หลายคนคงจำกันได้ สำหรับคลิป TikTok วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่โดนทัวร์ลง จากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์อัดคลิปล้อประจำเดือนเลอะกระโปรงของคนอื่น จนต้องอัดคลิปขอโทษ ซึ่งได้กลายเป็นข่าวดังชั่วข้ามคืนเพราะไม่เหมาะสม 

วัยรุ่นยุคนี้เติบโตมากับโลกอินเทอร์เน็ต แต่ถ้าถามถึงความรู้ ความเข้าใจที่จะใช้มันได้อย่างเหมาะสม บางคนอาจจะยังไม่เก็ท หรือยังไม่รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ขอบเขตอยู่ตรงไหนในการใช้โซเชียลให้สร้างสรรค์ ไม่ทำร้ายคนอื่น วันนี้เรามาเรียนรู้สิ่งที่ไม่ควรทำในการเล่นโซเชียลที่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและคนอื่นกัน

*ทัวร์ลง แปลว่า โดนคนส่วนมากคอมเมนต์ต่อว่าหลังจากทำบางอย่างที่ไม่ดี เช่น ทัวร์ลงหนักมาก แปลว่าโดนคนเข้ามาติเยอะมาก ๆ    

ล้อเลียน บูลลี่ ทำให้คนอื่นเป็นตัวตลก

คือการ make fun ใส่คนอื่น ทำให้เขาเป็นตัวโจ๊ก ตัวตลก ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ยินยอม หรือไม่ได้รู้จักเราเป็นการส่วนตัว การทำแบบนี้เขาสามารถเอาผิดหรือเรียกค่าเสียหายจากเราได้ เพราะทำให้เขาเสียหาย และมันก็ไม่ตลกเลยที่จะไปทำให้คนอื่นเป็นตัวตลกทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักกัน หรือแม้จะรู้จักกันก็ตาม ถ้าหากเขาไม่ยินยอมที่จะอยู่ในรูป วิดีโอ หรือโพสต์ของเรา เราก็ต้องลบทันที  

ไลฟ์สดติดคนอื่น

การไลฟ์สดก็ควรระวังที่จะถ่ายติดคนอื่น เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะอยากอยู่ในไลฟ์ของเรา หรือโดนเราถ่ายรูปติดไปทั้งที่ไม่ยินยอม โดยเฉพาะถ้าเราตั้งใจไลฟ์สดให้เห็นคนอื่นโดยเจตนา ไม่ว่าจะไปในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม ถ้าเจ้าตัวเขาไม่รู้ตัวและมาเห็นทีหลัง เขาก็สามารถเอาผิดเราได้ข้อหาละเมิดความเป็นส่วนตัว     

แชร์เรื่องพิศดาร ไม่น่าเชื่อถือ

แชร์สิ่งที่ไม่มีข้อพิสูจน์มาก่อน ไม่มีการรับรองจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ขาดวิจารณญาณเพียงเพราะทำแล้วจะได้ยอดไลก์ ยอดแชร์ หรือคนเข้ามาดูเยอะ ๆ เพราะผลเสียก็คือ อาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด หรือเอาไปทำตามโดยเฉพาะเด็ก ๆ เช่น กรณีกินโรตีดิบ กินเนื้อหมูดิบ ฉี่บนรถไฟฟ้า ฝ่าฝืนข้อห้ามตามอุทยานหรือสถานที่ต่าง ๆ เป็นต้น ร้อยทั้งร้อยเมื่อแชร์ออกไป ทัวร์ลงแน่นอน

โพสต์กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

เราอาจจะคิดว่ามันเท่ เจ๋ง ทำแล้วจะได้รับการยอมรับ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อย่างเช่น โพสต์รูปตัวเองกับแอลกอฮอล์ บุหรี่ อยู่ในสถานบันเทิง รูปทดลองเสพสารเสพติด ภาพอาวุธ การต่อสู้ ภาพที่สะเทือนอารมณ์ ความรุนแรง ภาพอุบัติเหตุ ฯลฯ ถึงแม้ว่าเราจะตั้งค่าโพสต์ไว้ให้เห็นแค่เพื่อนของเรา แต่เพื่อนหรือคนรู้จักก็สามารถเซฟภาพหรือดาวน์โหลดวิดีโอไปเผยแพร่ต่อได้ ซึ่งมันอาจสร้างความเสียหาย เช่น ถูกไล่ออกจากสถานศึกษา หรือถูกดำเนินการทางกฎหมาย   

การโกหกหรือขโมยรูปคนอื่น

วัยรุ่นบางคนชอบขโมยรูปคนอื่นมาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ของตัวเอง หรือก๊อบปี้สเตตัส ก๊อบปี้บทความของคนอื่นมาเป็นของตัวเองโดยไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งการกระทำเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องโกหกเข้าขั้นขโมย ถ้าเจ้าของตัวจริงเขารู้ เขาสามารถเอาเรื่อง เรียกค่าเสียหายจากเราได้ เพราะถือเป็นการแอบอ้าง สวมรอยเป็นคนอื่น ซึ่งเราอาจจะทำไปโดยไม่รู้หรือนึกสนุก แต่มันไม่ใช่เรื่องดีเลย

โพสต์โจมตีคนอื่นในทางเสียหาย

เช่น ‘แจมห้อง 4 ระวังตัวไว้ให้ดี ถ้ากูเห็นมึงเมื่อไหร่ รับรองเจอดี’ หรือ ‘แอปเปิ้ลอีลูกเมียน้อย’ การโพสต์โจมตี ด่า ข่มขู่คนอื่นโดยทำให้เขาเสียหาย รู้สึกตกอยู่ในอันตรายด้วยถ้อยคำหยาบคาย รุนแรง สำหรับคนที่เราไม่ชอบขี้หน้าจะด้วยเหตุผลส่วนตัว หรืออะไรก็ตามแต่ ทางกฎหมายถือว่าเป็นการข่มขู่ทำร้ายร่างกาย เราอาจจะคิดว่าทำไปเพื่อความสะใจ หรือแค่ระบายความแค้นในโซเชียล ไม่ได้คิดจะทำจริง ๆ หรอก แต่อาจเจอทัวร์ลงเป็นตำรวจมาเคาะที่หน้าประตูบ้าน เพราะคนที่เราไปโจมตีเขาแจ้งตำรวจได้นะ

ทางที่ดีควรเรียนรู้การใช้โซเชียลอย่างสร้างสรรค์ ไม่สร้างความเสียหายให้กับตัวเองและคนอื่น เพราะหากทำแล้วโดนทัวร์ลง ในอนาคตเมื่อเราต้องสมัครงาน บริษัทอาจจะสืบประวัติและเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่เราทำไว้ก็ได้ เพราะอะไรที่โพสต์ลงในโซเชียล มันก็จะอยู่ในนั้นตลอดไป ลบไม่ได้หรอกนะ

แหล่งข้อมูล
12 Things Students Should Never Do on Social Media