือนดัง
ให้หิวโหยโรยกำลัง จนม้าที่นั่งก็อ่อนแรง
สุดสังเกตเขตแขวง ไม่รู้แห่งหนทาง
ล้วนป่าสูงยูงยาง ไปตามหว่างศีขรินทร์
ฝูงปักษาเที่ยวหากิน บ้างโผบินร่อนเรียง
กระลุมภูเป็นคู่เคียง เค้าโมงเมียงมองแล
นกออกเอี้ยงเคียงคับแค เสียงซ้อแซ้สนั่นไพร
กินปลีเปล้าเขาไฟ จับกิ่งไม้มองเมียง
นกอุลอคลอเคียง กะเรียนเรียงรังนาน
เบญจวรรณขันขาน บ้างบินผ่านโผจร
เรียงจับสลับสลอน นางนวลนอนแนบนาง
ชมเพลินเดินพลาง วิเวกวางเวงใจ
ตัวเขียวเหยี่ยวตะไกร ไล่ลูกไก่เวียนวง
ปีกเจ้าอ่อนร่อนลง ประสานส่งสำเนียง
กรีดกรายชะม้ายเมียง ประสานเสียงสนั่นดัง
เหมือนนกเลี้ยงในเวียงวัง พระเนตรหลั่งหล่อชล
ม้าเลี้ยวหลงวงวน ไม่เห็นหนทางไป
หอมระรื่นชื่นฤทัย ดอกไม้ไพรพนม
สร้อยฟ้าน่าชม ทั้งสุกรมยมโดย
ทั้งพระพายชายไชย เกสรโปรยปรายมา
เพลินพระทัยไคลคลา จนสุริยาเย็นรอนรอน
จิ้งจอกออกเห่าหอน ในดงดอนดูมืดมัว
วังเวงน่าเกรงกลัว แลเห็นตัวอยู่ไรไร
ลงจากม้าคลาไคล เข้านั่งใต้ไทรทอง
แล้วทรงเปลื้องสะไบกรอง นางปูรองกายา
ให้หิวโหยโรยรา นิ่งนิทราตรอมใจ
เคลิ้มระงับหลับไป ใต้ต้นไทรทอง เอยฯ
พระอภัยมณี นั่งที่ท้ายรถทรง
คลุมประทมห่มองค์ เห็นแต่วงพักตรา
จะสะกิดก็ติดฝา สุดปัญญาสุดอาลัย
หรือระงับหลับไหล ทำกระไรจะรู้ความ
คิดจะใคร่ไถ่ถาม ให้ขามขามในวิญญา
จึงถอยหลังรั้งรา เลียบไปหน้ารถชัย
เขาบอกว่าหลับก็กลับไป ขึ้นยืนอยู่ใกล้แกลทอง
เสียงจังหรีดกระกรีดร้อง นึกว่าน้องจำนรรจา
พี่มาแล้วนะแก้วตา จะรับรักษาทรามวัย
เสน่หาอาลัย มิได้ใกล้เคียงองค์
พร่างพร่างกลางดง ต้นรังรงร่มครึม
ทุกเงื้อมเขาเหงางึม ให้เศร้าซึมโศกา
หรือน้องแก้วแววตา สวรรคาลัยไป
กอดพระกรถอนฤทัย วิเวกในดงดอน
รวยรินกลิ่นขจร หอมเกสรสุมาลี
สร้อยฟ้าสารภี มลุลีหลายพรรณ
เหมือนกลิ่นเนื้อเจือจันทน์ สะอื้นอั้นอาลัย
อุตส่าห์ตามทรามวัย มาจนใกล้กัลยา
เขม้นมองที่ช่องฝา จะใคร่เห็นหน้าพระน้อง เอยฯ
ทำหลับไหลไสยา จนล่วงมากลางดง
ทำความเพียรเวียนวง คิดก็สงสารเธอ
ช่างง่วงเหงาเฝ้าละเมอ ช่างไม่เก้อแก่ใจ
มิตอบถ้อยจะน้อยใจ ครั้นพูดไปจะเป็นทาง
ทำประชวรครวญคราง จึงถามนางลาลีวัน
เข้าป่าสาลวัน จักรจั่นจับใจ
ให้กลุ้มกลัดในหทัย เจ็บไข้ก็ไม่เคย
กลางไพรใครเลย จะให้เขนยหนุนนอน
ถึงสุวรรณบรรจถรณ์ จะได้นอนให้อุ่นทรวง
ฤๅลับเงาภูเขาหลวง ไม่โชติช่วงชัชวาลย์
ดอกไม้ก็ไม่เบิกบาน จะได้สำราญฤทัย
จะได้ระงับหลับไหล ให้สร่างในทรวง เอยฯ
รับสั่งบังคมคัล ขึ้นนั่งบนชั้นเกรินทอง
โอ้ยามค่ำย่ำฆ้อง ให้มัวหมองในวิญญา
ช่างมืดมิดทุกทิศา มืดทั้งฟ้าดินดง
แจ่มกระจ่างสว่างวง ส่องที่ตรงแกลทอง
โหยหวนนวลละออง มณฑาทองที่ต้องใจ
มืดในก็จนใจ เที่ยวเลียบไต่ตอมดวง
ด้วยกลีบหุ้มพุ่มพวง ไม่โรยร่วงรสสุคนธ์
ช่วยโปรยปรายสายฝน ให้อุบลแบ่งบาน
มณฑาผกากาญจน์ มาซาบซ่านทรวงเย็น
น้ำค้างพร่างสาดกระเซ็น ยะเยือกเย็นพะยอมไพร
หนาวทรวงนะดวงใจ เศร้าฤทัยระทวยทรง
หอมดอกไม้ที่ในดง ไม่เหมือนทรงสุคนธา
เห็นอื่นอื่นไม่ชื่นตา เหมือนได้เห็นหน้าพระน้อง เอยฯ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ประเภทของหน้า: กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาภาษาไทย