วิเคราะห์คำสอนใน อิศรญาณภาษิต
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
18 ม.ค. 65
 | 18.4K views



วิเคราะห์คำสอนใน “อิศรญาณภาษิต”

อิศรญาณภาษิตเรียกอีกอย่างว่า “เพลงยาวอิศรญาณ” เป็นพระนิพนธ์ของหม่อมเจ้าอิศรญาณ ซึ่งเล่ากันว่าเป็นผู้มีพระจริตไม่ปกติ ครั้งหนึ่งพระองค์ได้ทำสิ่งวิปริตไปแล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตรัสบริภาษว่าเป็นบ้า ทำให้ใคร ๆ ก็พากันเห็นด้วยกับพระราชดำรัสนั้น ด้วยความน้อยพระทัยของหม่อมเจ้าอิศรญาณจึงทรงนิพนธ์เพลงยาวฉบับนี้ขึ้น มีผู้สันนิษฐานว่าอิศรญาณภาษิตนี้ ไม่ใช่พระนิพนธ์ของหม่อมเจ้าอิศรญาณแต่เพียงผู้เดียว หากแต่ทรงนิพนธ์ไว้เพียงตอนแรกเท่านั้น กล่าวคือ สันนิษฐานว่าทรงนิพนธ์ถึงวรรคว่า “ปุถุชนรักกับชังไม่ยั่งยืน” ซึ่งมีลีลาการแต่งไว้ด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมประชดประชันอย่างรุนแรง ชัดเจนส่วนที่เหลือเป็นของผู้อื่นแต่งต่อ โดยเป็นการสอนเรื่องทั่วๆ ไป มีลีลาหรือท่วงทำนองแบบเรียบๆ มุ่งสั่งสอนตามปกติของผู้มีประสบการณ์ในเรื่องต่างๆ ซึ่งได้นำมาเรียบเรียงไว้ทั้งหมด

อิศรญาณเป็นวรรณคดีที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสอน โดยเฉพาะเรื่องการปฏิบัติตนที่จะทำให้อยู่ในสังคมอย่างเป็นปกติสุข ดังนั้น การอ่านวรรณคดีประเภทนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับสังคมไทยในปัจจุบันซึ่งผู้อ่านจะได้ข้อคิดต่าง ๆ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยขึ้นอยู่กับวัยและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล ดังต่อไปนี้


๑. การมีน้ำใจ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ ดังนั้น ถ้าจะอยู่ในสังคมให้ได้จึงต้องมีการถ้อยทีถ้อยอาศัยให้อภัยซึ่งกันและกัน ดังบทประพันธ์

     ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า      น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย
เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ                            รักกันไว้ดีกว่าชังระวังการ...ฯ

จากบทประพันธ์ข้างต้นชี้ให้เห็นว่า การพึ่งพาอาศัยกันเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้มนุษย์อยู่รอด แม้กระทั่งธรรมชาติยังพึ่งพาอาศัยกันมนุษย์ก็ควรที่จะรู้จักการพึ่งพา รู้จักการให้อภัย ให้มีความรักและสามัคคีไว้ดีกว่าการเกลียดชังที่จะไม่สร้างผลดีให้แก่ฝ่ายใด


๒. การเข้าสังคมและการปฏิบัติตนต่อผู้อื่น ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ย่อมมีการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ในบางครั้งความขัดแย้งอาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้น อิศรญาณภาษิตจึงได้สั่งสอนในเรื่องการปฏิบัติตนต่อผู้อื่นในที่สาธารณชน ดังบทประพันธ์

                                                จะเรียนคมเรียนเถิดอย่าเปิดฝัก
คนสามขามีปัญญาหาไว้ทัก           ที่ไหนหลักแหลมคำจงจำเอา
เดินตามรอยผู้ใหญ่หมาไม่กัด        ไปพูดขัดเขาทำไมขัดใจเขา...ฯ

จากบทประพันธ์กวีได้แสดงทัศนะเพื่อสั่งสอนให้แนวคิดและข้อคิดเกี่ยวกับการวางตนในสังคม โดยเริ่มจากการหาความรู้ให้แก่ตน การเข้าสังคมให้รู้จักเลือกคบคนที่มีปัญญาความรู้เพราะเขาจะนำพาไปสู่หนทางที่ดีงาม และอีกประการคือการพูดจาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น ไม่ควรไปพูดขัดคอหรือขัดใจ หรือถ้าหากระหว่างการสนทนาเกิดเหตุการณ์ไม่พอใจในคำพูดของกันและกัน ควรที่จะทำให้สถานการคลี่คลายลง ไม่ควรบาดหมางกัน


