ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการแต่งคำประพันธ์
คณะ = จำนวนคำในวรรค ในบาท ในบท |
ครุ ( ) เสียงหนัก สระเสียงยาว มีตัวสะกด มี อำ ใอ ไอ เอา ลหุ ( ) เสียงเบา สระเสียงสั้นและไม่มีตัวสะกด |
คำเอก มีรูปวรรณยุกต์เอก หรือคำตายที่ไม่มีรูปวรรณยุกต์ คำโท มีรูปวรรณยุกต์โท คำเอกคำโทที่เปลี่ยนรูปวรรณยุกต์ให้ตรงฉันทลักษณ์ เรียกว่า เอกโทษและโทโทษ |
คำเป็น สะกดแม่กง กน กม เกย เกอว สระเสียงยาวในแม่ ก กา และอำ ใอ ไอ เอา คำตาย สะกดแม่กก กด กบ และสระเสียงสั้นในแม่ ก กา |
การแต่งกาพย์
|
กาพย์ยานี ๑๑ |
กาพย์ฉบัง ๑๖ |
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ |
คณะ |
บทหนึ่งมี ๒ บาท บาทหนึ่งมี ๒ วรรค |
บาทหนึ่งมี ๑๖ คำ ๓ วรรค |
บทหนึ่งมี ๒๘ คำ ๗ วรรค |
พยางค์หรือคำ |
วรรคหน้า ๕ คำ วรรคหลัง ๖ คำ |
วรรคแรก ๖ คำ วรรคสอง ๔ คำ วรรคสาม ๖ คำ |
แต่ละวรรคมี ๔ คำ |
สัมผัส |
– คำสุดท้ายวรรค ๑ สัมผัส คำที่ ๑, ๒ หรือ ๓ ของ วรรค ๒ – คำสุดท้ายวรรค ๒ สัมผัส คำสุดท้ายของวรรค ๓ – คำสุดท้ายวรรค ๔ สัมผัสคำสุดท้ายของวรรค ๒ ใน บทถัดไป – คำท้ายบทควรเป็นคำเสียงสามัญหรือจัตวา ไม่มี รูปวรรณยุกต์ |
– คำสุดท้ายวรรคแรก สัมผัสคำสุดท้ายของวรรค สอง – คำสุดท้ายวรรคสาม สัมผัสคำสุดท้ายของวรรค แรกบทถัดไป – คำท้ายบทไม่ควรมีรูป วรรณยุกต์ |
– คำสุดท้ายวรรค ๑ สัมผัสคำสุดท้ายของ วรรค ๒ – คำสุดท้ายวรรค ๓ สัมผัสคำสุดท้ายของ วรรค ๕ และคำสุดท้าย ของวรรค ๖ – คำสุดท้ายวรรค ๔ สัมผัสคำที่ ๒ ของ วรรค ๕ – คำสุดท้ายของบท สัมผัสคำสุดท้ายของ วรรค ๓ บทถัดไป |
การแต่งโคลง
โคลงสุภาพ = โคลงที่ใช้คำที่ไม่มีรูปวรรณยุกต์ (คำสุภาพ) เว้นแต่คำนั้นจะบังคับคำเอกคำโท
คำเอก คำโท คำเอกคำโทท้ายวรรคแรกของโคลงสี่สลับตำแหน่งกันได้ ใช้คำตายแทนคำเอก มีเอกโทษ โทโทษ
การสัมผัส ไม่ใช้คำเอกคำโทเป็นสัมผัสนอก ไม่ใช้สัมผัสซ้ำ
วรรณยุกต์ คำท้ายวรรคนิยมใช้เสียงจัตวาหรือสามัญ ไม่ใช้คำตาย
คำสร้อย ไม่ใช้คำสร้อยซ้ำในโคลงบทเดียวกัน
|
โคลงสองสุภาพ |
โคลงสามสุภาพ |
โคลงสี่สุภาพ |
คณะ |
บทหนึ่งมี ๒ บาท มี ๓ วรรค |
บทหนึ่งมี ๒ บาท มี ๔ วรรค |
บทหนึ่งมี ๔ บาท บาทหนึ่งมี ๒ วรรค |
พยางค์หรือคำ |
