เพราะเด็กยังไม่เข้าใจว่า ทำไมพวกเขาจะต้องใส่หน้ากาก ทำไมต้องคอยล้างมือ ทำไมต้องนั่งห่าง ๆ เพื่อน ทำไมถึงเล่นนั่น เล่นนี่ ไม่ได้ และอีกสารพันปัญหาที่น่าจะเกิดจากการต้องกลับไปเรียนหลังจากที่อยู่ติดบ้านมานาน คำถามคือ แล้วเราจะมีวิธีการช่วยเหลือเด็ก ๆ ในเรื่องนี้อย่างไร ให้การปรับตัวเป็นเรื่องง่ายขึ้น ครูพิมรวบรวมคำแนะนำต่าง ๆ มาไว้ในบทความนี้ให้แล้วค่ะ
วิธีการคือ พยายามบอกหรือพูดคุยให้เด็กทราบล่วงหน้า ว่าเขาจะต้องกลับไปเรียนเมื่อไหร่ ชวนพูดคุยถึงบรรยากาศความสนุกสนาน เพื่อน ๆ คุณครูที่โรงเรียน เพื่อให้เด็กเกิดความตื่นเต้น และอยากไปด้วยตนเองให้มากที่สุด
เนื่องจากการไปเรียนในปีการศึกษานี้ หรือน่าจะอีกพักใหญ่ เด็ก ๆ จะต้องดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นหลายอย่าง ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย การงดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น การหมั่นล้างมือ และการดูแลความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เด็ก ๆ ควรได้รับการฝึกฝนจนเกิดความคุ้นเคยตั้งแต่ที่บ้าน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่โรงเรียน เพราะเด็กอาจเกิดความเครียดอยู่แล้วจากการต้องแยกจากพ่อแม่อีกครั้ง จึงไม่ควรให้เกิดความหงุดหงิดรำคาญใจในเรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติมโดยไม่จำเป็นค่ะ
ใจหนึ่งก็อยากให้ลูกกลับไปเรียน แต่อีกใจก็กลัวจะเจ็บป่วยกลับมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พบได้หลาย ๆ บ้านค่ะ แต่ประเด็นก็คือ เราไม่ควรให้ความกลัวหรือความกังวลของเรา ไปตกอยู่ที่เด็กมากจนเกินไป จนทำให้เด็กเกิดภาวะวิตกกังวล จนไม่มีสมาธิกับการเรียนหรือการทำกิจกรรม
ข้อนี้เป็นคำแนะนำที่อาจจะไปปรับใช้ได้ตามสะดวกนะคะ ครูพิมคิดว่า การที่เราพาเด็ก ๆ ไปเที่ยว หรือสร้างความสนุกสนานมาก ๆ ก่อนที่จะเปิดเรียน จะเป็นการทำให้เด็กรู้สึกไม่อยากไปเรียน เพราะกำลังติดอยู่กับช่วงเวลาแห่งความสนุกนั่นเองค่ะ ดังนั้น เทคนิคง่าย ๆ ก็คือ ช่วงก่อนเปิดเรียนสัก 1 สัปดาห์ ควรจะให้เด็กได้พักและเตรียมตัว เพื่อให้เกิดความตื่นเต้น อยากไปเจอเพื่อน ๆ และลดความรู้สึกว่า ถูกโรงเรียนพรากความสนุกไปนั่นเองค่ะ
ครูพิม ณัฏฐณี สุขปรีดี
นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพเด็กเล็กและการเลี้ยงลูกเชิงบวก