จากที่ สถานีวิทยุ อสมท.ได้นำเสนอพระราชกรณียกิจนานัปการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงปฏิบัติเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ๔๙ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสที่ทรงครองราชย์ฯ ครบ ๖๐ ปีนั้น คงจะทำให้ทุกคนได้ตระหนักในพระเมตตา และความเสียสละ ตลอดจนพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกันเป็นอย่างมาก และจะยิ่งมากขึ้น ถ้าท่านได้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชอัจฉริยภาพ และพระปรีชาสามารถในอีกบางเรื่องบางตอน ที่สถานีวิทยุ อสมท จะนำเสนอต่อไปนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการพัฒนา (ตอนที่ ๔)
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรานั้น นอกจากจะทรงได้ชื่อว่าเป็น “พระมหากษัตริย์นักพัฒนา”แล้ว ยังได้ชื่อว่า ทรงเป็น “นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” ด้วย เนื่องจากทรงเข้าพระทัยในระบบธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างลึกซึ้ง และได้ทรงนำมาใช้ในการดำเนินงานของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ อย่างได้ผลดี เช่น
ให้ราษฎรรู้จักใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์ เพื่อประหยัดเงินค่าใช้จ่ายในการลงทุนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
นำหลักการสร้างความสมดุลให้กับสภาพแวดล้อมแบบธรรมชาติมาใช้ เช่น ปรับปรุงบำรุงดินด้วยวิธีปลูกไม้ใช้สอยรวมกับพืชไร่ เพื่อให้พืชไร่ได้อาศัยร่มเงาของไม้ใช้สอยและได้รับความชุ่มชื้นจากดินมากกว่าที่จะอยู่กลางแจ้ง หรือปลูกพืชที่ให้ประโยชน์ในการบำรุงดิน ทำให้ดินมีคุณภาพดี รวมถึงนำวัชพืช และมูลสัตว์ มาทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก แทนการใช้ปุ๋ยเคมี เป็นต้น
การปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก ดังพระราชดำริตอนหนึ่งที่ว่า “...การปลูกพันธุ์ไม้เหล่านี้ ควรจะกระจายพันธุ์ลดตามสันเขาลงมา นอกจากนี้ควรเป็นพันธุ์ไม้ที่มีเมล็ด เพราะพันธุ์เหล่านี้จะได้ตกลงพื้นที่สูงมาสู่ที่ต่ำและสามารถงอกขึ้นได้ตามธรรมชาติ นอกจากนี้จะยังเป็นอาหารของสัตว์ป่าได้ อีกทางหนึ่งการปลูกป่าโดยวิธีการกระจายพันธุ์ไม้จากแนวสันเขาลงมาด้านล่างนี้จะทำให้เกิดสภาพป่าที่หนาทึบและสมบูรณ์ในอนาคต...”
สร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น(Check dam) ซึ่งมีหลายแบบ จะทำหน้าที่กักน้ำอยู่หน้าฝาย และทำเป็นเหมืองเล็กๆ กระจายน้ำออกไปสองข้างลำห้วย ทำให้ความชื้นกระจายออกไปทั่วพื้นที่ ต้นไม้ก็จะเจริญเติบโตได้ดี นอกจากจะเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าแล้ว ยังจะเป็นแนวป้องกันไฟป่าได้ด้วย
ปลูกหญ้าแฝกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ “หญ้าแฝก” เป็นหญ้าที่คนไทยในชนบทรู้จักกันมาช้านาน เพราะเป็นหญ้าที่ขึ้นได้ในทุกสภาพดินจึงมีอยู่ทั่วไป ในสมัยก่อนนอกจากใช้มุงหลังคาแล้ว ก็แทบไม่ได้ใช้ประโยชน์อื่น ดูจะเป็นวัชพืชที่ต้องกำจัดด้วยซ้ำไป แต่ด้วยพระราชอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงสามารถนำลักษณะพิเศษของหญ้าแฝกมาใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างได้ผล นั่นก็คือ หญ้าแฝกมีความทนทาน อายุยืน แตกกอง่าย และรากที่ยาวมากของมันนั้น (๗๕ เซนติเมตร-๓ เมตร) จะสานตัวกันเองอย่างเหนียวแน่นหยั่งลึกอยู่ใต้ผิวดินโดยธรรมชาติ ดังนั้นแน่นอนว่าเมื่อนำหญ้าแฝกมาปลูกในแนวระดับที่เหมาะสม ขวางการลาดเทของพื้นที่แล้ว หญ้าแฝกจะแตกกอออกได้รวดเร็ว ทั้งยังยึดติดกับพื้นดินได้อย่างเหนียวแน่น ส่วนบนจะเป็นกำแพงธรรมชาติที่ช่วยชะลอความแรงของน้ำ ช่วยกรองสารพิษ หรือสารเคมีต่างๆ ไว้ชั้นหนึ่ง ก่อนที่จะไหลลงสู่แหล่งน้ำ ส่วนรากที่สานตัวกันหยั่งลึกอยู่ใต้พื้นดินก็จะดูดซับน้ำรักษาความชื้นภายในดินไว้ นอกจากนั้นยังสามารถนำหญ้าแฝกมาทำปุ๋ยได้อีกด้วย
หลักการพัฒนาที่อิงกับธรรมชาติเสมอของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริดังกล่าว เป็นที่สนใจและยอมรับจากนานาประเทศ
- มีประมุขและผู้นำจากหลายประเทศมาเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการอื่นๆ หลายโครงการ
- มีการประสานขอความร่วมมือช่วยเหลือกันกับประเทศเพื่อนบ้านก่อตั้งโครงการพัฒนาฯเช่นโครงการศูนย์พัฒนาและบริการด้านการเกษตรห้วยซอน-ห้วยซั้ว ในพื้นที่ของหมู่บ้านนายาง เมืองนาทรายทอง เขตน้ำเกลี้ยง แขวงเวียงจันทน์ และโครงการศูนย์พัฒนาเกษตร- ป่าไม้ควันตัน ในพื้นที่ลุ่มน้ำควันตัน ในคอมมูนเคียนลา อำเภอลุคหงะ จังหวัดปัคซาง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียตนามเป็นต้น
- ไทยเราได้รับมอบหมายให้จัดสัมมนาหญ้าแฝกนานาชาติมาแล้วถึง ๒ ครั้ง ในปี ๒๕๓๙ และปี ๒๕๔๓
- ได้รับเกียรติเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายหญ้าแฝกของประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก(
- องค์กร Landscape Development Interventions (LDI)ได้ขอความร่วมมือนักวิชาการหญ้าแฝกของไทยไปร่วมทำการศึกษาและให้คำปรึกษาแนะนำวิธีการทางวิศวกรรมผนวกกับการใช้หญ้าแฝกแก้ปัญหาการชะล้างพังทลายที่เกิดขึ้นกับทางรถไฟสาย FCE ของประเทศมาร์ดากัสการ์
- จัดฝึกอบรมการขยายพันธุ์ การปลูก และการดูแลให้กับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ทั่วโลกที่ขอความร่วมมือทั้งยังสนับสนุนกล้าแฝกให้กับประเทศที่ร้องขออีกด้วย
จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน และได้ขยายผลออกไปในนานาประเทศอย่างที่กล่าวมาแล้ว โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) จึงได้ทูลเกล้าฯถวายเหรียญทอง Gold Medal of Distinctionประกาศเกียรติคุณด้านสิ่งแวดล้อมแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๕ เพื่อเฉลิมพระเกียรติที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจดีเด่นเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๓๑ มหาวิทยาลัยมหิดลก็ได้ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาวิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเทคโนโลยีการบริหารสิ่งแวดล้อมแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และพระปรีชาสามารถที่ทรงบริหารจัดการกับสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างกระทบกระเทือนน้อยที่สุด แต่เกิดประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด
พระราชอัจฉริยภาพด้านการสื่อสาร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัยในการสื่อสารเป็นอย่างมาก ได้ทรงศึกษาค้นคว้าวิทยาการสมัยใหม่ด้านการสื่อสารทุกแขนงอยู่เสมอ และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น
