พระอภัยมณี ตอนพบศรีสุวรรณและสินสมุทร ตอนที่ 1
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
18 ม.ค. 65
 | 113.1K views



บทนำ
นิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณีที่นำมาให้เรียนนี้เป็นตอนที่ 19 กล่าวถึงเรื่องราวตอนที่พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณผู้เป็นเรื่องกับสินสมุทรผู้เป็นบุตร บทกลอนเรื่องพระอภัยมณีนี้ มีผู้นิยมอ่านกันมาก เพราะเนื้อเรื่องสนุกสนานแปลกไปจากเรื่องอื่น ๆ ที่นิยมแต่งกันสมัยนั้น สมัยที่สุนทรภู่แต่งหนังสือ คนนิยมเรื่องที่มีการรบและใช้ตัวละครเป็นกษัตริย์ นักเรียนน่าจะอ่านพระอภัยมณีตอนอื่น ๆ ด้วย จะได้พบว่าสนุทรภู่มีความคิดล้ำยุค ซึ่งภายหลังนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นคว้าประดิษฐ์เป็นของจริงขึ้นมาได้อย่างไรบ้าง และจะได้เห็นจินตนาการของกวีเอกของไทยท่านนี้

นิทานคำกลอนเรื่องนี้ ตัวเอกของเรื่องแทนที่จะเป็นนักรบอย่างที่นิยมกันโดยมากในเรื่องที่แต่งสมั้ยนั้น กลับเป็นศิลปินนักดนตรี เนื้อเรื่องตื่นเต้น ชวนให้อ่านต่อ ตัวละครไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ นางเงือก หรือผีเสื้อสมุทร ล้วนมีชีวิตจิตใจทำนองเดียวกับคนที่เราพบเห็น นอกจากนี้ยังมีสุภาษิตอันเป็นคติสอนใจติดปากคนทั่วไป เช่น

    “มนุษย์นี้ที่รักอยู่สองสถาน    บิดามารดารักมักเป็นผล
    ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน    เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา”

    “แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์    มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
    ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด    ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน”

    “รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา        รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี”

นักเรียนจะสังเกตว่าลักษณะกลอนของสุนทรภู่ที่เด่นเป็นพิเศษก็คือ สัมผัสในทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษรทำให้อ่านได้รื่นหู ตัวอย่าง

    พระร่ำพลางต่างองค์ทรงกันแสง    โอ้เสียแรงเกิดมานิจจาเอ๋ย
    ไม่เคยยากกรากกรำต้องจำเลย    เมื่อไรเลยจะพร้อมวงศ์พงศ์ประยูร

ที่ขีดเส้นใต้ให้เห็นสัมผัสสระ ลักษณะสัมผัสในเช่นนี้ปรากฎอยู่ทั่วไปในกลอนของสุนทรภู่ แม้เรื่องจะยาวสักปานใดก็ไม่ขาดซึ่งหาได้ยากในกลอนของผู้อื่น สุนทรภู่จึงได้รับการยกย่องว่ามีความสามารถเป็นเอกในการเขียนกลอนแปดหรือกลอนสด

เนื้อหา
ประวัติสุนทรภู่
เกิด 26 มิถุนายน 2329 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 1
การศึกษา     ในพระราชวังหลังและที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม)
ครอบครัว    แต่งงานกับหญิงสาวชาววัง ชื่อนางจันทร์ มีลูกด้วยกันชื่อพัด ต่อมาเลิกกัน มีภรรยาใหม่ชื่อนิ่ม มีลูกชื่อดาบ
หน้าที่การงานเข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ ในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นที่โปรดปรานจนได้รับแต่งตั้งเป็นว่าที่ขุนสุนทรโวหาร ถูกถอนยศในรัชกาลที่ 3 เพราะถูกกล่าวหาว่าด้วยเรื่องเสพสุราและอื่น ๆ จึงออกบวช เมื่อลาสิขาบทแล้วถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ได้รับการอุปการะจากกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระสุนทรโวหาร ในรัชกาลที่ 4
ผลงานด้านวรรณกรรม  นิราศ 9 เรื่อง , นิทาน 5 เรื่อง , สุภาษิต 3 เรื่อง , บทละคร 1 เรื่อง , บทเสภา 2 เรื่อง , บทเห่กล่อม 4 เรื่อง , ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2398 รวมอายุได้ 70 ปี

