เจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์
วันที่ ๔ กรกฎาคม เป็นวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ผู้ทรงมุ่งมั่นที่จะนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ทรงมีผลงานมากมายจนประชาชนพากันขนานพระนามพระองค์ว่า “เจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์”
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีทรงสนพระทัยเรื่องของวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่แรก เมื่อเสด็จเข้าทรงศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จึงทรงเลือกศึกษาในคณะวิทยาศาสตร์ และอักษรศาสตร์ และทรงศึกษาอย่างจริงจัง แม้ว่าในระหว่างที่ทรงศึกษาอยู่บางครั้งจะต้องโดยเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อทรงเยี่ยมราษฎร ก็มิได้ทรงหยุดการศึกษา ในบางวิชาจะมีพระอาจารย์ไปถวายการสอน และบางวิชาก็จะทรงถอดจากเทปบันทึกการสอนด้วยพระองค์เอง ส่วนการปฏิบัติการในห้องทดลอง ก็จะเสด็จไปทรงทดลองด้วยพระองค์เองเช่นเดียวกัน โดยระหว่างนั้นทรงสนพระทัยเรื่องการถนอมอาหารเป็นพิเศษ ได้ทรงนำวิธีการถนอมอาหารที่ถูกต้องไปเผยแพร่แก่ราษฎรที่หุบกะพงและทรงรณรงค์ให้ถนอมอาหารกันอย่างถูกต้อง ทรงจัดนักวิทยาศาสตร์ไปคอยให้คำแนะนำแก่ราษฎรให้เกิดผลิตผลใหม่ๆ ขึ้น ทั้งยังมีการทดลองกลั่นหัวน้ำหอมจากดอกไม้ไทยๆ ด้วย เช่นกุหลาบ และมะลิ เป็นต้น
การนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ได้ทรงก่อตั้ง “ทุนจุฬาภรณ์” ขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจัย การดำเนินการทางการแพทย์และสาธารณสุข เนื่องจากขณะเสด็จเยี่ยมราษฎรได้ทรงพบเห็นความเดือดร้อนที่เกิดจากการขาดแคลนทั้งบุคลากรและเครื่องอุปกรณ์การแพทย์ ต่อมาได้พัฒนา “ทุนจุฬาภรณ์” ขึ้นเป็น “มูลนิธิจุฬาภรณ์” อันมีขอบข่ายการปฏิบัติงานที่กว้างกว่า ประกอบด้วย
- ให้ทุนเพื่อการส่งเสริม ศึกษา วิจัย ในสาขาแพทยศาสตร์,เทคนิคการแพทย์,ทันตแพทย์,วิทยาศาสตร์,เคมีและการพยาบาล
- สนับสนุนเครื่องมือเครื่องใช้ในการแพทย์, เทคนิคการแพทย์, ทันตแพทย์, วิทยาศาสตร์, เคมี และการพยาบาลให้แก่สถาบันที่เกี่ยวข้อง
- จัดซื้อและมอบอวัยวะเทียมให้แก่ผู้พิการที่ยากไร้
- ร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่น หรือดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์
- ทรงก่อตั้ง “สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์” ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมแห่งความร่วมมือร่วมใจของนักวิทยาศาสตร์ มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจกรรมประกอบด้วย
- ส่งเสริมการนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและเพื่อการพัฒนาประเทศ
- เป็นศูนย์กลางในการศึกษาและพัฒนาบุคลากรระดับสูงในสาขาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีเพื่อผลิตผลงานอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
- เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ
- เป็นแหล่งระดมสติปัญญาของนักวิชาการระดับสูง และระดมทรัพยากรต่างๆมาใช้ในการวิจัยและพัฒนาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศ เช่นปัญหาทางด้านสาธารณสุข ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาด้านการเกษตรเป็นต้น
ทรงมีพระราชประสงค์เกี่ยวกับหลักการในการทำงานของสถาบันวิจัยจุฬากรณ์ว่า
“งานวิจัยของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ มิใช่งานวิจัยบนหอคอยงาช้าง หากทว่าเป็นงานวิจัยเพื่อความอยู่ดีกินดี และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของพสกนิกรชาวไทย”
และเนื่องจากประเทศไทยเรามีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว มีการนำสารเคมีมาใช้ทั้งในภาคเกษตรและอุตสาหกรรมอย่างแพร่หลาย ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ยิ่งนับวันสิ่งแวดล้อมต่างๆ ยิ่งเสื่อมลงไม่ว่าจะคุณภาพน้ำหรืออากาศ ในอาหารก็มีสารเคมีปนเปื้อนมากขึ้น วิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไป พฤติกรรมการบริโภคก็เปลี่ยนด้วย และผู้คนมีความเครียดมากขึ้น ต่างๆ เหล่านี้เป็นปัจจัยทำให้คนไทยเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ฯ ทรงเห็นว่าแทนที่จะรอให้โรคมะเร็งมาคุกคามแล้วจึงรักษา ก็ควรทำอะไรสักอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้โรคมะเร็งมากล้ำกลายจะได้ไม่ต้องเสียใจในภายหลัง จึงได้จัดตั้ง “ศูนย์ศึกษา : วิจัยและบำบัดโรคมะเร็ง” ขึ้นภายใต้การดำเนินงานของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ซึ่งดำเนินการตามวัตถุประสงค์หลักดังนี้
- ทำวิจัยทั้งระดับพื้นฐานและคลีนิกเกี่ยวกับโรคมะเร็ง โดยเฉพาะที่พบบ่อยในประเทศไทย
- สนับสนุนการพัฒนาบุคลากรที่ทำงานเกี่ยวกับมะเร็ง
- สนับสนุนการศึกษาวิจัย เกี่ยวกับการดูแลรักษาผู้ป่วยรูปแบบต่างๆ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- แสวงหาความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและวิจัยทั้งใน และต่างประเทศ ในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งในแง่มุมต่างๆ ร่วมกัน
จากผลงานด้านต่างๆ ที่ทรงปฏิบัติเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนดังที่กล่าวมาแล้ว พระปรีชาสามารถในพระองค์จึงมิได้เป็นที่ประจักษ์เฉพาะในประเทศไทย หากแต่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทำให้ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลต่างๆ และทรงได้รับการทูลเชิญให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริการในสถาบันชั้นนำของโลก ดังนี้
- ยูเนสโกได้ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองไอน์สไตน์ (EINSTEIN GOLD MEDAL)
- ราชสมาคมเคมีของอังกฤษ ( ROYAL SOCIETY OF CHEMISTRY,RSC) ถวาย HONORARY FELLOW, CHARTERED CHEMIST และ MEMBER OF RSC
- มหาวิทยาลัยยูท่าห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทูลเกล้าฯ ถวาย PRESIDENTIAL AWARD
- สมาคมวิชาการระดับนานาชาติ ENVIRONMENTAL MUTAGEN SOCIETY ALEXANDER HOLLAENDER FUND FOR INTERNATIONAL PROGRAM
ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล EMS- HOLLAENDERINTERNATIONAL FELLOW AWARD 2002 นับเป็นเจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับรางวัลนี้
- มหาวิทยาลัยเอฮิเมะ ประเทศญี่ปุ่น ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ นับเป็นเจ้าฟ้าพระองค์แรกที่ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตฯ จากมหาวิทยาลัยแห่งนี้
- ทรงเป็น ๑ ในกรรมการบริหารองค์การนานาชาติทางวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนา
- ทรงเป็นองค์ประธานกิตติมศักดิ์กองทุน HERITAGE TRUSTซึ่งเป็นกองทุนทางด้านสิ่งแวดล้อม
- ทรงเป็น ๑ ใน ๒๕ ผู้เชี่ยวชาญของสถาบัน IDNDRซึ่งเป็นโครงการเพื่อช่วยลดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ตามคำทูลเชิญขององค์การสหประชาชาติ
- ทรงเป็นที่ปรึกษาพิเศษของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนป)
ชาวไทยนั้นโชคดี นอกจากจะมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขกันถ้วนหน้าแล้ว แม้พระราชธิดาในพระองค์ก็สามารถช่วยแบ่งเบาพระราชภาระในการพัฒนาประเทศชาติและประชาชนได้เป็นอย่างมาก ดังที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีทรงปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้ เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคมอันเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพเวียนมาถึง จึงสมควรที่เราชาวไทยทุกคนจะได้ร่วมใจกันถวายพระพรขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ที่มา : ส่วนข้อมูล สำนักข่าวไทย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน
: เจ้าฟ้านักทรงงาน นิตยสารผู้หญิง ก.ค. ๒๕๔๐, นิตยสารศรีสยามรายปักษ์ ก.ค. ๔๒
ข้อมูลจาก บทความพิเศษประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท เรื่อง "เจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์" ผลิตโดย งานบริการการผลิต ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ ฝ่ายออกอากาศวิทยุกรุงเทพ