Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

รวมโรค 'ไวรัสร้ายในเด็กเล็ก' ที่ต้องระวัง

Posted By Plook Parenting | 20 ส.ค. 63
1,993 Views

  Favorite

เด็กเล็กยังมีภูมิคุ้มกันร่างกายค่อนข้างต่ำ ทำให้ติดเชื้อไวรัสจากกิจวัตรประจำวันได้ง่าย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรหาวิธีรับมือและป้องกันเชื้อไวรัสร้ายต่าง ๆ ให้ห่างไกลจากลูกมากที่สุด

 

หนึ่งในวายร้ายนำโรคภัยต่าง ๆ มาสู่ลูกคือ “เชื้อไวรัส” วันนี้เราจึงรวมโรค จากเชื้อไวรัสมาให้คุณพ่อคุณแม่ศึกษา และทำความเข้าใจ เพื่อจะได้เตรียมรับมือกับโรคเหล่านั้นได้อย่างถูกวิธี

 

ภาพ : Shutterstock

 

โรคอุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้า

ไวรัสโรต้า เป็นสาเหตุสำคัญของโรคอุจจาระร่วงหรือโรคท้องเสียในเด็กเล็ก กลุ่มเสี่ยงของโรคท้องร่วงจากไวรัสโรต้าอยู่ที่ช่วงอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 6-12 เดือน ต้องเฝ้าระวังมากที่สุดเพราะอยู่ในวัยชอบอมนิ้วมือหรือหยิบสิ่งของเข้าปาก

อาการ

มีไข้, ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ, กระหายน้ำ, ปากแห้ง, ปัสสาวะออกน้อยลง

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้า

ไวรัสโรต้า ... ต้นเหตุอาการท้องเสียของทารก

 

โรคอุจจาระร่วงจากเชื้อโนโรไวรัส

โนโรไวรัส เป็นอีกหนึ่งเชื้อไวรัสที่ส่งผลให้เด็กอุจจาระร่วง เด็ก ๆ มักได้รับเชื้อจากการสัมผัสสิ่งของหรืออาหารที่มีเชื้อโนโรไวรัสปนเปื้อน หรือได้รับจากพฤติกรรมทั่วไปของเกเมื่ออยู่ที่โรงเรียน

อาการ

ท้องเสีย, ปวดท้อง, อาเจียน, มีไข้ต่ำ, ปวดเมื่อยตามตัว

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อโนโรไวรัส

โนโรไวรัส โรคติดเชื้อที่ทำให้ลูกท้องเสียรุนเเรง

 

โรคติดเชื้อ RSV

โรคติดเชื้อ RSV เป็นโรคที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เชื้อโรคมักเจริญเติบโตได้ดีในช่วงที่มีอากาศชื้น โดยเฉพาะฤดูฝน มีระยะฟักตัวประมาณ 2 – 6 วัน พบมากในเด็กทารกจนถึงเด็กเล็ก

อาการ

คล้ายไข้หวัด คือ มีไข้, ไอ, มีน้ำมูกไหล, เจ็บคอ, หอบเหนื่อย

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคติดเชื้อ RSV

อาร์เอสวี (RSV) ไวรัสร้ายในเด็กเล็ก

 

โรคไข้เลือดออก

โรคไข้เลือดออกมีอยู่ 4 สายพันธุ์ มียุงลายบ้าน (Aedes Aegypti) ตัวเมียเป็นพาหะนำโรค การติดเชื้อจะเริ่มจากยุงลายกัดและดูดเลือดของผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้เลือดออกแล้วไปกัดคนอื่นต่อ ทำให้เชื้อไวรัสเดงกี่เข้าสู่ร่างกาย

อาการ

อาการของโรคไข้เลือดออก แบ่งเป็น 3 ระยะ โดยระยะแรกเด็ก ๆ อาจมีไข้สูงเฉียบพลัน ลักษณะเป็นไข้สูงลอยตลอดเวลา กินยาลดไข้ก็ไม่ลด อาจมีอาการหน้าแดงตาแดง และปวดเมื่อยตัวร่วมด้วย เมื่อผ่านไป 7 วันจะเข้าสู่ระยะที่ 2 คือไข้ลดแต่อาการทรุดหนัก มือเท้าเย็น และเริ่มไม่รู้สึกตัว แต่หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จะเข้าสู่ระยะที่ 3 คือ ระยะฟื้นตัว ซึ่งร่างกายจะค่อย ๆ ปรับเข้าสู่ภาวะปกติในที่สุด

