Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ก่อนซื้อต้องรู้ ! วิธีอ่านส่วนผสมสกินแคร์แบบพื้นฐาน ไม่ยากอย่างที่คิด

Posted By SK | 29 ก.ย. 63
2,452 Views

  Favorite

การตัดสินใจซื้อสกินแคร์สักชิ้น เราต้องรู้ว่าสกินแคร์ตัวนั้นช่วยบำรุงเรื่องอะไร มีส่วนผสมใดบ้าง ไม่ใช่แค่ฟังจากที่โฆษณาบอกเท่านั้น แต่เราควรจะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้วย ซึ่งการอ่านส่วนผสมของสกินแคร์ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เราสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่แก้ปัญหาได้ตรงจุดและเหมาะกับสภาพผิวของเรา

 

หลายคนคิดว่าการอ่านส่วนผสมสกินแคร์ดูเป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีแต่ชื่อสารภาษาอังกฤษ แถมยังเป็นศัพท์เฉพาะที่เราไม่รู้จัก พอเห็นภาษาอังกฤษยาวเป็นพรืดหลายบรรทัดก็เลยเลือกที่จะมองข้าม แต่นั่นอาจทำให้เราพลาดไปเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาผิวเราได้ ดังนั้นจึงอยากจะให้ทุกคนหันมาใส่ใจการอ่านส่วนผสมสกินแคร์ก่อนเลือกซื้อเพื่อประโยชน์ต่อตัวเราเอง โดยวันนี้เรามีวิธีการอ่านส่วนผสมสกินแคร์มาแนะนำ บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด ตามไปดูกันเลยค่ะ

 

1. ลิสต์ส่วนผสมสกินแคร์หาได้ที่ไหน

ชื่อส่วนผสมที่ใช้ในแต่ละผลิตภัณฑ์ส่วนมากจะแจ้งไว้บนตัวแพคเกจ กล่อง หรือกระดาษใบเล็ก ๆ ที่พับใส่ไว้ในกล่อง โดยมองหาคำว่า Ingredients เราก็จะเจอลิสต์ส่วนผสมต่าง ๆ

 

 

2. มองหาส่วนผสมที่เสี่ยงต่อการแพ้

แล้วส่วนผสมที่เสี่ยงต่อการแพ้มีอะไรบ้างล่ะ ? อันที่จริงสภาพผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนผิวแพ้ง่ายมาก บางคนไม่ค่อยแพ้อะไรเลย จึงทำให้ระบุชัดเจนอย่างละเอียดไม่ได้ว่ามีสารกี่ชนิดที่เสี่ยงต่อการแพ้ ซึ่งถ้าจะให้รู้แน่ชัดว่าเราแพ้สารอะไรบ้างควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจ แต่ก็จะมีสารที่เสี่ยงต่อการแพ้ที่พบเห็นได้ทั่วไปและควรหลีกเลี่ยง ยกตัวอย่าง เช่น  

SLS / Sodium Lauryl Sulfate 
Formaldehyde
Borates
Hydroquinone 
Paraben (สารกันเสีย)
Mineral Oil (น้ำมันแร่)
Artificial Color / Colorants (สีสังเคราะห์)
Mercury (สารปรอท)
Perfume/Fragrance (น้ำหอม)
Alcohol ได้แก่ Ethanol, Methanol, Denatured alcohol, SD alcohol, ethyl alcohol, benzyl alcohol, isopropyl alcohol 

 

3. ลำดับของส่วนผสม

ส่วนผสมที่ใส่มาในผลิตภัณฑ์จะเรียงจากมากไปน้อย โดยส่วนผสมที่อยู่ในลำดับต้น ๆ  5 อันดับแรก จะใส่มามากที่สุด แล้วค่อยลดมาตามลำดับ ซึ่งหมายความว่าถ้าเราหวังผลการบำรุงในด้านใดสามารถสังเกตส่วนผสมลำดับต้น ๆ ว่ามีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์หรือไม่ นอกจากส่วนผสม 5 อันดับแรกแล้วก็ต้องดูส่วนผสมอื่น ๆ ด้วยนะคะ อย่ามองข้ามเด็ดขาด โดยเฉพาะที่เขียนว่า and other ingredients ให้เราช่างใจไว้ก่อนเลย เพราะไม่รู้ว่าส่วนผสมเหล่านั้นคืออะไร 

 

4. ดูวันผลิตและวันหมดอายุ 

• MFG ย่อมาจากคำว่า Manufacturing date แปลว่าวันที่ผลิต
• EXP หรือ Exp. date ย่อมาจาก Expiration date แปลว่าวันหมดอายุ 

ควรสังเกตวันผลิตและวันหมดอายุ เพื่อจะได้รู้ว่าสินค้าชิ้นนั้นผลิตมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วใกล้หมดอายุหรือยัง เพราะบางสินค้าที่ผลิตมานานแล้วใกล้หมดอายุ (ถึงแม้ว่าจะยังไม่หมด) อาจเกิดการเสื่อมประสิทธิภาพได้ และอย่าลืมดูว่าเมื่อเปิดใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว สามารถใช้ได้ภายในกี่เดือน โดยจะมีสัญลักษณ์เป็นรูปกระปุกเปิดฝาพร้อมตัวเลขบอกไว้ เช่น 6M เปิดแล้วใช้ภายใน 6 เดือน 24M เปิดแล้วใช้ภายใน 2 ปี เป็นต้น 

 

 

5. หาข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมที่ไม่รู้จัก

แน่นอนว่าคนทั่วไปอย่างเราที่ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องส่วนผสมหรือชื่อสารต่าง ๆ คงไม่อาจรู้ทั้งหมดว่าสารแต่ละตัวคืออะไร ดังนั้นถ้าเห็วชื่อสารยาว ๆ แปลก ๆ ก็นำไปเสิร์ชหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ หรือจะใช้ตัวช่วยอย่างเว็บไซต์วิเคราะห์ส่วนผสมอย่าง skincarisma.com 

 

ไม่ยากเลยใช่ไหมคะกับการอ่านส่วนผสมสกินแคร์ขั้นพื้นฐาน...ถ้าเราใส่ใจในการอ่านส่วนผสมบวกกับหาความรู้เกี่ยวกับสารต่าง ๆ ควบคู่ไปด้วย รับรองว่าเราจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้เหมาะสม คุ้มค่ากับการจ่ายเงิน และหมดห่วงเรื่องการแพ้ผลิตภัณฑ์แน่นอน ยังไงลองนำวิธีดังกล่าวไปทำกันได้นะคะ 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • SK
  • 8 Followers
  • Follow