ร.๒ : ปฐมบรมศิลปินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ย่อมเป็นที่ทราบกันอยู่ว่าพระมหากษัตริย์แห่งบรมราชจักรีวงศ์ที่ทรงมีพระปรีชาสามารถพิเศษนอกเหนือจากการทหารและการปกครอง คือทรงเป็นศิลปินและกวีด้วยนั้นมีหลายพระองค์ แต่ถ้าจะกล่าวถึงพระองค์ที่ถือกันว่าทรงเป็นปฐมบรมศิลปินก็ย่อมเข้าใจได้ในทันทีเช่นกันว่า คือพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร.๒ ผู้ทรงมีผลงานด้านศิลปะมากมายหลายแขนงตกทอดเป็นมรดกของชาติมาจนทุกวันนี้ จึงได้มีการกำหนดให้ใช้วันพระราชสมภพของพระองค์ (๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๓๑๐) เป็นวันศิลปินแห่งชาติ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้น ที่จริงจะกล่าวว่าทรงเป็นกษัตริย์นักรบก็น่าจะได้เพราะได้โดยเสด็จพระบรมชนกนาถในการศึกสงครามมาตั้งแต่ทรงมีพระชนมายุเพียง ๘ พรรษาเท่านั้นในสมัยกรุงธนบุรี แม้เมื่อพระบรมชนกนาถเสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์ก็ยังต้องเสด็จราชการสงครามอีกถึง ๔ ครั้ง ครั้งสำคัญที่สุดคือ ศึกลาดหญ้าและท่าดินแดง แต่เมื่อมาถึงรัชสมัยของพระองค์เองที่เสด็จขึ้นครองราชย์สืบต่อจากสมเด็จพระบรมชนกนาถ กลับเป็นช่วงเวลาที่แทบจะว่างเว้นจากศึกสงครามเลยทีเดียว พม่ามีหนังสือแจ้งขอเป็นไมตรีมาก็ทรงยอมรับไมตรี จึงเป็นการปิดฉากสงครามที่ยืดเยื้อยาวนานระหว่างประเทศทั้งสอง เนื่องจากทรงมีนโยบายที่จะรักษาไมตรีกับนานาประเทศ เป็นช่วงที่บ้านเมืองสงบเรียบร้อยและอุดมสมบูรณ์ ทำให้ทรงมีเวลาทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติเป็นการใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดสำคัญๆ และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ทรงบำเพ็ญพระราชานุกิจที่ทำให้พระสงฆ์ต้องตื่นตัวค้นคว้าศึกษาข้อธรรมในพระพุทธศาสนาให้ถ่องแท้อยู่เสมอ ที่สำคัญได้ทรงฟื้นฟูประเพณีบำเพ็ญกุศลวันวิสาขบูขา และทรงสามารถแสดงออกซึ่งพระปรีชาสามารถด้านศิลปะได้เต็มที่ด้วย
ในด้านศิลปะการดนตรี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงมีความชำนาญและโปรดซอสามสายเป็นอย่างยิ่ง ทรงมีซอคู่พระหัตถ์อยู่คันหนึ่งพระราชทานนามว่า “ซอสายฟ้าฟาด” มีเรื่องเล่ากันว่า คืนวันหนึ่งทรงสีซอจนดึกแล้วเสด็จเข้าที่พระบรรทม ทรงสุบินนิมิตรว่าได้เสด็จในรมณียสถานแห่งหนึ่งที่ดวงจันทร์สาดแสงนวลทั่วบริเวณ ทั้งมีเสียงดนตรีไพเราะเพราะพริ้ง เมื่อทรงตื่นบรรทมได้โปรดเกล้าฯให้เจ้าพนักงานดนตรีเข้ามาต่อเพลงไว้ เพลงนี้คือเพลงบุหลันลอยเลื่อนหรือบุหลันเลื่อนลอยฟ้าที่ได้นำไปขับร้องในบทละครเรื่องอิเหนาตอนหนึ่งด้วย
เมื่อพูดถึงละคร พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงสนพระราชหฤทัยในการละครมากได้ทรงฝึกหัดและจัดตั้งคณะละครเล่นดีจนมีชื่อเสียง อีกทั้งได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครอิเหนาและรามเกียรติ์ขึ้นใหม่เพื่อใช้เล่นละครโดยเฉพาะการร้องจึงสอดคล้องกับการรำ โดยได้โปรดเกล้าฯให้เจ้านายซ้อมกระบวนรำ แล้วรำถวายทอดพระเนตรเพื่อทรงแก้ไข แล้วจึงถือเป็นแบบแผน ละครในบทพระราชนิพนธ์ ร.๒ จึงงดงามพร้อมมูลในแง่ศิลป์ และให้ความรู้ในด้านการศึกษา ขนบธรรมเนียมประเพณีด้วย นอกจากนั้นยังได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครนอกอีก ๕ เรื่อง ที่ทรงใช้สำนวนชาวบ้าน เนื้อเรื่องสนุก สอดแทรกคติธรรม ได้แก่ ไชยเชษฐ์กับสังข์ทอง เป็นเรื่องส่อเสียดในราชสำนัก แต่เรื่องสังข์ทองจะแฝงคติไม่ให้ตัดสินคนจากรูปร่างภายนอก, เรื่องไกรทองเป็นเรื่องหึงหวงในครอบครัว เรื่องมณีพิไชยเป็นเรื่องของแม่ผัวกับลูกสะใภ้ และคาวี เป็นเรื่องตัวอย่างของพี่น้องที่รักกันจริง