วรรค ๑, ๒ มีวรรคละ ๕ คำ วรรค ๓ มี ๔ คำ ตอนท้ายอาจมีสร้อย ๒ คำ |
บาทแรกมีวรรคละ ๕ คำ บาทที่สองวรรคแรก ๕ คำ วรรคหลัง ๔ คำ และ คำสร้อย |
บาทที่ ๑, ๒, ๓ มีบาทละ ๗ คำ(วรรคหน้า ๕ คำ หลัง ๒ คำ) บาทที่ ๔ มี ๙ คำ (วรรค หน้า ๕ คำ หลัง ๔ คำ) |
คำเอกคำโท |
คำเอก ๓ แห่ง คำโท ๓ แห่ง |
คำเอก ๓ แห่ง คำโท ๓ แห่ง |
คำเอก ๗ แห่ง คำโท ๔ แห่ง |
สัมผัส |
– คำสุดท้ายวรรคแรก สัมผัสคำสุดท้ายของ วรรคสอง – คำสุดท้ายของบทสัมผัส คำที่ ๑, ๒ หรือ ๓ ในวรรค แรกบทถัดไป |
– คำสุดท้ายวรรคแรก สัมผัสคำที่ ๑, ๒, หรือ ๓ ของวรรคสอง – คำสุดท้ายวรรคสอง สัมผัสคำสุดท้ายของ วรรคสาม – คำสุดท้ายของบทแรกส่ง สัมผัสกับคำที่ ๑, ๒, หรือ ๓ ของวรรคแรกบทถัดไป |
– คำสุดท้ายวรรค ๒ สัมผัสคำสุดท้ายของ วรรค ๓ และคำสุดท้าย ของวรรค ๕ – คำสุดท้ายวรรค ๔ สัมผัสคำสุดท้ายของ วรรค ๗ |
การแต่งกลอน
|
กลอนสุภาพ |
คณะ |
บทหนึ่งมี ๒ บาท บาทหนึ่งมี ๒ วรรค รวม ๔ วรรค คือ วรรคสดับ วรรครับ วรรครอง วรรคส่ง |
พยางค์หรือคำ |
แต่ละวรรคมี ๖-๙ คำ โดยทั่วไปนิยม ๘ คำ |
สัมผัส |
– คำสุดท้ายวรรคสดับสัมผัสคำที่ ๓ หรือ ๕ วรรครับ – คำสุดท้ายวรรครับสัมผัสคำสุดท้ายวรรครอง – คำสุดท้ายวรรครองสัมผัสกับคำที่ ๓ หรือ ๕ วรรคส่ง – คำสุดท้ายวรรคส่งสัมผัสกับคำสุดท้ายวรรครับในบทต่อไป |
วรรณยุกต์ |
วรรคสดับ ไม่นิยมเสียงสามัญ วรรครับ นิยมเสียงจัตวา ห้ามใช้เสียงสามัญกับตรี วรรครอง นิยมเสียงสามัญ ห้ามใช้เสียงเอก โท จัตวา วรรคส่ง ใช้เสียงสามัญและตรีเท่านั้น ไม่ควรลงท้ายด้วยคำตาย |
ข้อควรระวัง |
– อย่าตกสัมผัสนอก ควรมีสัมผัสระหว่างบท – อย่าใช้คำเสียงเดียวกันรับส่งสัมผัสกัน – อย่าให้คำที่ ๓ หรือ ๕ ของวรรครอง สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรครองเอง – อย่าสัมผัสสระที่มีเสียงสั้นหรือยาวไม่เท่ากัน – อย่าสัมผัสคำท้ายวรรครับกับคำท้ายวรรคส่งในบทเดียวกัน – อย่าสัมผัสคำท้ายวรรคสดับกับคำท้ายวรรครับ – อย่าสัมผัสคำท้ายวรรครับกับคำท้ายวรรคส่งในบทเดียวกัน และคำท้ายวรรคสดับ - ในบทต่อไป |
การแต่งร่าย
|
ร่ายยาว |
ร่ายสุภาพ |
คณะ |
บทหนึ่งไม่กำหนดจำนวนวรรค แต่ควรมี ๕ วรรคขึ้นไป |
|
พยางค์หรือคำ |
วรรคหนึ่งมี ๖-๑๐ คำ หรืออาจมากกว่า |
แต่ละวรรคมี ๕ คำ จบด้วยโคลงสอง สุภาพ |