- ทรงมีพระราชดำริให้มีการทดลอง ค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับงานทางวิทยุสื่อสารและสายอากาศ โดยทรงกำหนดวัตถุประสงค์การใช้งานตลอดจนคุณสมบัติทางเทคนิคด้วยพระองค์เอง แนวพระราชดำรินี้เป็นจุดเริ่มต้นให้มีการพัฒนาสายอากาศและการติดต่อสื่อสารทางวิทยุในประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งนอกจากจะเกิดประโยชน์ในการติดต่อประสานงานและติดตามผลงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริซึ่งมีอยู่ในทุกภูมิภาคให้ได้ผลสำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดีแล้ว ยังเกิดประโยชน์ในงานบรรเทาสาธารณภัย เกิดประโยชน์ในการช่วยชีวิตราษฎรที่ป่วยหนักให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีด้วย เช่น ครั้งหนึ่ง เกิดวาตภัยที่ตำบลสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ราษฎรเดือดร้อนมาก ก็ได้มีกลุ่มนักวิทยุสมัครเล่นกลุ่มหนึ่งออกอากาศประสานงานกับศูนย์สายลมกรมไปรษณีย์โทรเลขในอันที่จะร่วมกันเดินทางไปช่วยเหลือ มีการวางแผนจะติดตั้งเครือข่ายเฉพาะกิจขึ้นในพื้นที่ที่เกิดวาตภัย และใช้เครื่องวิทยุคมนาคมถ่ายทอดรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ให้นักวิทยุสมัครเล่นอื่นๆ และทางราชการได้รับทราบข่าวสารโดยเร็ว จะได้ช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที การติดต่อดำเนินไปประมาณ ๑๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงสดับตรับฟังข่าวทุกข์สุขของประชาชนผ่านทางเครื่องมือสื่อสารระบบต่างๆ เป็นประจำทุกวัน ก็ได้ทรงติดต่อเข้ามาที่ศูนย์สายลม และได้พระราชทานคำแนะนำวิธีการติดตั้งข่ายสื่อสาร ตลอดจนการเตรียมอุปกรณ์สำรองต่างๆ อย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเดินทางถึงพื้นที่แล้วอุปกรณ์ใช้งานไม่ได้ ซึ่งนักวิทยุสมัครเล่นกลุ่มนั้นก็ได้ดำเนินงานตามพระกระแสรับสั่ง ประสบผลสำเร็จในการแจ้งข่าวสารและระดมความช่วยเหลือได้รวดเร็วสมความตั้งใจ
ระหว่างการเสด็จฯ เยี่ยมราษฎร หากทรงพบว่าผู้ใดกำลังเจ็บ ป่วย จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะแพทย์ผู้ตามเสด็จฯ ดูแลตรวจรักษาทันที บางรายที่ป่วยหนักจำเป็นต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยเร็วไม่ว่าจะระดับท้องถิ่น หรือกรุงเทพมหานคร หากทรงมีเวลาพอจะรับสั่งผ่านทางวิทยุถึงหน่วยที่เกี่ยวข้อง เช่นตำรวจตระเวณชายแดน ขอพาหนะมานำผู้ป่วยส่งไปยังที่หมายปลายทางด้วยพระองค์เอง หากโอกาสไม่อำนวยก็จะมีพระราชกระแสรับสั่งโดยตรงหรือทางวิทยุให้กรมราชองครักษ์ดำเนินการ แต่จะทรงสดับตรับฟังความคืบหน้าในการปฏิบัติการอยู่ทุกระยะ จนกว่าจะแน่พระทัยว่าคนไข้ได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์ผู้เกี่ยวข้องแล้ว การที่ทรงปฏิบัติเช่นนี้ได้ช่วยชีวิตราษฎรไว้ได้จำนวนไม่น้อย