ลักษณะคำประพันธ์ประเภทกลอนสุภาพ


ลักษณะคำประพันธ์   
กลอนสุภาพ (กลอนแปด) บทหนึ่งมี 2 คำกลอน หรือ 2 บาท
บาทที่ 1 เรียกว่า บาทเอก มี 2 วรรค คือ วรรคสดับ และวรรครับ
บาทที่ 2 เรียกว่า บาทโท มี 2 วรรค คือ วรรครอง และวรรคส่ง ในวรรคหนึ่งจะมีคำตั้งแต่ 7-8 พยางค์
สัมผัส
สัมผัสนอก       
            พยางค์สุดท้ายของวรรคที่หนึ่ง (วรรคสดับ) สัมผัสกับพยางค์ที่สามหรือห้าของวรรคที่สอง (วรรครับ)
            พยางค์สุดท้ายของวรรคที่สองสัมผัสกับพยางค์สุดท้ายของวรรคที่สาม (วรรครอง)
            พยางค์สุดท้ายของวรรคที่สามสัมผัสที่สามหรือห้าของวรรคที่สี่ (วรรคส่ง)
            พยางค์สุดท้ายของวรรคที่สี่สัมผัสกับพยางค์สุดท้ายของวรรคที่สองในบทต่อไป
สัมผัสใน           
            เป็นสัมผัสที่อยู่ในวรรคมีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร เพื่อให้ไพเราะยิ่งขึ้น


การอ่านนทำนองเสนาะ  การแบ่งวรรคตอนอ่าน 3/2/3


บทที่ 1
              สงสารสุดอุศเรศเมื่อรู้สึก             ทรวงสะทึกแทบจะแยกแตกสลาย
    พอเห็นองค์พระอภัยยิ่งให้อาย                จะใคร่ตายเสียให้พ้นก็จนใจ
    คลำพระแสงแผงองค์ที่รงเหน็บ               เขาก็เก็บเสียเมื่อพบสลบไหล
    ให้อัดอั้นดันดึงตะลึงตะไล                     พระอภัยพิศดูก็รู้ที
    จึงสุนทรอ่อนหวานชาญฉลาด                เราเหมือนญาติกันดอกน้องอย่าหมองศรี
    เมื่อแรกเริ่มเดิมก็ได้เป็นไมตรี                 เจ้ากับพี่เล่าก็รักกันหนักครัน
    มาขัดข้องหมองหมางเพราะนางหนึ่ง        จนได้ถึงรบสู้เป็นคู่ขัน
    อันวิสัยในพิภพแม้นรบกัน                      ก็หมายมั่นจะใคร่ได้ชัยชนะ
    ซึ่งครั้งนี้พี่พาเจ้ามาไว้                          หวังจะได้สนทนาวิสาสะ
    ให้น้องหายคลายเคืองเรื่องธุระ               แล้วก็จะรักกันจนวันตาย
    ทั้งกำปั่นบรรดาโยธาทัพ                      จะคืนกลับให้ไปเหมือนใจหมาย
    ทั้งสองข้างอยู่ตามความสบาย               เชิญภิปรายโปรดตรัสสัตย์สัญญาฯ

บทที่ 2         
              วิเวกหวีดกรีดเสียงสำเนียงสนั่น     คนขยันยืนขึงตะลึงหลง
    ให้หวีววาบซาบทรวงต่างง่วงงง              ลืมณรงค์รบสู้เงี่ยหูฟัง
    พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิต             ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง
    ว่าเรือนเหมือนนกมาจากรัง                    อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย
    ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้                    ร่ำพิไรรัญจวนหวยละห้อย
    โอ้ยามดึกดาวเคลื่อน เดือนก็คล้อย          น้ำค้างย้อยเย็นฉ่ำที่อัมพร
    หนาวอารมณ์ลืมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชื่น          ระรวยรื่นรินรินกลิ่นเกสร
    แสนสงสารบ้านเรือเพื่อนที่นอน               จะอาวรณ์อ้างว่างอยู่วังเวง