สัมผัส |
บังคับสัมผัสระหว่างวรรคไปเรื่อย ๆ จนจบ |
– คำสุดท้ายวรรคหน้าสัมผัสกับคำที่ ๑, ๒, หรือ ๓ ในวรรคถัดไป สัมผัสไป เรื่อย ๆ – ตอนจบส่งสัมผัสไปยังคำที่ ๑, ๒, หรือ ๓ ในวรรคแรกของโคลงสองสุภาพ |
คำเอกคำโท คำสร้อย |
ไม่บังคับคำเอกคำโท และคำสร้อย |
บังคับคำเอกโทในโคลงสองสุภาพ มีคำสร้อยได้สองคำสุดท้ายของโคลง สองสุภาพ |
การแต่งฉันท์
|
วิชชุมมาลาฉันท์ |
อินทรวิเชียรฉันท์ |
วสันตดิลกฉันท์ |
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ |
คณะ |
บทหนึ่งมี ๔ บาท บาทหนึ่งมี ๒วรรค |
บทหนึ่งมี ๒ บาท บาทหนึ่ง ๒ วรรค |
บทหนึ่งมี ๒ บาท บาทหนึ่ง ๒ วรรค |
วรรคแรกมี ๑๒ คำ วรรคสองมี ๕ คำ |
พยางค์หรือ คำ |
แต่ละวรรคมี ๔ คำ |
วรรคหน้ามี ๕ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ |
วรรคหน้ามี ๘ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ |
– คำสุดท้ายวรรคแรก สัมผัสคำสุดท้ายของ วรรคสอง – คำสุดท้ายวรรคสาม สัมผัสคำสุดท้ายของ วรรคแรกในบท ต่อไป |
สัมผัส |
– คำสุดท้ายวรรค แรกสัมผัสคำที่ ๒ ของวรรคหลังใน บาทที่ ๑ – คำสุดท้ายวรรค หลังในบาทที่ ๑ สัมผัสคำสุดท้าย ของวรรคแรกใน บาทที่ ๒ – คำสุดท้ายของ บทสัมผัสคำ สุดท้ายของวรรค หลังในบาทที่ ๒ บทถัดไป |
– คำสุดท้ายวรรค แรกสัมผัสคำที่ ๓ ของวรรคหลังใน บาทที่ ๑ – คำสุดท้ายวรรค หลังในบาทที่ ๑ สัมผัสคำสุดท้าย ของวรรคแรกใน บาทที่ ๒ – คำสุดท้ายของบท สัมผัสคำสุดท้ายของ วรรคที่ ๒ บาทแรก ในบทถัดไป |
– คำสุดท้ายวรรค หน้าสัมผัสคำที่ ๓ ของวรรคหลังใน บาทที่ ๑ – คำสุดท้ายวรรค หลังในบาทที่ ๑ สัมผัสคำสุดท้าย ของวรรคหน้าใน บาทที่ ๒ – คำสุดท้ายของ บทสัมผัสคำ สุดท้ายของวรรค หลังในบาทที่ ๑ บทต่อไป |
|
สรุป
การจะแต่งคำประพันธ์ได้ดีต้องฝึกฝนและมีความรู้เกี่ยวกับคำประพันธ์ทั้งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย อีกทั้งต้องมีความคิดสร้างสรรค์และมีศิลปะในการเรียบเรียงถ้อยคำให้สละสลวยกินใจผู้อ่าน
คำสำคัญ การแต่งคำประพันธ์ บทร้อยกรอง โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย
แหล่งที่มาของเนื้อหา : สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช www.wpp.co.th