๓. หลักการฟัง ในชีวิตประจำวันของมนุษย์จะต้องใช้ทักษะทั้ง ๔ ประการในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ซึ่งในอิศรญาณภาษิตกวีได้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการฟังไว้ ดังบทประพันธ์

       อันเสาหินแปดศอกตอกเป็นหลัก          ไปมาผลักบ่อยเข้าเสายังไหว
จงฟังหูไว้หูคอยดูไป                                เชื่อน้ำใจดีกว่าอย่าเชื่อยุ...ฯ

จากบทประพันธ์กวีได้แสดงแนวคิดเกี่ยวกับการฟังคือ ให้รู้จักฟังหูไว้หู ไม่เชื่อคำพูดของผู้ใดง่าย และที่สำคัญต้องไม่หลงไปกับคำพูดยุยงซึ่งเป็นการฟังที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ฟังแม้แต่น้อย


๔. การรับราชการ โดยมุ่งเน้นเฉพาะผู้ที่ทำงานใกล้ชิดพระมหากษัตริย์ ดังบทประพันธ์

       เป็นข้าเฝ้าเหล่าเสวกามาตย์       ยิ่งกว่าทาสทาสาข้าสินไถ่
อย่าชิดอย่าให้ห่างเป็นกลางไว้          ฝ่ายข้างในอย่านำออกนอกอย่าแจง
มิควรทูลก็อย่าทูลประมูลข้อ              จะเกิดก่อลุกลามความแสลง...ฯ

จากบทประพันธ์กวีได้สะท้อนข้อคิดประการสำคัญสำหรับผู้รับราชการที่จะต้องรู้จักการคิดควรไตร่ตรอง ความในไม่นำออก ความนอกไม่นำเข้า เพราะจะทำให้เรื่องลุกลามไปจากเดิม


๕. การออมทรัพย์ สังคมมนุษย์ได้เปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานที่เคยเป็นระบบแลกเปลี่ยนสินค้ามาเป็นระบบเงินตราที่เป็นบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจ อิศรญาณภาษิตได้ให้ข้อคิดประการหนึ่งที่ให้มนุษย์รู้จักการออม ดังบทประพันธ์

       หาเงินติดไถ้ไว้อย่าให้ขาด       ตำลึงบาทหาไม่คล่องเพียงสองสลึง...ฯ

จากบทประพันธ์กวีได้สะท้อนให้เห็นว่าเงินตราเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อมนุษย์ แม้มีไม่มาก แต่ก็ควรเก็บหอมรอมริบไว้ใช้ในเมื่อคราจำเป็น


๖. การคบมิตร ในปัจจุบันสังคมปะปนไปทั้งคนดีและคนไม่ดี ดังนั้นการมีหลักยึดในการคบมิตรจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งอิศรญาณภาษิตได้ให้ข้อคิดประการนี้ไว้ ดังบทประพันธ์

        อย่าคบมิตรจิตพาลสันดานชั่ว       จะพาตัวให้เสื่อมที่เสื่อมใส
คบนักปราชญ์นั่นแหละดีมีกำไร              ท่านย่อมให้ความสบายหลายประตู...ฯ

จากบทประพันธ์กวีได้แสดงทัศนะประการสำคัญคือ การคบมิตรจะต้องเลือกคบบุคคลที่มีความรู้ ฉลาด และเป็นคนดีเพราะจะนำพาไปสู่หนทางที่เจริญ ผิดกับคนพาลจะพาเราไปสู่หนทางแห่งอบาย

๗. การดูคน ในปัจจุบันเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างได้รับการอบรมมาไม่เหมือนกัน อิศรญาณภาษิตให้ข้อคิดประการสำคัญในการศึกษาคน ดังบทประพันธ์

        ดูตระกูลดูกิริยาดูอากัป      ดูทิศจับเอาที่ผลต้นพฤกษา
ดูฉลาดเล่าก็เห็นที่เจรจา            ดูคงคาก็พึงหมายสายอุบล...ฯ