นิทานคำกลอน
พระอภัยมณี และศรีสุวรรณ เป็นโอรสของท้าวสุทัศน์ พระราชาแห่งกรุงรัตนา ทั้งสององค์ได้ไปศึกษาวิชาตามเยี่ยงอย่างโอรสกษัตริย์ ณ สำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ พระอภัยมณีเรียนวิชาเป่าปี่และศรีสุวรรณเรียนวิชากระบี่กระบอง เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วก็กลับไปบ้านเมือง แต่ท้าวสุทัศน์ไม่พอพระทัยในวิชาที่โอรสไปศึกษามา จึงทรงขับไล่ให้ออกไปเสียจากกรุงรัตนา

ระหว่างการเดินทาง พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณพบพรมหมณ์หนุ่มสามคน แต่ละคนมีวิชาความสามารถต่าง ๆ กัน พราหมณ์ชื่อรา รู้วิชาสผูกสำเภายนตร์ แล่นไปได้ทุกแห่ง คนที่ชื่อ สนนน รู้วิชาเรียกลมเรียกฝนได้ คนที่ชื่อ วิเชียร รู้วิชารบและเก่งทางยิงธนู สามารถยิงธนูได้คราวละ 7 ดอก พระอภัยมณีและศรีสุวรรณได้สนทนากับพราหมณ์ทั้งสามถูกอัธยาศัย จึงตกลงเป็นมิตรกันพราหมณ์ สามคนนั้นสงสัยวว่าวิชาปี่พระอภัยมณีดีอย่างไร จึงขอร้องให้พระอภัยเป่าปี่ให้ฟัง พระอภัยก็เป่าปี่ทำนองเพลงรัก ทำให้ศรีสุวรรณและพราหมณ์ทั้งสามคนเคลิ้มหลับไป

เผอิญตำบลที่นั่งพักนั้น อยู่ใกล้ถิ่นที่มีนางผีเสื้อสมุทรอาศัยอยู่ ขณะนั้นนางผีเสื้อออกจากถ้ำไปหากิน พอได้ฟังเสียงปี่ ทั้งแลเห้นรูปร่างพระอภัยมณีงดงาม นางผีเสื้อเกิดความรักขึ้น จึงโดดเข้าอุ้มพาไปยังถ้ำที่อาศัย

พระอภัยมณีต้องตกไปเป็นสามีนางผีเสื้อ จนเกิดบุตรชื่อสินสมุทร ฝ่ายศรีสุวรรณกับพราหมณ์เมื่อตื่นขึ้นไม่เห็นพระอภัยมณี ก็ออกเที่ยวตามหาจนศรีสุวรรณหลงเข้าไปยังเมือรมจักร ได้แสดงความสามารถจนพระราชาผู้ครองนครโปรดปราน จัดการให้อภิเษกกับพระธิดาชื่อเกศรา ศรีสุวรรณกับชายามีธิดาชื่อ อรุณรัศมี

ฝ่ายพระอภัยมณีกับสินสมุทร พยายามหาช่องทางหนีนางผีเสื้อสำเร็จ โดยอาศัยเงือกน้ำ พ่อแม่กับลูกสาว ผลัดกันพาว่ายข้ามมหาสมุทรมาจนพบเพาะหนึ่งชื่อ เกาะแก้วพิสดาร ระหว่างทางนางผีเสื้อตามมาทันก็ฆ่าเงือกพ่อแม่กินเสีย เงือกลูกสาวจึงพาพระอภัยมณีกับสินสมุทรไปถึงเกาะได้ แล้วพระอภัยมณีกับสินสมุทรไปขออาศัยพระฤาษีอยู่ นางผีเสื้อตามมาทัน แต่ขึ้นไปบนเกาะไม่ได้ เพราะฤาษีใช้เวทมนต์บังคับให้กลัว นางก็ซุ่มเฝ้าอยู่ใกล้แถบนั้น

ระหว่างที่อยู่บนเกาะ พระอภัยมณีได้นางเงือกเป็นภรรยา  อยู่มาวันหนึ่งนางสุวรรณมาลีมาเที่ยวทะเลกับท้าวสิลราชซึ่งเป็นพระบิดา ขึ้นมานมัสการฤาษี พระอภัยมณีกับสินสมุทรจึงขออาศัยเรือไปด้วย เพื่อไปติดตามหาศรีสุวรรณ เมื่ออกเดินทางนางผีเสื้อแสดงฤทธืแกล้งให้เรือแตก

