4 กันยา : รำลึกถึงพระปิ่นเกล้า
ในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ปกครองโดยพระมหากษัตริย์อันมีระยะเวลายาวนาน ได้มีเหตุการณ์ที่เกิดได้ยากแต่ก็เกิดขึ้น และควรแก่การจดจำถึงสองครั้งในสองแผ่นดิน นั่นคือ
1) การที่พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระอนุชาธิราชให้ดำรงตำแหน่งเสมอด้วยพระเจ้าแผ่นดินอีกพระองค์หนึ่ง สมัยกรุงศรีอยุธยา
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระเอกาทศรถ ผู้ทรงร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ในการกอบกู้เอกราชและรักษาบ้านเมือง
2) การที่พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระอนุชาธิราชให้ดำรงตำแหน่งเสมอด้วยพระเจ้าแผ่นดินอีกพระองค์หนึ่ง ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
เมื่อพระบรมวงศานุวงศ์กราบทูลเชิญสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จครองราชสมบัติ พระองค์ทรงตอบว่า ถ้าจะถวายราชสมบัติแด่พระองค์ ขอให้ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย ดังนั้น พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยจึงพร้อมใจกันอัญเชิญสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2394
สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวผู้มีพระปรีชาสามารถในเชิงกวีด้วย ได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลงยาวมีตอนหนึ่งที่พรรณนาฐานะของพระองค์ไว้ว่า
เราที่สองรองภูมินทร์นามปิ่นเกล้า คิดบทเกลาไว้เป็นกลอนสุนทรสนอง
เป็นคติควรดำริขอเชิญตรอง ตามทำนองโบราณราชประเพณี
แม้ผู้ใดใครเป็นข้าราชกิจ อย่าห่อนคิดถือโกรธเท่าเกษี
ถึงจะต้องราชทัณฑ์สักพันที ก็ควรที่รับผิดอย่าคิดโกง
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ทรงได้รับการศึกษาเยี่ยงเจ้านายชั้นสูงทั่วไป และทรงสนพระทัยในการศึกษาวิชาภาษาอังกฤษมาก มิชชันนารีที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในสมัยนั้นเป็นผู้ถวายการสอน และเนื่องจากทรงมีความรู้ภาษาอังกฤษอย่างดี จึงทรงเป็นกำลังสำคัญในการติดต่อทำสนธิสัญญากับนานาประเทศหลายครั้ง เช่น เมื่อครั้งเซอร์ เจมส์ บรุ๊ค เข้ามาขอแก้ไขสนธิสัญญาการค้า เมื่อ พ.ศ. 2393
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีกระแสพระราชดำริตอนหนึ่งว่า
“การครั้งนี้เป็นการฝรั่ง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์
ทราบอย่างธรรมเนียมฝรั่งมาก ควรจะเอาเป็นที่ปฤกษาใหญ่ได้”
เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์เป็นพระนามเดิมของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ซึ่งนอกจากจะทรงใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองอย่างที่กล่าวมา ยังทรงใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาวิชาการตะวันตกด้านอื่นอีกหลายแขนง ประกอบกับทรงมีความคิดก้าวหน้า เห็นการณ์ไกลรอบรู้เหตุการณ์บ้านเมืองทั้งในพระนครและต่างประเทศ ทรงศึกษาและชำนาญในสรรพาวุธสำหรับการรณรงค์สงครามเนื่องจากสนพระทัยเป็นพิเศษในด้านการทหาร
ดังนั้นในยุคที่ทรงกำกับดูแลเรื่องการทหารจึงเป็นยุคที่การทหารมีความเข้มแข็ง มีการสร้างป้อมป้องกันข้าศึกทางทะเล มีการต่อเรือรบกลไฟ การฝึกหัดทหารยิงปืนใหญ่และอื่น ๆ จนเป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ทรงเป็นเจ้านายที่มีกำลังพลมากและได้รับการฝึกฝนอย่างดีที่สุด พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ ทรงตระหนักดีถึงพระปรีชาสามารถดังกล่าว จึงได้โปรดเกล้าให้จัดการด้านต่างประเทศ การป้องกันประเทศ และการทหารตลอดมา เมื่อเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ได้รับพระมหากรุณาจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นครองราชย์สมบัติร่วมกัน
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงเป็นกำลังสำคัญในการป้องกันประเทศ ทรงริเริ่มปรับปรุงด้านการทหารนำเข้าสู่ระบบที่ทันสมัยตามแบบชาติมหาอำนาจตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจการทหารเรือ ได้ตั้งพระทัยทำนุบำรุงอย่างจริงจัง นับเป็นผู้บังคับบัญชาพระองค์แรกของทหารเรือ และถือได้ว่าทรงเป็นผู้หนึ่งที่นำพาประเทศให้เจริญรุดหน้ามีศักดิ์ศรีเสมอนานาอารยประเทศ
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตด้วยโรคลมวิงเวียนที่ประชวรต่อเนื่องมานาน เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2408 พระชนมายุ 58 พรรษา ทรงอยู่ในตำแหน่งพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่สอง 15 ปี
4 กันยายนนี้ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ สมควรที่เราคนไทยจักพึงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณโดยทั่วกัน
เรียบเรียงจาก - บทความของ น.ส.บุญหลง ศรีกนก หนังสือสดุดี บุคคลสำคัญ เล่ม 2 : 2526
- บทความของนาวาเอกหญิงรัชนี ชีวเกตุ หนังสือนาวิกศาสตร์ : 2534
----------------------------------------------------------------------
บทย่อ
- พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระอนุชาร่วมพระราชชนกและพระราชชนนี เดียวกันกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
- ทรงมีพระราชสมภพ ณ 4 กันยายน พ.ศ. 2351
- พระนามเดิม เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์
- ทรงเป็นผู้รอบรู้ เฉลียวฉลาด และเห็นการณ์ไกล ทรงศึกษาวิชาภาษาอังกฤษจนใช้ราชการได้ดี ได้ใช้ช่วยราชการในส่วนที่เกี่ยวกับการต่างประเทศในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งยังใช้เพื่อการแสวงหา วิทยาการตะวันตกอีกหลายแขนง ทรงมีพระปรีชา สามารถพิเศษใน กิจการทหารเรือและการทหาร ปืนใหญ่
- ได้รับพระราชทานบวรราชาภิเษกเป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ 25 พ.ค. 2394 เป็นสมัยแรกแห่งบรมราชจักรีวงศ์ที่มีพระมหากษัตริย์สองพระองค์ในเวลาเดียวกัน เช่นเดียวกับครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงสถาปนาสมเด็จพระเอกาทศรถให้มีพระราชอำนาจเสมอด้วยพระองค์
- ทรงเป็นผู้นำศิลปวิทยาการสมัยใหม่มาปรับปรุงกิจการบ้านเมืองและการทหารให้เจริญรุดหน้ามีศักดิ์ศรีทัดเทียมนานาอารยประเทศ
- เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2548 พ.ศ. 2408 พระชนมายุ 58 พรรษา ทรงอยู่ในตำแหน่งพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่สอง 15 ปี
ข้อมูลจาก บทความพิเศษ ประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท เรื่อง "4 กันยา : รำลึกถึงพระปิ่นเกล้า" ผลิตโดย ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ งานบริการการผลิต ฝ่ายออกอากาศวิทยุ กรุงเทพ