นอกจากละคร พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ยังทรงพระราชนิพนธ์บทพากย์โขนที่พรรณาด้วยสำนวนโวหารกินใจจับใจไว้หลายตอน ได้ทรงพระราชนิพนธ์กาพย์ในลักษณะเห่เรือ แต่เนื้อเรื่องบรรยายอาหารคาวหวาน และผลไม้ที่ให้ความรู้ด้านวัฒนธรรมการกินของไทยได้เป็นอย่างดีว่ามีความประณีตในการประดิดประดอยอย่างไร แล้วก็ยังได้ทรงพระราชนิพนธ์เสภาไว้อีกหลายตอน ซึ่งบทเสภาพระราชนิพนธ์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดกลอนเสภาได้แก่บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนทั้งยังทรงริเริ่มให้มีปี่พาทย์มาประกอบการขับเสภาเพื่อให้มีความไพเราะขึ้น ในขณะที่ผู้ขับเสภาก็จะมีช่วงเวลาได้หยุดพักบ้าง
นอกจากจะทรงเป็นศิลปินและกวีด้วยพระองค์เองแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยยังทรงอุปถัมภ์การดนตรีทั้งการสร้างเครื่องและการเล่น ตลอดจนกวีในรัชสมัยของพระองค์เป็นอย่างดียุคนี้จึงถือเป็นยุคทองแห่งนาฎศิลป์ ศิลปกรรม และวรรณกรรมอย่างแท้จริง
เรื่องเกี่ยวเนื่อง
- การที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ทรงทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติเป็นการใหญ่นั้น นอกจากจะทำเพื่อฟื้นฟูจิตใจของประชาชน และด้วยใจรักแล้วยังทรงมีเป้าหมายสำคัญคือ เพื่อให้ชาวต่างชาติเห็นว่าประเทศไทยตั้งตัวได้แล้ว บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองเหมือนเมื่อก่อนเสียกรุงฯ
- กล่าวกันว่าทรงเป็นผู้ปั้นหุ่นพระพักตร์พระพุทธธรรมิศรราชโลกธาตุดิลก พระประธานในพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม
- เชื่อกันว่าทรงร่วมกับช่างฝีมือชั้นเยี่ยมสมัยนั้นแกะสลักบานประตูกลาง ด้านหน้าของพระวิหารที่ประดิษฐานพระศรีศากยมุนี วัดสุทัศน์เทพวราราม เป็นรูปป่าเขาลำเนาไพรและสิงสาราสัตว์นานาชนิดอย่างมีชีวิตชีวางดงามน่าพิศวง
- ทรงแกะสลักไม้รักเป็นหน้าหุ่นไว้คู่หนึ่ง เรียกว่า พระยารักใหญ่ พระยารักน้อย
- ทรงออกแบบตกแต่งลวดลายไม้สักที่ทำพื้นพระที่นั่งสนามจันทร์อันเป็นไม้หน้ากว้างถึง1 ½เมตร อันเป็นของหายากยิ่ง
- ทรงสร้างสวนขวาในบริเวณพระบรมมหาราชวัง แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ประชาชนเข้าชมเมื่อมีงานนักขัตฤกษ์ เมื่อมีผู้แทนต่างประเทศเดินทางมาถึงก็จะโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานพาเข้าชม เพื่อเป็นเกียรติยศของแผ่นดิน ความงดงามของสวนเป็นที่เลื่องลือในหมู่ชาวต่างประเทศ
- ในแต่ละวันจะทรงมีพระราชปุจฉาข้อธรรมให้พระสงฆ์ตอบ ทำให้พระสงฆ์ต้องมีความตื่นตัวค้นคว้าตรวจสอบบาลีมาถวายวิสัชนาโดยตลอด
- มีการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาภาษาบาลีและแก้ไขการสอบเปรียญตรี เปรียญโท เปรียญเอก เป็นประโยค ๑ ถึงประโยค ๙
- มีการแปลบทสวดมนต์จากภาษาบาลีเป็นภาษาไทย เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ และโปรดเกล้าฯให้ฝ่ายในสวดมนต์เป็นภาษาไทยทำนองต่าง ๆ ถวายด้วย
- ทรงมีความชำนาญในซอสามสายมาก และซอสามสายนั้นนอกจากจะเป็นซอที่หัดยากกว่าซอชนิดอื่นแล้ว กะลามะพร้าวที่จะใช้ทำกะโหลกซอก็หายากมากด้วยเช่นกัน เพราะเป็นพันธุ์เฉพาะที่มีแห่งเดียวในประเทศไทยคือที่จังหวัดสมุทรสงครามเท่านั้น แม้ที่สมุทรสงครามเองก็หายาก ในสมัยของพระองค์ บ้านใดมีมะพร้าวซอที่ลักษณะดีแล้วนำไปถวายจะได้รับพระราชทาน “ตราภูมิคุ้มห้าม” คือได้รับการยกเว้นภาษีต่าง ๆ
เรียบเรียงจาก
- วรรณคดีไทยสมัยรัตนโกสินทร์ ผศ.พรพรรณ ธารานุมาศ
- หนังสืองานพระราชทานเพลิงศพ พลโทนายแพทย์ มล.จินดา สนิทวงศ์
- เดลินิวส์ : ๑๒ ม.ค.๓๙
ข้อมูลจาก บทความพิเศษประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท เรื่อง "ร.๒ : ปฐมบรมศิลปินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์" ผลิตโดย งานบริการการผลิต ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ ฝ่ายออกอากาศวิทยุกรุงเทพ