พระบิดาของนางสุวรรณมาลีจมน้ำหายไป ผู้คนในเรือต่างพลัดกันบ้างตายกันบ้าง สินสมุทรรักนางสุวรรณมาลีจึงฝากตัวเป็นลูกและเรียกนางสุวรรณมาลีว่าแม่ พอเรือแตกก็อุ้มนางสุวรรณมาลีว่ายน้ำพลัดไปขึ้นได้ที่เกาะหนึ่ง พระอภัยมณีกับไพร่พลหนีนางผีเสื้อผลัดไปขึ้นเกาะอีกแห่งหนึ่ง ต้องเป่าปี่ใช้เพลงบังคับจนนางผีเสื้อขาดใจตาย แล้วก็พักอยู่ที่เกาะนั้น พอดีกับเรืออุศเรนโอรสเจ้านครลังกาผู้เป็นคู่หมั้นของนางสุวรรณมาลีผ่านมา พระอภัยมณีจึงขออาศัยไปในเรือของอุศเรน

ฝ่ายสินสมุทรกับนางสุวรรณมาลีนั้น มีพวกโจรสลัดแล่นเรือมาพบเข้า จึงรับช่วยเหลือให้อาศัยเรือไป เจ้าโจรหัวหน้าใคร่จะได้นางสุวรรณมาลีเป็นภรรยา สินสมุทรโกรธจนวิวาทกับหัวหน้าโจร และฆ่าโจรเจ้าของเรือตาย  พวกที่เหลือยอมเป็นข้า สินสมุทรกับนางสุวรรณมาลีเป็นข้าศึก ภายหลังสอบถามได้ความว่าสินสมุทรเป็นลูกพระอภัยมณี ศรีสุวรรณจึงชักชวนกันไปตามหาพระอภัยมณี

เมื่อศรีสุวรรณตกลงไปกับสินสมุทร พระธิดาอรุณารัศมีขอตามไปด้วย ทั้ง 4 กษัตริย์คุมเรือเดินทางไปกลางทะเล จนพบกับเรือของอุศเรน อุศเรนให้ทหารลงเรือเร็วไปถามเรื่องราวจึงได้ทราบว่าสินสมุทร นางสุวรรณมาลี และศรีสุวรรณมาในเรือลำนั้น

ฝ่ายพระอภัยมณีใคร่จะให้พระอนุชา พระโอรสรู้ว่าตนอยู่ที่เรืออุศเรน จึงเป่าปี่ขึ้นเรื่องต่อไปปรากฏดังในตอนที่ 19 นี้

      * ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสุวรรณ           อยู่พร้อมกันที่ลำกำปั่นใหญ่
ฟังสำเนียงเสียงปี่พระอภัย                   ก็จำได้ด้วยเคยฟังแต่หลังมา
ทั้งถ้อยคำร่ำเรียกสำเหนียกแน่             เห็นเที่ยงแท้ภูวไนยให้ไปหา
สินสมุทรสุดคิดถึงบิดา                       จึงทูลว่าปี่นี้ไม่มีใคร
คือทรงฤทธิ์บิตุรงค์ของลูกรัก               เห็นแน่นักพระองค์อย่าสงไสย
ข้าจะขอทูลลาอาสาไป                      แล้วจะได้รับมาเภตราเราฯ
     * สองกษัตริย์ตรัสว่าอย่าว้าวุ่น         เขามีคุณพระบิดามากับเขา
ควรจะไปไต่ถามตามสำเนา                 จะด้นเดาดื้อไปนั้นไม่ดี
พวกฝรั่งลังกาจะว่าได้                        ต้องขัดข้องหมองใจไม่พอที่
ฉวยขุกเข็ญเป็นศึกจะเสียที                  ด้วยพระพี่มิได้รู้อยู่ด้วยมัน
อาจจะไปให้พบภูวเรศร์                       ถ้าแจ้งเหตุทุกข์ร้อนจะผ่อนผัน
พ่ออย่าไปใจเด็กยังดุดัน                      อยู่กับน้องป้องกันพระชนนี
สินสมุทรห้ามว่าอย่าเสด็จ                    เหมือนขามเข็ดของ้อไม่พอที่
หลานจะไปไต่ถามแต่โดยดี                  ถ้าย้ำยีจึงจักสู้ดูฝีมือ
พระไปเรือเมื่อไรจะไปถึง                      จะเหมือนหนึ่งฉันลงน้ำดำไปหรือ
แม้นพบปะพระบิดาจะหารือ                   ไม่ดึงดื้อดอกพระองค์อย่าสงกา
แล้วจัดแจงแต่งเครื่องสำหรับยุทธ           เหน็บอาวุธคู่กายทั้งซ้ายขวา
กระโดดโผนโจนลงในคงคา                   แผลงศักดาดำดึ่งตะบึงไป ฯ

     * ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณรัศมี                   คิดว่าพี่ตกน้ำร่ำร้องไห้
พระเจ้าป้ามาช่วยด้วยไวไว                        พระพี่ไม่ผุดรอดจะวอดวาย
ทั้งสององค์ทรงพระสรวลทั้งโศกเศร้า            นางเคียงเข้าเล้าโลมนางโฉมฉาย
พระพี่ดำน้ำไปดอกไม่ตาย                         อย่าวุ่นวายเลยมานั่งคอยฟังความ
ศรีสุวรรณนั้นไม่ไว้ใจฝรั่ง                          จึงตรัสสั่งนายทหารชาญสนาม
เร่งเตรียมเรือเพื่อสำหรับรับสงคราม              ไว้สักสามสิบลำประจำการ
ออกแล่นลอยคอยดูอยู่ห่างห่าง                   ถ้าขัดขวางก็จะได้แก้ไขหลาน
อังกุหร่าบังคมค่อยก้มคลาน                       มาเตรียมการพร้อมพรั่งระวังไภย ฯ
     * ฝ่ายพระหน่อบดินทร์สินสมุทร             ดำมาผุดกลางมหาชลาไหล
แลเห็นลำกำปั่นเป็นหลั่นไป                       ไม่มีใครดูแลแต่สักคน
แต่เสียงปี่ที่เป่ายังไม่หยุด                         สินสมุทรเพ่งพิศคิดฉงน
ค่อยแผงกายว่ายมาในสาชล                      ปีนขึ้นบนกำปั่นไม่ครั่นคร้าม
เห็นพวกพลกรนหลับระดับดาษ                    ดูเกลื่อนกลาดกลางเรืออยู่เหลือหลาม
ที่ตื่นอยู่รู้จักล้วนจีนจาม                            จึงโดดข้ามคนเหล่านั้นมาทันที
เห็นบิตุรงค์ทรงนั่งบัลลังก์อาสน์                   เข้ากอดบาทบงกชบทศรี
ไม่ทันถามความโศกแสนทวี                       ทรงโศกีกลิ้งเกลือกลงเสือกกาย ฯ


     * จอมกษัตริย์ทัศนาเห็นลูกแก้ว                     เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ให้ใจหาย
พระชลไนยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย                        ประคองกายกอดแบไว้แนบองค์
สงสารบุตรสุดจะสอื้นอั้น                                   ยังมิทันไต่ถามตามประสงค์
สุดกำลังจะประทังดำรงองค์                               กรรแสงทรงโศกซบสลบไป ฯ
     * แขกฝรั่งทั้งนั้นก็ขวัญหาย                          เห็นเจ้านายนิ่งแน่เข้าแก้ไข
ไม่ฟื้นพระองค์สงสารแสนอาไลย                          ต่างร้องให้วุ่นวายฟายน้ำตาฯ
     * อุศเรนรู้สึกนึกอนาถ                                 เห็นประหลาดลูกเล็กเด็กนักหนา
จึงถามพระอภัยว่าใครมา                                   เขาทูลว่าพระโอรสยศไกร
จึงเรียกไพร่ในเรือให้รู้สึก                                   อึกกระทึกในกำปั่นอยู่หวั่นไหว
ช่วยนวดฟั้นคั้นองค์พระอภัย                               ก็กลับได้สติฟื้นเหมือนตื่นนอน
ลืมพระเนตรเห็นบุตรกับอุศเรน                             หัศเกนพวกฝรั่งนั่งสลอน
สินสมุทรอภิวาทบาทบิดร                                 สอื้นอ้อนทูลถามตามสงกา
เมื่อพลัดพรากยากเย็นเป็นไฉน                            ลูกมิได้รู้ความเที่ยวตามหา
ไฉนองค์ทรงฤทธิ์พระบิดา                                 จึงได้มาเรือฝรั่งเป็นอย่างไร ฯ
     * พระฟังคำน้ำพระเนตรลงพรากพราก                จะออกปากปิ่มว่าเลือดตาไหล
จึงเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป                             จนถึงได้โดยสารมาพานพบ
อันพ่อนี้วิตกอกจะแยก                                       ด้วยเรือแตกตายเป็นไม่เห็นศพ
แล้วตรัสถามลูกยาด้วยปรารภ                               นี่พ่อพบผู้ใดจึงได้มา ฯ


