ในปัจจุบันนั้นสถิติการเกิดความเครียดในเด็กคิดเป็นร้อยละ 30 คือในเด็กร้อยคนจะเป็นเด็กที่มีความเครียดถึง 30 คนเลยทีเดียว ความเครียดที่มากเกินไปอาจส่งผลที่ร้ายแรง และนำพาลูกไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าได้
เพราะความรักที่มากเกินไป จนทำให้พ่อแม่หลายคนอยากให้ลูกเป็นเด็กที่โดดเด่น เป็นคนเก่ง และเป็นที่ยอมรับจากผู้อื่น หลายครอบครัวเลือกที่จะพาลูกไปเรียน หรือไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อหวังว่าจะช่วยให้ลูกมีความสามารถพิเศษที่มากขึ้น โดยไม่คำนึงว่าลูกชอบ หรืออยากทำกิจกรรมเหล่านี้หรือไม่ ดังนั้นหากพ่อแม่อยากให้ลูกเป็นเด็กที่เก่ง และมีความสุขด้วยนั้น ควรสนับสนุนให้ลูกได้เลือกเรียน หรือทำกิจกรรมในสิ่งที่เขาชอบ เพื่อพัฒนาศักยภาพของลูกได้อย่างเต็มที่
ในชีวิตของคนเป็นพ่อแม่นั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่ย่อมมีความคาดหวังในตัวลูก อยากให้ลูกเติบโตเป็นคนเก่ง คนดี คนที่ประสบความสำเร็จ แต่...ในความคาดหวังนั้น พ่อแม่จะต้องตระหนักไว้ว่า ลูกมีชีวิตจิตใจ ลูกมีความคิดและอยากที่จะทำอะไรที่ตนเองต้องการเช่นกัน ดังนั้นพ่อแม่จึงควรพูดคุยและทำความเข้าใจกับลูก เพื่อสร้างแนวทางและปูพื้นฐานความสำเร็จให้ลูกไปในทิศทางเดียวกัน
อารมณ์ของพ่อแม่นั้น ส่งผลโดยตรงต่อลูก หากพ่อแม่เป็นคนใจร้อน ขี้โมโห ลูกก็จะซึมซับอารมณ์ และบุคคลิกแบบนั้นของพ่อแม่ไปด้วย ลูกจะกลายเป็นเด็กขี้โวยวาย อารมณ์หงุดหงิดง่าย มีปัญหาในเรื่องของการเข้ากลุ่ม และใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ยาก ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไข ลูกจะกลายเป็นเด็กที่มีความเครียดสะสม มีบุคคลิกเก็บตัว และไม่มีความสุขเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น
เพราะความรักและความอบอุ่นในครอบครัว คือ สิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างพลัง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูก หากครอบครัวไม่เคยแสดงความรักต่อกัน ทะเลาเบาะแว้งกันเป็นประจำ ก็จะทำให้ลูกมีความรู้สึกไม่มั่นคง และเติบโตเป็นคนที่ขาดความมั่นใจ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นในชีวิต ลูกอาจมีความเครียดมากกว่าปกติ เพราะรู้สึกว่าตนเองไม่มีใคร ขาดคนให้คำปรึกษา ขาดคนให้กำลังใจ
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.