จากคำประพันธ์ข้างต้น จะเห็นการศึกษาลักษณะนิสัยของคนว่าเป็นอย่างไร การดูคนจะพิจารณาจากที่มาของคนผู้นั้น ผู้ที่มีกิริยามารยาทดีก็จะรู้ว่ามาจากตระกูลดี ครอบครัวอบรมสั่งสอนดี จะดูทิศทางก็ให้สังเกตต้นไม้ เพราะคนโบราณจะปลูกต้นไม้ตามทิศเพื่อความเป็นสิริมงคล ดูว่าเป็นคนดีมีปัญญาเฉลียวฉลจะดูจากการพูดจาปราศรัย แม้เราเห็นแม่น้ำจะรู้ถึงความลึกตื้นก็ต้องดูที่สายบัวก่อน เมื่อรู้ดังนี้แล้วจะได้ปฏิบัติตามเพื่อให้เป็นที่นิยมชมชอบและรักใคร่ของผู้อื่น


๘. ความสามัคคี ความสามัคคีเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติยังธำรงอยู่ได้ อิศรญาณภาษิตได้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับคุณค่าของความสามัคคี โดยยกนิทานเกี่ยวกับนกกระจาบมาเป็นตัวอย่าง ดังบทประพันธ์

         นกกระจาบเดิมหนักหนามากกว่าแสน        ไม่เดือดแค้นสามัคคีย่อมมีผล
ครั้นภายหลังอวดกำลังต่างถือตน                      พรายก็ขนกระหน่ำมาพากันตาย...ฯ

จากบทประพันธ์ได้ให้ข้อคิดประการสำคัญคือ ไม่ว่าที่ใดก็ตามถ้ามีความสามัคคี ที่นั้นย่อมดำรงอยู่ได้ แต่ถ้าเมื่อใดขาดความสามัคคีก็จะทำให้ทุกอย่างเสื่อมสูญเหมือนดั่งฝูงนกกระจาบที่ต้องตายเนื่องจากการแตกความสามัคคี


๙. ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สังคมไทยเป็นสังคมที่ผูกพันอยู่กับพระพุทธศาสนา ซึ่งมีส่วนในการกล่อมเกลาจิตใจและพฤติกรรมของมนุษย์ให้อยู่บนครรลองของความดี อิศรญาณภาษิตได้สะท้อนข้อคิดประการสำคัญที่มีความเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา ดังบทประพันธ์

         ถ้าทำดีก็จะดีเป็นศรีศักดิ์        ถ้าทำชั่วชั่วจักตามสนอง...ฯ

จากบทประพันธ์ได้สะท้อนข้อคิดที่มีความเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา คือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว


๑๐. ให้รู้จักเตือนตนเอง การที่มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุข นอกจากการรู้จักบุคคลอื่นแล้ว ที่สำคัญต้องรู้จักจิตใจของตนเอง ดังบทประพันธ์

          เกิดเป็นคนเชิงดูให้รู้เท่า           ใจของเราไม่สอนใจใครจะสอน...ฯ

จากบทประพันธ์กวีได้แสดงทัศนะที่เป็นข้อคิดเตือนใจกับผู้อ่านให้มาสำรวจตนเอง ความรู้บางประการอาจมีครูอาจารย์สอนได้ แต่ในบางเรื่องตนเองจะเป็นผู้สอนตนเองได้ดีที่สุด


การอ่านวรรณคดีประเภทคำสอน ผู้อ่านไม่รู้สึกว่าตนกำลังได้รับการสั่งสอนโดยตรง เพราะความเพลิดเพลินในสำนวนโวหาร ประโยชน์สูงสุดของอิศรญาณภาษิตคือ การได้คติเตือนใจ ได้แนวทางสำหรับการประพฤติตนเพื่อให้อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สัจธรรมคำสอนในเรื่องเป็นความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องสั้นๆ แต่ก็ให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านอย่างมหาศาล ถ้าผู้อ่านน้อมนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน 

โดย...นายชัยณรงค์ อกอุ่น
ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
โรงเรียนโพธิ์ไทรพิทยาคาร
อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี
อีเมล์ : makkaaot@gmail.com
(เนื้อหาและภาพประกอบเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน)
แหล่งที่มาของเนื้อหา https://www.stou.ac.th/