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัยในกิจการสื่อสารอุตุนิยมวิทยาด้วยเช่นกัน ได้ทรงศึกษามาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เนื่องจากทรงเห็นว่าการรู้จักสภาวะอากาศจะอำนวยประโยชน์ในการเพาะปลูก อีกทั้งยังจะช่วยในการป้องกันภัยธรรมชาติให้แก่ราษฎรที่หนีความแออัดและขยับขยายเข้าไปอยู่อาศัยในพื้นที่ที่ล่อแหลมต่ออันตรายจากสภาวะอากาศหรือภัยธรรมชาติซึ่งยิ่งนับวันยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้ด้วย การพยากรณ์ลักษณะอากาศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ทรงใช้ข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาทั้งในประเทศและต่างประเทศมาศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ด้วยพระองค์เอง แล้วจึงพระราชทานคำแนะนำแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาล่วงหน้า ซึ่งทรงพยากรณ์ฯ ได้แม่นยำอย่างยิ่ง คงยังจำกันได้ว่าเมื่อครั้งเกิดพายุ “Angela”ในปี ๒๕๓๘ ทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้รับข้อมูลชัดเจนว่าพายุลูกนี้จะเข้าประเทศไทยแน่นอน โดยจะเข้ามาทางจังหวัดมุกดาหารและอุบลราชธานี และแม้ศูนย์อุตุนิยมวิทยาของต่างประเทศเช่น จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ก็ระบุว่าจะผ่านมาประเทศไทยเช่นเดียวกัน แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยืนยันว่า พายุ “Angela”ไม่เข้าประเทศไทยแน่นอน ผลปรากฏว่าเป็นไปตามที่ทรงพยากรณ์ไว้จริงๆ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า เมื่อเกิดภัยธรรมชาติขึ้นในที่ใดก็ตามมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ของพระองค์จะไปให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยได้ก่อนหน่วยงานอื่นๆ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้พระราชอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้านการสื่อสารของพระองค์ในการพัฒนาความเป็นอยู่ของพสกนิกรในด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ยกมาข้างต้นอีกมาก ไม่ว่าจะในด้านการศึกษา หรือในกิจการแพทย์เป็นต้น แต่มีเรื่องที่นายทองต่อ กล้วยไม้ เขียนไว้ในหนังสือเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการสื่อสารตอนหนึ่งได้เล่าถึงการที่ทรงใช้สถานีวิทยุ อ.ส. พระราชวังดุสิตให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนทั่วประเทศอย่างน่าสนใจ ดังจะขอยกมาเผยแพร่ให้ทราบทั่วกันดังนี้
“เมื่อเริ่มตั้งสถานีใหม่ ๆ ทรงปรับเครื่องส่งวิทยุเอง ทรงจัดรายการและเปิดแผ่นเสียงเอง ทรงบันทึกเสียงรายการวงดนตรีที่มาบรรเลงที่สถานี โปรดเกล้าฯ ให้ผู้มีความรู้ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการหรือเอกชนมาบรรยายเพื่อเป็นวิทยาทาน เหมือนกับวิทยุศึกษาในปัจจุบัน เมื่อมีการเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนประชาชนทั่วทุกภาคของประเทศ สถานีวิทยุ อ.ส. พระราชวังดุสิตร่วมกับสถานีวิทยุ จ.ส. กรมการทหารสื่อสาร ได้ถ่ายทอดการเสด็จพระราชดำเนินทุกครั้ง ทำให้ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดได้ฟังพระสุรเสียงที่พระราชทานแก่ประชาชนในจังหวัดนั้นๆ ด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้ทรงสนทนากับคณะผู้จัดงาน ไอทีเฉลิมพระเกียรติตอนหนึ่ง ทรงเล่าว่าเรื่องที่สมัยก่อนไม่เคยมี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทำเป็นพระองค์แรกคือ การรับบริจาคเงินช่วยการกุศลผ่านทางวิทยุ ตอนนั้นมีวาตภัยที่แหลมตะลุมพุก ทรงเล่นดนตรีให้คนขอเพลง โดยบริจาคช่วยผู้ประสบภัยที่แหลมตะลุมพุก เป็นการใช้สื่อวิทยุในกิจการนี้เป็นครั้งแรก ที่จำได้มีคนโทรศัพท์บริจาคเงิน ขอเพลงและมีคนโทรศัพท์มาบริจาคเงินขอให้หยุดร้องด้วย คงล้อกัน แต่ว่าขำดี ก็รวบรวมเงินได้พอควร มีผู้บริจาคเป็นเสื้อผ้า เป็นของอะไรเยอะแยะ ต่อจากนั้นจึงได้ทำเป็นเรื่องเป็นราว ตั้งเป็นมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ เป็นต้นกำเนิดตรงนั้น”
