• เมื่อเจอเรื่องเครียด หดหู่ หรือเศร้าใจ พอได้พักใจ ทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น กินของอร่อย ออกกำลังกาย ดูซีรีส์ นอนพักผ่อน หรือมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น อาการจะค่อย ๆ หายไปเอง หรือรู้สึกดีขึ้นในทันที แต่ถ้าเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ว่าจะพักใจ พักผ่อน หรือมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น อารมณ์ก็จะยังจมดิ่งอยู่กับความเครียด ความเศร้าใจ บางคนอาจรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงอยากจะทำอะไรเลย และรู้สึกท้อแท้ร่วมด้วย ถ้ามีอารมณ์เช่นนี้ต่อเนื่องเกินกว่า 2 สัปดาห์ แสดงว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคซึมเศร้า
• ในวันที่เราเครียดหรือรู้สึกเศร้าจนไม่มีความสุข บางคนอาจขี้เกียจไปโรงเรียนหรืออยากจะนอนเปื่อยอยู่บนเตียงทั้งวัน แต่สมองและร่างกายจะสั่งให้เราลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ถ้าเป็นโรคซึมเศร้า มันจะไม่มีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาทำอะไรเลย แม้กระทั่งกินข้าวหรืออาบน้ำ
• ถ้าเจอกับสถานการณ์ที่ชวนให้อารมณ์เสีย ทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจ เราอาจจะหงุดหงิดหรือเครียด แต่ถ้าได้แก้ปัญหา หรือมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น อารมณ์ก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ถ้าเป็นโรคซึมเศร้า ถึงจะแก้ปัญหาได้ หรือมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น ก็จะยังคงรู้สึกไม่มีความสุข และจะคิดในแง่ลบซ้ำไปซ้ำมา เช่น ฉันนี่ซวยจริง ๆ หรือทั้งหมดเป็นความผิดของเราเอง
• เราต่างมีวันที่ดีและวันที่แย่ การพบเจอเรื่องหดหู่ เรื่องที่ทำให้เราเครียด บางครั้งมันอาจทำให้เรามองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวในแง่ลบ แต่มันจะไม่ทำให้เราเครียดจนคิดอยากตาย แต่ถ้าเป็นโรคซึมเศร้าจะจมดิ่งอยู่กับความคิดแง่ลบ รู้สึกเศร้า ทุกข์ทรมานในใจมาก ๆ และถ้าเป็นขั้นรุนแรงก็จะคิดถึงความตายได้
• ใน 2 อาทิตย์ที่ผ่านมารวมวันนี้ รู้สึกหดหู่ เศร้า หรือท้อแท้สิ้นหวัง หรือไม่
• ใน 2 อาทิตย์ที่ผ่านมารวมวันนี้ รู้สึกเบื่อ ทำอะไรก็ไม่เพลิดเพลิน หรือไม่
ถ้าตอบว่าใช่อย่างน้อย 1 ใน 2 ข้อนี้ แปลว่ามีแนวโน้มที่จะมีภาวะซึมเศร้า
บางคนอาจยังกังวลว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า ลองมาเช็กสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและอารมณ์ ถ้ามันเปลี่ยแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมากตาม 5 ข้อนี้ เราขอแนะนำให้รีบไปพบแพทย์น๊า
• อารมณ์เปลี่ยนแปลงไป - เศร้า หดหู่ สะเทือนใจง่าย อ่อนไหวกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ใจไม่สดใสเหมือนเดิม บางคนอาจรู้สึกเบื่อกับทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่เคยทำแล้วสนุกกลับรู้สึกไม่สนุกเหมือนเดิม บางคนอาจหงุดหงิดง่ายขึ้นหรือกลายเป็นคนอารมณ์ร้ายได้
• สมาธิและความจำแย่ลง - อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นคนขี้ลืม เริ่มเหม่อลอยมากขึ้น ทำอะไรได้ไม่นาน ไม่มีสมาธิเลย ดูซีรีส์ไม่รู้เรื่อง อ่านหนังสือไม่ได้เลย
• ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเปลี่ยนไป - ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม เริ่มเก็บตัว ไม่พูดจากับใคร บางคนกลายเป็นคนอ่อนไหวง่ายหรือหงุดหงิดง่ายกว่าเดิม เริ่มมีปากเสียงกับคนรอบข้างบ่อยขึ้น
• ความคิดเปลี่ยนไป - รู้สึกท้อแท้ หมดหวังกับชีวิต มองอะไรก็แย่ไปหมด รู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถ ไม่มีคุณค่า ไม่มีใครช่วยอะไรได้ บางคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลย และเริ่มคิดถึงเรื่องการตายมากขึ้น
• มีอาการทางกาย - รู้สึกอ่อนเพลีย นอนไม่เต็มอิ่ม หลับยากขึ้น รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลงมาหลายกิโลใน 1 เดือน อาจมีอาการท้องผูก และบางคนอาจมีอาการปวดหัวหรือปวดเมื่อยตามตัวด้วย
ความเครียดและความเศร้าเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เวลาที่เราเครียดหรือเศร้าแล้วได้พักกายพักใจสักหน่อย อารมณ์ก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น และลืมความเครียดความเศร้านั้นไปได้ แต่สำหรับคนที่เป็นโรคซึมเศร้า แม้จะได้นอนพักหรือมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมากมายแค่ไหน ใจก็จะยังจมดิ่งกับความเศร้าและรู้สึกว่าชีวิตไม่มีความสุขเลย สำหรับคนที่รู้สึกว่าตัวเองเครียดบ่อย บางครั้งก็รู้สึกเศร้าใจมากแบบไม่มีสาเหตุ จนกังวลว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า นอกจากลองเช็กสุขภาพใจเบื้องต้นตามที่เราบอกแล้ว ก็ขอแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพจิตด้วยน๊า
แหล่งข้อมูล
- แพทย์หญิงกุสุมาวดี คำเกลี้ยง. (2563). จะซึม จะเศร้า ก้าวผ่านได้. กรุงเทพฯ: เนชั่นบุ๊คส์
- หลินอวี๋เหิง และ ไป๋หลิน. (2562). ซึมเศร้า...เล่าได้. แปลจาก When Depressy Strikes Hold It Tight. แปลโดยอังค์วรา กุลวรรณวิิจิตร. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์