Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ที่มาของคาถา พุทโธ โลเก อุปันโน

Posted By มหัทธโน | 05 ก.ค. 63
9,491 Views

  Favorite

ที่มาของคาถา พุทโธ โลเก อุปันโน ที่มักได้ยินกัน ในพิธีหล่อพระพุทธรูป

Source : ดาวแม่ไก่

 

ความหมายของคาถา 

พุทโธ โลเก อุปปันโน แปลว่า พระพุทธเจ้า อุบัติขึ้นแล้วในโลก 

ธัมโธ โลเก อุปปันโน แปลว่า พระธรรม อุบัติขึ้นแล้วในโลก 

สังโฆ โลเก อุปปันโน แปลว่า พระสงฆ์ อุบัติขึ้นแล้วในโลก 

 

เป็นคำกล่าวของคาถาที่มักได้ยินเวลาหล่อพระพุทธรูป เนื่องจาก ในสมัยพุทธกาล มีพ่อค้าที่กล่าวบอกเล่าคำนี้ให้พระมหากัปปินะ พระราชาและพระราชินีฟัง จนได้รับทรัพย์สินมากมาย เป็นรางวัลตอบแทน จึงมีความเชื่อด้านหนึ่งว่า เป็นคำมิ่งมงคล ที่ช่วยให้อุดมทรัพย์ และเป็นการแสดงความศรัทธา ปิติยินดีต่อการอุบัติของพระรัตนตรัย 
 

ที่มาของคาถา 

ประวัติของ พระมหากัปปินเถระ เอตทัคคะ : เป็นเลิศในทางการสอนภิกษุนั้นเอง

เดิมชื่อว่า “กัปปินะ”เป็นกษัตริย์ หลังจากท่านได้ครองราชสมบัติ ในเมืองกุกกุฎวดี ในปัจจันตประเทศ จึงได้พระนามเพิ่มใหม่ว่า “มหากัปปินะ” ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า “อโนชา”ซึ่งเป็นพระธิดาของกษัตริย์สาคละ แห่งแคว้นมัททะ


พระเจ้ามหากัปปินะ มีพระราชหฤทัยใฝ่ต่อการศึกษาแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะทรงฝักใฝ่ในการออกบวชเพื่อการบรรลุมรรคผลนิพพานอันเป็นคุณธรรมเบื้องสูง
ทุก ๆ วันพระองค์จะส่งอำมาตย์ออกไปสืบข่าวจากทิศทั้ง 4 ว่ามีข่าวเกี่ยวกับพระรัตนตรัยหรือไม่ อำมาตย์เหล่านั้นออกจากพระนครไปไกล ๒-๓ โยชน์ทุกวัน ค่ำแล้วก็
กลับมารายงานข่าวให้ทรงทราบ

 

ทรงทราบข่าวพระรีตนตรัยเกิดขึ้นในโลก

วันหนึ่ง พระองค์เสด็จประพาสราชอุทยานพร้อมด้วยอำมาตย์ และข้าราชบริพาร 1,000 คน ได้พบพ่อค้าที่เดินทางมาจากเมืองสาวัตถี ครั้นเมื่อพ่อค้าได้กราบทูลว่า:-

“ขอเดชะ ข่าวอื่นไม่มี แต่ในเมืองสาวัตถีนั้น บัดนี้ มี

พุทโธ โลเก อุปปันโน แปลว่า พระพุทธเจ้า อุบัติขึ้นแล้วในโลก 

ธัมโธ โลเก อุปปันโน แปลว่า พระธรรม อุบัติขึ้นแล้วในโลก 

สังโฆ โลเก อุปปันโน แปลว่า พระสงฆ์ อุบัติขึ้นแล้วในโลก

พระเจ้าข้า”

 

พระเจ้ามหากัปปินะ พอได้สดับคำว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เท่านั้น ทั่วทั้งพระวรกายถูกปีติโสมนัสเข้าครอบงำอย่างท่วมท้น จนหลงลืมพระสติไปชั่วขณะ พอสติสัมปป