นับเป็นบุญของคนไทยเหลือเกินที่มีพระมหากษัตริย์ทรงทุ่มเทกำลังพระวรกาย กำลังพระสติปัญญา ในการศึกษา ค้นคว้า หาวิถีทางบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพสกนิกรตลอดเวลา สมควรที่ทุกคนจะได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และประพฤติปฏิบัติตนตามพระบรมราโชวาทที่พระราชทานไว้ในหลายๆ โอกาส เป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณโดยถ้วนหน้ากัน
พระร้อยรัดดวงใจไทยทั้งผอง
มีเหตุการณ์ที่ชาวกรมทางหลวงเขาเล่าขานกันถึงน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาจนทุกวันนี้ ก็คือเรื่องที่ทรงหาวิธีการที่จะให้ราษฎรอยู่ดีกินดีอยู่เสมอ ทรงมอบหมายสิ่งใดไปให้ผู้ปฏิบัติแล้ว ก็จะทรงติดตามตรวจการทำงานอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งพระราชทานคำแนะนำจนกว่าการนั้นจะบรรลุเป้าหมายตามพระราชประสงค์ กับเรื่องที่ ทรงห่วงใยขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดารอยู่เสมอ โดยเรื่องที่เล่ากันเป็นเรื่องของนางจันทร์สม อินภิรมย์ พนักงานรับ-ส่ง วิทยุของเขตการทางพิษณุโลกเมื่อ ๓๐ – ๔๐ ปีก่อน ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า
“นางจันทร์สม อินภิรมย์ผู้นี้ เป็นพนักงานรับ-ส่งวิทยุชั้นผู้น้อยของเขตการทางพิษณุโลกแต่พนักงานวิทยุของกรมทางหลวงทั่วประเทศซึ่งมีกว่า ๑๐๐ หน่วยงานเรียกเธอว่า “พี่ใหญ่” เนื่องจากมีอาวุโสสูงกว่าเพื่อน ทั้งเป็นผู้มีความรับผิดชอบงานในหน้าที่สูงด้วย คือพร้อมจะทำงานตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เวลานอนก็จะนำวิทยุติดตัวไปด้วยเสมอ พล.ต.ประถมบุรณศิริ อดีตรองอธิบดีกรมทางหลวงเคยเล่าว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชมเชยการปฏิบัติงานของนางจันทร์สมมาก และรับสั่งถามว่า “พี่ใหญ่” คือใคร และรับสั่งให้ศูนย์สื่อสารสวนจิตรลดาส่งวิทยุชมเชย “พี่ใหญ่” ว่าปฏิบัติงานดี มีความสามารถ รับฟังข่าวและผ่านข่าวให้หน่วยงานอื่นที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลและอยู่ในเขตคุกคามของผู้ก่อการร้ายอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย
เมื่อครั้งที่หน่วยก่อสร้างทางสาย ทุ่งช้าง-ปอน-ห้วยโก๋น ถูกผู้ก่อการร้ายซุ่มโจมตี มีทั้งเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงและทหาร บาดเจ็บ - เสียชีวิตหลายคน รถ APCของกรมทหารม้าที่ ๒ ก็ถูกยิงด้วยระเบิด RPG จนเสียหายใช้การไม่ได้ นายบุญญฤทธิ์ ศุภวิญญู พนักงานวิทยุประจำโครงการ ทุ่งช้าง-ปอน-ห้วยโก๋นได้วิทยุแจ้งมายังเขตการทางพิษณุโลกให้คอยรีเลย์ข่าวส่งส่วนกลาง และขอเฮลิคอปเตอร์จากฝ่ายทหารหน่วยใดก็ได้ ให้มารับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ทางทหารได้วิทยุมาที่หน่วยชุดคุ้มกันการก่อสร้างทางว่าไม่สามารถบินได้ (อาจจะเป็นเพราะทัศนวิสัยไม่ดี) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ซึ่งเราก็ทราบกันอยู่แล้วว่าจะทรงติดตามข่าวสารทางวิทยุเสมอ) คงจะทรงวิทยุอยู่ในเวลานั้น ได้ทรงให้ราชองครักษ์แจ้งเขตการทางพิษณุโลกว่า