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก

ไข้เลือดออก ... ภัยร้ายจากยุงลาย

รู้ทัน ป้องกัน “ไข้เลือดออก” นักฆ่าในหน้าฝน

 

โรคไข้หวัดใหญ่

เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แบ่งออกเป็นหลากหลายสายพันธุ์ มักแพร่กระจายได้ดีในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวที่อากาศเย็นและชื้น ติดต่อกันได้ผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะ

อาการ

มีไข้สูง, มีน้ำมูก, ไอ, ปวดกล้ามเนื้อ, หนาวสั่น

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่ ... ภัยร้ายใกล้ตัว

แพทย์เตือน ไข้หวัดใหญ่ในเด็กแพร่ระบาดช่วงเปิดเทอม

 

โรคหลอดลมอักเสบ

หลอดลมอักเสบ เป็นโรคที่พบมากหลังจากเด็กเป็นไข้หวัดใหญ่เป็นเวลานาน หากลูกไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี โรคหลอดลมอักเสบอาจลุกลามกลายเป็นโรคปอดอักเสบได้เลยทีเดียว

อาการ

มีน้ำมูกไหล, มีเสมหะสีเหลืองหรือเขียว, เด็กหายใจมีเสียง, หอบหรือหายใจผิดปกติ และไอเรื้อรังมากกว่า 7 วัน

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคหลอดลมอักเสบ

‘โรคหลอดลมอักเสบ’ โรคร้ายที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก

 

โรคปอดบวม

โรคปอดบวมเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ไมโครพาสมา เชื้อชนิดอื่น เช่น เชื้อรา ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นทางการสูดหายใจ และน้ำมูกน้ำลายจากผู้ป่วย พบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี

อาการ

อาการแรกเริ่มคล้ายไข้หวัด คือ มีไข้สูง, ไอ, มีเสมหะ, หายใจติดขัด, ซึม และเบื่ออาหาร

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคปอดบวม

โรคปอดบวมในเด็กเล็ก...อันตรายมากกว่าที่คิด

 

โรคเฮอร์แปงไจนา

เฮอร์แปงไจน่า (Herpangina) หรือโรคตุ่มแผลในปากเด็ก เป็นโรคที่ติดเชื้อจากไวรัสชนิดเดียวกันกับมือ เท้า ปาก แต่มีอาการที่แตกต่างกันคือจะมีแผลเฉพาะที่ปากเท่านั้น กลุ่มเสี่ยงของโรคเฮอร์แปงไจน่าส่วนมากจะเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 10 ขวบ

อาการ

มีไข้เฉียบพลัน, ปวดศีรษะ, ปวดตามตัว, เจ็บบริเวณเพดานปากหรือภายในลำคอ

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคเฮอร์แปงไจนา

เฮอร์แปงไจนา อีกหนึ่งโรคระบาดตระกูลมือ-เท้า-ปากในเด็ก

 

โรคต่อมทอนซิลอักเสบ

ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี เพราะเด็ก ๆ ยังไม่มีภูมิต้านทานที่แข็งแรงพอ ทั้งยังมักหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ ที่อาจไม่สะอาดและมีเชื้อโรคปะปน หรืออาจใกล้ชิดสัมผัสกับผู้ป่วยโดยไม่รู้ตัว

อาการ

มีอาการคล้ายเป็นหวัด คือ มีน้ำมูก, มีไข้, คัดจมูก, ครั่นเนื้อครั่นตัว, อาเจียน และอ่อนเพลีย

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคต่อมทอนซิลอักเสบ

สังเกตได้อย่างไรว่าลูกเป็น 'ต่อมทอนซิลอักเสบ' ในเด็ก

 

สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลูกห่างไกลจากโรคภัยต่าง ๆ คือให้ลูกเรียนรู้การสร้างสุขลักษณะที่ดี กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ นอกจากนี้ยังควรเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับลูกด้วยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย ดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอควบคู่กันไปด้วย

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Parenting
  • 8 Followers
  • Follow