     * สินสมุทรได้ฟังรับสั่งถาม                      จึงตอบตามคำแขกแปลกภาษา
แม่ผีเสื้อเหลือใจไล่สกัด                               ลูกจึงพลัดไปกับเหล่านางสาวศรี
ได้พบแต่แม่สุวรรณมาลี                                ก็แยกหนีไปในน้ำแต่ลำพัง
ถึงเจ็ดวันบรรลุถึงเกาะใหญ่                           ข้าอาไศรยแต่พอชื่นได้คืนหลัง
พอพบพวกโจรเรือหลงเชื่อฟัง                         จะเข้าฝั่งชลธารโดยสารมัน
มันคิดคดลดเลี้ยวเกี้ยวพระแม่                         ลูกจึงแก้แค้นฆ่าให้อาสัญ
ที่เหลือตายนายไพร่พร้อมใจกัน                       ยกกำปั่นใหญ่ให้ได้ไคลคลา
เที่ยวไต่ถามตามองค์พระทรงเดช                     ทุกประเทศทางทะเลเที่ยวเร่หา
จนไปถึงรมจักรนัครา                                   พบพระอาถามทักรู้จักกัน
จึงเกณฑ์คนพลรบสมทบทัพ                          เดี๋ยวนี้อามากับกระหม่อมฉัน
พอเสียงปี่ที่เป่าเป็นสำคัญ                             ก็หมายมั่นว่าพระองค์ไม่สงกา
ลูกรำลึกตรึกถึงพระผ่านเกล้า                          จึงดื้อเดาโดดน้ำดำมาหา
เชิญเสด็จภูวไนยไปเภตรา                             พระเจ้าอาก็ละห้อยคอยพระองค์ ฯ
     * พอรู้ว่าอนุชามาด้วยบุตร                        ยิ่งแสนสุดชื่นชมสมประสงค์
จึงตรัสบอกอุศเรนเจนณรงค์                           นี่แหละองค์สินสมุทรบุตรข้าน้อย
เมื่อเรือแตกแบกนางมากลางน้ำ                       จึงได้กำปั่นใหญ่ไว้ใช้สอย
กับเรือน้องของข้ามาห้าร้อย                           เที่ยวแล่นลอยล่องหาในสาคร
เดชะบุญคุณพระมาปะพบ                               ไม่ต้องรบชิงช่วงดวงสมร
คงได้คู่สู่สมสยมพร                                       อย่าทุกข์ร้อนเลยพระองค์จงสำราญ
เชิญไปรำกำปั่นของลูกรัก                              ให้พบพักตรวรนุชสุดสงสาร
ประภาษพลางทางสุนทรสอนกุมาร                     ให้กราบกรานอุศเรนเจนณรงค์ ฯ
     * ฝ่ายลูกท้าวจ้าวลังกาหน้าเป็นเหม              แสนเกษมสมจิตต์คิดประสงค์
เรียกกุมารหลานเลี้ยงมาเคียงองค์                      พ่อแสนทรงฤทธิ์เลิศประเสริฐชาย
ช่วยชีวิตขนิษฐาของอาไว้                               ให้คืนได้ดวงสวาทเหมือนมาดหมาย
ไม่ลืมคุณหลานขวัญจนวันตาย                           พลางแนบกายกอดจูบลูบกุมาร
เอาเครื่องทรงสำอางอย่างกษัตริย์                      เพ็ชรรัตน์รจนามุกดาหาร
ทั้งเพ็ชรนิลจินดามาประทาน                             พระกุมารเมินหน้าแล้วว่าพลัน
อย่าว่าแต่แก้วแหวนแสนสมบัติ                           ถึงจะจัดเอาอะไรมาให้ฉัน
ไม่มุ่งมาดปรารถนาสาระพรรณ                               ข้ารักแต่แม่สุวรรณมาลี ฯ
     * พระอภัยสุริย์วงศ์ทรงพระสรวล                     แกล้งเสชวนอุศเรนอันเรือนศรี
อย่าตอบถ้อยถือความเลยตามที                          เชิญภูมีมาไปหาสุดาดวง ฯ
     * อุศเรนฟังว่าค่อยผาสุก                              เหมือนทิ้งทุกข์สักเท่าภูเขาหลวง
สั่งล้าต้าต้นหนคนทั้งปวง                                  ตามกระทรวงซ้ายขวาสิบห้าลำ
ทั้งลำทรงธงทองเป็นสองแถว                            เลิศแล้ววายหลังคาเลขาขำ
ทัศเกนเจนปืนยืนประจำ                                    เข้าเคียงลำกำปั่นใหญ่ดังใจจง
อุศเรนรื่นเริงบรรเทิงจิตต์                                    เข้าสถิตเตียงทองที่ห้องสรง
ไขสุหร่ายปรายลอองมาต้ององค์                           แล้วสอดทรงสนับเพลาเนาวรัตน์
ฉลององค์ทรงสวมกรวมสลับ                                ดุมประดับแต่ล้วนเพ็ชรเจ็ดกะหรัด
ปั้นเหน่งเนื่องเฟื่องกระหนกกระหนาบรัด                    แล้วทรงทัดพระมหามาลาระบาย
แซมดอกไม้ไหวสว่างหางการะเวก                         เป็นอย่างเอกอวดผู้หญิงหยิ่งใจหาย
ธำมรงค์ทรงหัตถ์จำรัสพราย                                 พระกรซ้ายเกี้ยวผ้าเช็ดหน้ากรอง
สอดเสน่าเหน็บตรีกระบี่ถือ                                   สนับมือสอดใส่ไว้ทั้งสอง
ส่านจุหรี่สีกุหร่าชั้นหน้าทอง                                 สอดฉลองพระบาทเพ็ชรเสด็จมา
ทหารปืนถือปืนยืนสองข้าง                                   ตามเยี่ยงอย่างยศศักดิ์คอยรักษา
แล้วเชิญพระอภัยให้ไคลคลา                                 มาเภตราลำใหญ่ดังใจปอง ฯ