ชัญญะ กลับคืนมาแล้ว พระองค์ได้ตรัสถามซ้ำอีกถึง ๓ ครั้ง บรรดาพ่อค้ากราบทูลยืนยันเช่นเดิม จึงรับสั่งให้อำมาตย์เขียนพระราชสาสน์ ถึงพระชายา รับสั่งให้พระราชทานรางวัลแก่พ่อค้า จำนวน ๓ แสนกหาปณะ และขอสละราชสมบัติให้พระชายารับครอบครองสืบต่อไป ส่วนพระองค์เองพร้อมด้วยอำมาตย์ผู้ใกล้ชิดเหล่านี้ จะขอออกบวชอุทิศเฉพาะแต่

พระผู้มีพระภาค ดังนี้แล้ว มอบพระราชสาสน์นั้นให้พ่อค้านำไปถวายแด่พระชายา แม้อำมาตย์เหล่านั้นก็เขียนจดหมายถึงภรรยาของตน ๆ ดุจเดียวกัน จากนั้นได้ติดตามพระมหากัปปินะ ออกจากพระราชอุทยานมุ่งสู่พระนครสาวัตถี

 

เสด็จออกผนวชพร้อมด้วยอำมาตย์

เส้นทางเสด็จของพระเจ้ามหากัปปินะนั้น เต็มไปด้วยความยากลำบากทุรกันดารผ่านทั้งป่าและภูเขา โดยเฉพาะมีแม่น้ำใหญ่ ๓ สาย คือ แม่น้ำอารวปัจฉา แม่น้ำนีลวาหนา และแม่น้ำจั

นทภคา ขวางหน้าอยู่ ซึ่งแต่ละสายนั้น ทั้งกว้างและลึกมาก 

 

พระเจ้ามหากัปปินะ ทรงมีพระดำริว่า

“ถ้าจะรอเวลาหาเรือหรือแพก็จะทำให้ล่าช้า เพราะความเกิดนำไปสู่ความแก่ ความแก่นำไปสู่ความเจ็บและความเจ็บนำไปสู่ความตาย ทุกลมหายใจเข้าออกย่อมนำไปสู่ความแก่และความตายทั้งนั้น เราไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร ดังนั้นเราออกบวชเพื่ออุทิศต่อพระรัตนตรัย

 

ด้วยอานุภาพแห่งรัตนตรัยนั้น ขอให้น้ำนี้จงอย่าได้เป็นเหมือนน้ำเลย”

 

ครั้นทรงมีพระดำริดังนี้แล้ว ทรงระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย มีพุทธานุสติเป็นต้น แล้ว เสด็จลงสู่แม่น้ำพร้อมทั้ง บริวาร ๑,๐๐๐ คน ม้าทั้งหลายวิ่งไปบนผิวน้ำเหมือนกับวิ่งบน

แผ่นดิน แม้แต่ปลายกีบม้าก็ไม่เปียกเลยสักนิดเดียว (บ้างว่า เป็นน้ำแข็ง) 

 

พระพุทธองค์ทรงรับเสด็จ

เวลาใกล้รุ่งของราตรีนั้น พระบรมศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลก ได้ทอดพระเนตรเห็น พระเจ้ามหากัปปินะ พร้อมทั้งบริวาร ผู้ทรงสละราชสมบัติ ออกผนวชอุทิศเฉพาะพระรัตนตรัย

ท้าวเธอพร้อมทั้งบริวารจักบรรลุพระอรหัตผลพร้อมทั้งปฏิสัมภิทาทั้งหลาย

 

สมควรที่ที่เราตถาคต จักกระทำการต้อนรับเสด็จครั้นแล้ว พระพุทธองค์ทรงบาตรและจีวร เสด็จออกต้อนรับสิ้นระยะทาง ๑๒๐ โยชน์ ประหนึ่งว่าพระเจ้าจักรพรรดิ ทรงต้อนรับกำนันนายบ้าน ฉะนั้น ได้ประทับเปล่งพระรัศมีภายใต้ร่มต้นนิโครธ ณ ริมฝั่งแม่น้ำจันทภาคา

 

พระเจ้ามหากัปปินะ ได้ทอดพระเนตรเห็นพระรัศมีนั้นแล้ว ทรงพระดำริว่า

“แสงสว่างนี้ ไม่ใช่แสงจันทร์ แสงอาทิตย์ หรือแสงสว่างจากเทวดาตนใดตนหนึ่ง จักต้องเป็นแสงสว่างแห่งพระบรมศาสดาอย่างแน่นอน”