“อีก ๑ ชั่วโมงจะส่งเฮลิคอปเตอร์มา” และอีกประมาณ ๑ ชั่วโมงต่อมา ก็มีเฮลิคอปเตอร์ ๒ ลำ มาลงจอดที่บริเวณริมลำน้ำปอน เพื่อรับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตไปส่งที่โรงพยาบาลจังหวัดน่าน
เหตุการณ์ครั้งนั้นยังความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างเหลือล้นแก่เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานอย่างเสี่ยงภัยในพื้นที่อันตรายเหล่านั้นมาจนทุกวันนี้
ในวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๑๖
“พิษณุโลก พิษณุโลก” เสียงเรียกขานซึ่งพนักงานวิทยุของกรมทางหลวงในภาคเหนือได้ยินทั่วกันอย่างชัดเจน แต่ไม่ทราบว่าเป็นเสียงเรียกจากที่ใด เพราะเสียงนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน
นางจันทร์สม ซึ่งเป็นพนักงานวิทยุก็ไม่ได้ขานตอบ เพราะไม่ทราบว่าเป็นใคร
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่” เสียงเดิมเรียกมาอีก
“ตอบค่ะ ไม่ทราบว่าจากหน่วยไหนคะ” นางจันทร์สมขานรับ
“จากเดโชชัย ๑”
นางจันทร์สมจึงได้เรียกทุกเขต แขวง โครงการ และศูนย์ ด้วยความตื่นเต้น ให้บิดคลื่นไปที่ช่อง ๑๒ โดยด่วน แต่ก็มีพนักงานวิทยุหลายหน่วยไม่กระตือรือร้นเท่าที่ควร เนื่องจากยังฟังไม่ชัดเจนนัก นางจันทร์สมจึงย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า “จากเดโชชัย ๑ นะ” ทุกคนจึงได้เงียบสงบ เพราะทราบดีว่า “เดโชชัย ๑” คือองค์พระมิ่งขวัญของชาวไทยทั้งปวง จากนั้นก็ได้ยินพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ทางวิทยุมาชัดเจนว่า
“สวัสดีปีใหม่ พี่ใหญ่ และเจ้าหน้าที่วิทยุทุกคน ขอให้มีความสุขตลอดทั้งครอบครัว ให้มีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ปลอดภัย มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ สวัสดี”
พรปีใหม่ที่พนักงานวิทยุกรมทางหลวงทั่วประเทศได้รับพระราชทานอย่างไม่คาดฝันนั้น ถือเป็นสิ่งมงคลสูงสุดที่ทุกคนประทับใจและอยู่ในความทรงจำเสมอมา ต่างเล่าขานต่อกัน ด้วยความปลื้มปีติ ด้วยความสำนึกในน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อพสกนิกร ทั้งมิได้ทรงละลืมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอย่างเสี่ยงภัยอย่างพวกเขาด้วย
พระบรมราโชวาท
“.....บ้านเมืองของเราเป็นปึกแผ่นมั่นคง มีอิสรภาพและความร่มเย็นเป็นปรกติสุขสืบมาช้านาน เพราะเรามีความยึดมั่นในชาติ และต่างสำนึกตระหนักว่า คนไทยทุกคนจำเป็นต้องร่วมแรงร่วมใจกันบำเพ็ญกรณียกิจต่างๆ ตามหน้าที่ ให้สอดคล้องและเกื้อกูลกันและกันเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของชาติ รักษาความสามัคคีพร้อมเพรียงกันไว้ในสรรพกิจการงานทั้งปวง อย่าแตกแยกทำลายกันเอง เพราะไม่มีใครอื่นที่จะช่วยเราได้นอกจากไทยเราเอง......”
พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พ.ศ. ๒๕๑๒
ที่มา - ใจถึงใจ เล่ม ๒ เม.ย. – ก.ย. ๒๕๓๙
- นิตยสารสกุลไทย ๘ พ.ย. , ๖ ธ.ค. ๒๕๔๘
- สำนักข่าวไทย ๓ ส.ค. ๒๕๓๙
- หนังสือเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการสื่อสารของกรมไปรษณีย์โทรเลข ๒๕๓๙ หนังสืออัครมหาราชา ปิ่นฟ้าคมนาคม ของกระทรวงคมนาคม
ข้อมูลจาก บทความพิเศษประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท เรื่อง “ในหลวงของเรา” ผลิตโดย งานบริการการผลิต ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ ฝ่ายออกอากาศวิทยุกรุงเทพ