     * ศรีสุวรรณนั้นมารับคำนับพี่                            แต่สุวรรณมาลีหนีเข้าห้อง
พระอภัยพี่ยาน้ำตานอง                                        ขึ้นแท่นทองที่นั่งทั้งอุศเรน
เหล่าโยธีศรีสุวรรณกับสินสมุทร                              ถืออาวุธพร้อมพรั่งทั้งดั้งเขน
พลฝรั่งลังกาพวกหัสเกน                                       ล้วนจัดเจนประจุปืนยืนระวัง ฯ
     * ศรีสุวรรณอัญชลีพระพี่เจ้า                             กำสรดเศร้าโศกคิดถึงความหลัง
จะกลั้นกลืนขืนใจก็ไม่ฟัง                                       พระชลไนยน์ไหลหลั่งพรั่งพราย
พลางประณตบทเรศร์พระเชษฐา                             น้องนึกว่าสิ้นบุญจะสูญหาย
เที่ยวติดตามถามข่าวก็เปล่าดาย                              หากหลานชายชี้แจงจึงแจ้งใจ
แล้วทูลถึงสามพราหมณ์ตามมาด้วย                          เป็นเพื่อม้วยมรณาจะหาไหน
พลางตรัสเรียกลูกน้อยกลอยฤทัย                             ไปกราบไหว้ให้ชิดพระบิตุลา ฯ
     * สงสารองค์พระอภัยวิไลยโฉม                          ลูบประโลมหลานน้อยละห้อยหา
อุ้มขึ้นวางกลางตักพิศพักตรา                                  พระชลนานองเนตรสังเวชใจ
จะเล่าความตามยากเมื่อจากน้อง                             ก็ขัดข้องเขาจะแจ้งแถลงไข
จึงว่าพี่นี้ก็แสนสลดใจ                                           หมายว่าไม่พบญาติแล้วชาตินี้
หากกุศลหนหลังเราทั้งสอง                                   ได้พบน้องนัดดามารศรี
ยังทุกข์หนึ่งถึงชนกชนนี                                       จะร้ายดีมิได้รู้ถึงหูเลย
พระร่ำพลางต่างองค์ทรงกรรแสง                              โอ้เสียแรงเกิดมานิจจาเอ๋ย
ไม่เคยยากกรากกรำต้องจำเคย                                เมื่อไรเลยจะพร้อมวงศ์พงศ์ประยูร
พระพี่น้องสององค์สอื้นไห้                                       ด้วยอาไลยไกลญาติเพียงขาดสูญ
ทั้งลูกน้อยนัดดาก็อาดูร                                         ต่างเพิ่มพูนโศกเศร้าไม่เบาบาง ฯ
     * อุศเรนร่ำปลอบให้ชอบจิตต์                             เห็นวายคิดขุ่นข้องที่หมองหมาง
จึงปราไสยไต่ถามเนื้อความพลาง                              เดี๋ยวนี้นางนุชน้องอยู่ห้องใด
พระโปรดด้วยช่วยบอกโฉมเฉลา                               ให้นงเยาว์รู้แจ้งแถลงไข
ว่าพระชนนีนาถจะขาดใจ                                        กรรแสงไห้โหยหาไม่ราวัน
จึงใช้ข้าพยายามตามแสวง                                     พระก็แจ้งความจริงทุกสิ่งสรรพ์
