Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

การทำงานของอุปกรณ์คุมกำเนิด

Posted By Plook Creator | 10 ก.ค. 63
6,706 Views

  Favorite

อุปกรณ์คุมกำเนิด (Contraceptives) ไม่ได้เป็นของใหม่ที่เพิ่งมีในยุคที่ประชากรล้นโลกแบบในปัจจุบัน มันมีมานานตั้งแต่ยุคกรีก อียิปต์ หรือแม้แต่จีนโบราณ และวิธีการคุมกำเนิดก็ไม่ได้แตกต่างจากปัจจุบันมากนัก

 

การคุมกำเนิดในปัจจุบันโดยการใช้ถุงยาง ก็เป็นเพียงการดัดแปลงมาจากวิธีการใช้ลำไส้สัตว์หรือใช้ผ้าลินินซึ่งเคยถูกใช้กันมาในอดีต เพราะตอนนี้เรารู้จักการนำยางพารามาผลิต หรือแม้แต่ยาฆ่าเชื้อแบบยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่สอดเข้าช่องคลอดหลังเสร็จภารกิจ ก็ใช้คุณสมบัติเดียวกันกับสิ่งที่คนโบราณเคยทำในอดีตอย่างการใช้น้ำมะนาว เนื่องจากน้ำมะนาวมีกรดซิตริกและมันฆ่าเชื้ออสุจิได้ดีแม้จะไม่ 100% ก็ตาม 

ภาพ : Shutterstock

 

ก่อนจะลงไปลึกกว่านี้ อาจจะต้องย้อนกลับมาถึงที่เป้าหมายของการมีเพศสัมพันธุ์ นั่นคือ การสืบพันธุ์ และมันจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการปฏิสนธิ ก่อนที่ตัวอ่อนจะพัฒนา และถือกำเนิดขึ้นมา ประชากรก็จะเพิ่มขึ้น หรือเรียกว่า มีทายาทสืบสกุล การคุมกำเนิดจึงเป็นการขัดขวางไม่ให้เกิดการปฏิสนธิโดยไม่ตั้งใจ นั่นคือการป้องกันไม่ให้เซลล์อสุจิจากเพศชายเข้ารวมกับเซลล์ไข่ของเพศหญิง วิธีการขัดขวางก็มีหลากหลาย แล้วแต่พัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นมา โดยสามารถแบ่งตามวิธีการทำงานได้ 3 รูปแบบพื้นฐาน ได้แก่ 

 

1) ขัดขวางการเดินทางของอสุจิ 

วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เป็นการปิดกั้นหรือขัดขวางการเดินทางของอสุจิ แบบเดียวกับการใช้ผ้าลินิน ลำไส้สัตว์ หรือถุงยางอนามัยในปัจจุบัน ไม่ต้องมีการใช้สารเคมีให้ยุ่งยาก และการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีก็เป็นการคุมกำเนิดที่แทบจะ 100% การใช้ถุงยางอนามัยนอกจากจะป้องกันการปฏิสนธิได้แล้ว ยังสามารถป้องกันโรคที่อาจจะเกิดจากเพศสัมพันธ์ได้ด้วย 

ภาพ : Shutterstock

 

2) ทำให้อสุจิหมดประสิทธิภาพก่อนจะเดินทางไปถึงมดลูกแล้วมีโอกาสเข้าผสมกับไข่ 

Spermicide เป็นการฆ่าหรือการทำให้อสุจิหมดสภาพก่อนที่จะมีโอกาสผสมกับไข่ โดยการใช้สารเคมีชนิดต่าง ๆ เพื่อให้อสุจิไม่สามารถเคลื่อนที่ได้หรือทำให้ตายไป โดยวิธีดั้งเดิมเหมือนที่ยกตัวอย่างมาก่อนหน้า คือ การใช้น้ำมะนาว เป็นต้น ปัจจุบันนี้การใช้สารเคมีเพื่อทำลายอสุจิมีหลากหลายชนิดและรูปแบบ สารที่นิยมมากที่สุดคือ Nonoxynol-9 ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ มีผลิตภัณฑ์ออกมาหลากหลายรูปแบบโดยมุ่งเน้นใช้กับฝ่ายหญิง มีทั้งแบบยาเหน็บ ครีม เจล โฟม หรือแม้แต่แบบเคลือบมากับถุงยาง เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของการคุมกำเนิด 

ภาพ : Shutterstock

 

3) การขัดขวางการตกไข่ 

วิธีสุดท้ายนี้เป็นการใช้สารเคมีที่มุ่งเน้นยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ไข่และการตกของไข่ สารเคมีในที่นี้อาจจะเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่มาในรูปแบบเม็ด แผ่นปิด การฉีด หรือห่วงซึ่งจะปล่อยส่วนผสมของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนสังเคราะห์ออกมา ทำให้ไข่ไม่พัฒนาไปถึงขั้นที่พร้อมจะตกออกจากรังไข่ รวมถึงบางส่วนผสมจะไปกระตุ้นให้เยื่อบุมดลูกหนาขึ้น ทำให้อสุจิยากที่จะเคลื่อนตัวผ่านอีกด้วย 

ภาพ : Shutterstock

 

การคุมกำเนิดรูปแบบอื่น ๆ อาจใช้รูปแบบพื้นฐานหลายแบบร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน 

 

การเลือกใช้งานวิธีการคุมกำเนิดแบบต่าง ๆ นอกจากเราจะพิจารณาวิธีการใช้งานแล้ว ยังต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพและผลข้างเคียงด้วย ยกตัวอย่างเช่น แม้ว่าถุงยางอนามัยจะสามารถคุมกำเนิดได้ถึง 98% หากใช้อย่างถูกต้องในทางทฤษฎี แต่ความเป็นจริงพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วจะได้ผลเพียง 82% วิธีอื่น ๆ ก็เช่นกัน ผลข้างเคียงจากการใช้การคุมกำเนิดแบบต่าง ๆ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับผู้หญิง เนื่องจากการคุมกำเนิดซึ่งใช้กับผู้หญิงมักเกี่ยวพันกับการใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์และสารเคมี ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงอย่าง ความดันเลือดสูงขึ้น ปวดหัว อารมณ์แปรปรวน การอักเสบติดเชื้อ การปวดประจำเดือนรุนแรงมากขึ้น และตกขาว เป็นต้น ซึ่งทำให้การคุมกำเนิดในหญิงจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำ การปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และหากจุดประสงค์ของการคุมกำเนิดของคุณคือการคุมกำเนิดแบบถาวร การเลือกที่จะทำหมันถาวรอาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่า

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Creator
  • 15 Followers
  • Follow