เมื่อทรงพระดำริดังนี้แล้ว เสด็จลงจากหลังม้าพร้อมทั้งบริวาร เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าตามสายแห่งพระรัศมีนั้น ถวายบังคมแล้วประทับนั่ง ณ ที่สม

ควรส่วนข้างหนึ่ง

 

พระพุทธองค์ทรงแสดงอนุปุพพิกถาให้สดับจบลงแล้ว พระราชาพร้อมทั้งบริวารได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้วกราบทูลขออุปสมบท

พระพุทธองค์ได้ประทานด้วยวิธี เอหิภิกขุ

อุปสัมปทา

 

พระราชเทวีและภรรยาอำมาตย์ออกบวช

พระนางอโนชาเทวี ได้รับข่าวสารจากพ่อค้าเหล่านั้น ตรัสซักถาม ได้ทราบความแน่ชัดทุกประการแล้ว เกิดศรัทธาอย่างแรงกล้าเช่นกัน ให้รางวัลแก่พ่อค้าเหล่านั้นแล้ว ชักชวนภรรยา

อำมาตย์ทุกคนเสด็จออกบวช โดยทำนองเดียวกันกับพระราชสามี

 

พระพุทธองค์ทรงรับเสด็จดุจเดียวกันกับพระเจ้ามหากัปปินะ และทรงบันดาลฤทธิ์มิให้สามีภรรยาเหล่านั้นเห็นกัน เพื่อมิให้ เป็นอันตรายต่อการฟังธรรม

 

เมื่อพระนางเสด็จมาถึงแล้วได้กราบทูลถามถึงพระราชสามีและหมู่อำมาตย์ พระบรมศาสดารับสั่งให้ประทับนั่งลงก่อนแล้วจะได้พบกัน ณ ที่นี้ เมื่อพระราชเทวีและหญิง

เหล่านั้นประทับนั่งเรียบร้อยแล้ว พระพุทธองค์ทรงแสดงอนุปุพพิกถาให้สดับ เมื่อจบธรรมกถา พระราชเทวีและหญิงเหล่านั้นได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน

 

ส่วนพระเจ้ามหากัปปินะ และภิกษุบริวารเหล่านั้น ซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยได้บรรลุพระอรหัตผลด้วยกันทั้งหมด

 

จากนั้น พระพุทธองค์จึงทรงคลายฤทธิ์ให้พระราชเทวีเห็นพระราชสามี

 

 และหญิงเหล่านั้นเห็นสามีของตน ๆ แล้วกราบทูลขอบรรพชาอุปสมบท พระพุทธองค์รับสั่งให้ไปอุปสมบทในสำนักของนางภิกษุณีที่เมืองสาวัตถี

และพระพุทธองค์ก็ทรงพาภิกษุเหล่านั้นเสด็จสู่กรุงสาวัตถี

 

สุขหนอ สุขหนอ -- พระเจ้ามหากัปปินะเปล่งอุทาน

พระเจ้ามหากัปปินะนั้น ไม่ว่าท่านจะอยู่ในที่พักหรือที่ใดก็ตามท่านมักจะเปล่งอุทานว่า “สุขหนอ สุขหนอ” อยู่เสมอ

 

ภิกษุทั้งหลายคิดว่าท่านยังรำลึกถึงความสุขในราชสมบัติอยู่ จึงพากันไปกราบทูลพระบรมศาสดา พระพุทธองค์แม้ทรงทราบแล้ว แต่ก็รับสั่งให้พระเจ้ามหากัปปินะเข้าเฝ้าแล้วตรัสถามเหตุแห่งการเปล่งอุทานให้ได้ยินกันทั่ว ณ ที่นั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ พระเจ้ามหากัปปินะได้คลายความสงสัยด้วยพระองค์เอง แล้วตรัสว่า:-

“ภิกษุทั้งหลาย พระมหากัปปินะบุตรของเรานี้ เปล่งอุทานอย่างนั้นเพราะปรารภอมต มหานิพพาน เป็นการเปล่งเพราะความเอิบอิ่มในธรรม”

 

พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทางผู้ให้โอวาทภิกษุ

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • มหัทธโน
  • 4 Followers
  • Follow