ช่วยเล้าโลมโฉมสุดาวิลาวรรณ                                 อย่าให้ขวัญเนตรหมางระคางใจ ฯ
     * สินสมุทรสุดเคืองชำเลืองค้อน                          แกล้งตัดรอนขวางความตามวิสัย
รำคาญหูจู้จี้นี่กระไร                                              เขาร้องไห้ไม่ทันหายวายน้ำตา
ขืนจะเฝ้าเร้ารบพบผู้หญิง                                       ขันจริงจริงใจฝรั่งชักหนักหนา
มิใช่การภารธุระพระบิดา                                         แม่ของข้าข้าไม่ให้ใครไปเลย ฯ
     * พระอภัยได้ฟังสินสมุทร                                   จึงว่าสุดเสน่หาบิดาเอ๋ย
อย่าว้าวุ่นหุนหันเช่นนั้นเลย                                     เหมือนทรามเชยช่วยธุระพระบิดา
อันองค์อุศเรนนี้อารีนัก                                           เธอผูกรักซื่อตรงเหมือนวงศา
พ่อโดยสารท่านก็รับลงเรือมา                                   จึงเห็นหน้าลูกน้อยกลอยฤไทย
ช่วยบอกความตามแต่แม่ของเจ้า                              น้ำใจเขาจะคิดเห็นเป็นไฉน
เธอเป็นคู่สู่ขออรไทย                                             มิใช่ใครนอกนั้นจะกั้นทาง ฯ
     * สินสมุทรสุดแค้นให้แน่นจิตต์                            ทั้งสุดคิดสาระพัดจะขัดขวาง
ลงจากแท่นแค้นใจร้องไห้พลาง                                 มาหานางนั่งสอื้นกลืนน้ำตา ฯ
     * นางสวมสอดกอดองค์โอรสไว้                           แล้วถามไต่ลูกน้อยละห้อยหา
เมื่อตะกี้ที่เขาตามบิดามา                                        เขาพูดจาว่ากระไรไปหรือยัง ฯ
     * สินสมุทรพูดจาประสาซื่อ                                  นั่นแลคือตัวความมาตามหลัง
พระรักเขาชาวลังกาหรือว่าชัง                                   อย่าปิดบังบอกความลูกตามจริง
เดี๋ยวนี้เล่าเขาจะรับไปอภิเษก                                   เป็นองค์เอกอิศราพระยาหญิง
เห็นรูปร่างข้างเขาก็เพราพริ้ง                                    จะต้องทิ้งลูกเสียแท้แล้วแม่คุณ ฯ
     * นางแกล้งว่าน่าเบื่อเหลือแล้วเจ้า                        อะไรเฝ้าโกรธเกรี้ยวทำเฉียวฉุน
ถึงสู่ขอก็มิใช่ได้เคยคุ้น                                           จะมาวุ่นว่าขานรำคาญใจ
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าจะให้แม่ไปหรือ                                   กลัวฝีมือเขากระมังนั่งร้องไห้
พระบิดาว่าขานประการใด                                        อย่าร่ำไรเลยช่วยแปลให้แม่ฟัง ฯ

อ่านต่อตอนที่ 2 https://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=1173