ตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งปีที่ผ่านมา Covid-19 แสดงให้เห็นแล้วว่า โรคระบาดนั้นก่อให้เกิดความสูญเสียและความเสียหายได้มากขนาดไหน จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกขณะ จำนวนผู้เสียชีวิตที่เกือบเท่ากับการสูญเสียจากสงคราม และความเสียหายทางธุรกิจที่ต้องหยุดชะงักเนื่องจากภัยโรคระบาด ด้วยผลกระทบเหล่านี้เองทำให้หลายประเทศต่างต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะดีขึ้นหรือกลับมาเป็นปกติได้เมื่อไหร่

เมื่อ Covid-19 กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลกระทบอย่างมากกับการดำเนินชีวิตตามปกติของเรา ดังนั้นเราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตไปในวิถีทางใหม่ หรือที่เรียกว่า New Normal เพื่อให้สามารถอยู่รอดท่ามกลางวิกฤตการระบาดของโรค Covid-19 นี้ให้ได้ และอาจกลายเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตใหม่ เพื่อรับมือกับภัยโรคระบาดที่อาจจะอุบัติขึ้นมาอีกในอนาคต

สำหรับโรงเรียน ถ้าสมมุติว่าต้องเปิดภาคเรียนตามระยะเวลาที่กำหนด ต่อไปนี้คือสิ่งที่น่าเป็นวิถีชีวิตใหม่ ที่นักเรียนต้องปฏิบัติเมื่อมาโรงเรียน เพื่อหลีกเลี่ยงจากการติดเชื้อจากการระบาดของโรค Covid-19 ที่อาจมีแนวโน้มที่จะระบาดในระลอกสองได้ ถ้าระบบจัดการได้ไม่ดี ซึ่ง New Normal ของนักเรียน หรือแม้แต่บุคลากรต่าง ๆ ในโรงเรียนนั้นมีดังนี้ 

เผื่อเวลามาโรงเรียนสำหรับการคัดกรอกด้านสุขภาพ

สำหรับการเปิดภาคเรียนใหม่นี้ การคัดกรอกด้านสุขภาพ เช่น การวัดไข้ หรือ ซักประวัติ คือสิ่งสำคัญที่ทุกโรงเรียนจะต้องมีการดำเนินการอย่างเหมาะสมและปลอดภัย ซึ่งการคัดกรอกนั้นอาจจำเป็นต้องใช้เวลามาก ดังนั้นนักเรียนจึงควรที่จะมาโรงเรียนให้เร็วขึ้น เพื่อเผื่อเวลาในการคัดกรอก และลดความแออัด

ส่วมใส่หน้ากากอนามัยหรือ Face Shield ตลอดเวลา

การส่วมใส่หน้ากากอนามัยหรือ Face Shield นั้นได้รับการยอมรับแล้วว่า ช่วยลดอัตราการติดเชื้อที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้ ซึ่งโรค Covid-19 นั้น ถือเป็นโรคที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจประเภทหนึ่ง ดังนั้น ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงเรียน นักเรียนรวมถึงบุคลากรต่าง ๆ ในโรงเรียนจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือ Face Shield ตลอดเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสในการติดเชื้อ

งดการสัมผัสและอยู่ห่างจากบุคคลอื่นอย่างน้อย 3 ฟุต

Social Distancing คือการเว้นระยะห่างทางสังคมที่ถือเป็นมาตรการหนึ่งในการลดอัตราการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ซึ่งทุกคนเมื่ออยู่ในสถานที่เดียวกันควรอยู่ห่างกันอย่างน้อย 3 ฟุต ดังนั้นโรงเรียนจะต้องดำเนินการจัดสรรพื้นที่ให้กับนักเรียนแต่ละคนในระยะห่างที่ปลอดภัยอย่างเหมาะสม และงดให้นักเรียนสัมผัสตัวกันผ่านการเล่นหรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ

ล้างมือเป็นประจำและพกเจลล้างมือ

ปกติแล้ว เรามักจะล้างมือหลังจากที่ทำกิจกรรมที่เลอะเทอะ หรือล้างมือก่อนที่จะรับประทานอาหาร ซึ่งอาจเป็นเพียง 2-3 ครั้งต่อวัน แต่ในช่วงที่มีโรคระบาดเช่นนี้ เราจำเป็นต้องล้างมือให้ถี่ขึ้น โดยควรล้างมือหรือใช้แอลกอฮอล์เจลอย่างน้อย 1 ครั้งในทุก ๆ ชั่วโมง หรือหลังจากการทำกิจกรรมที่มีการสัมผัสทุกครั้ง

ใช้โซเชียลมีเดียหรือการสื่อสารออนไลน์ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน

โซเชียลมีเดียและการสื่อสารออนไลน์มีประโยชน์อย่างมาก ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะช่วยให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัส ซึ่งนักเรียนสามารถใช้เครื่องมือสื่อสารในการติดต่อระหว่างกันหรือ ติดต่อกับครูผู้สอน และสามารถที่จะรับหรือส่งงานที่ ได้รับมอบหมายจากครูผู้สอนในช่องทางออนไลน์ได้อีกด้วย

พกช้อนส้อมและแก้วน้ำมาเอง

โดยปกติโรงเรียนมักจะมีบริการช้อนส้อมหรือแก้วน้ำให้กับนักเรียนอยู่แล้ว แต่ในช่วงการแพร่ระบาดเช่นนี้ การนำอุปกรณ์เหล่านี้มาเองจากที่บ้านน่าจะเป็นวิธีการที่ปลอดภัยกว่า เพราะนักเรียนจะได้ไม่ใช้ช้อนส้อม หรือแก้วน้ำร่วมกับบุคคลอื่น ทำให้ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการใช้ของร่วมกัน

งดยืมของกัน

การให้ผู้อื่นยืมของใช้ เช่น ปากกา ยางลบ หรือ อุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ นั้น แม้ว่าจะเป็นการแสดงน้ำใจที่น่ายกย่อง แต่สำหรับในช่วงของการแพร่ระบาด การทำเช่นนั้นอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ ดังนั้นนักเรียนจึงควรงดให้เพื่อน ๆ ยืมของใช้ต่าง ๆ และให้เป็นหน้าที่ของครูผู้สอนในการจัดหาอุปกรณ์การเรียนที่ปลอดภัยให้กับนักเรียนที่ไม่มีอย่างเหมาะสม

หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำเป็นกลุ่ม 

นักเรียนส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาว่างในการจับกลุ่มทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เล่นกีฬา เล่นดนตรี หรือ อาจนั่งพูดคุยกัน ซึ่งถ้าเป็นสถานการณ์ปกติอาจเป็นสิ่งธรรมดาที่สามารถทำได้ แต่สำหรับในช่วงแพร่ระบาดนี้ นักเรียนควรเลี่ยงหลีกกิจกรรมกลุ่ม และถ้าจำเป็นต้องรวมกลุ่มกันจริง ๆ ก็อย่าลืมที่จะนั่งห่างกันในระยะ 3 ฟุต เพื่อลดอัตราการติดเชื้อ

เลิกเรียนรีบกลับบ้าน

แม้ว่าการคลายล็อกดาวน์ของรัฐบาลจะทำให้ห้างร้านต่าง ๆ สามารถเปิดได้เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วก็ตาม แต่ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นใด ๆ ตัวนักเรียน รวมถึงผู้ปกครองก็ควรรีบพานักเรียนกลับบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนจำนวนมาก ซึ่งอาจมีผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการแฝงตัวอยู่ด้วย และเมื่อกลับถึงบ้านแล้วควรรีบอาบน้ำในทันทีเพื่อลดโอกาสการรับเชื้อจากภายนอก

ตลอดระยะเวลาการระบาดที่ผ่านมา มีวิถีชีวิตที่ถูกเรียกว่าเป็น New Normal เกิดขึ้นมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกไปข้างนอก หรือการพกเจลล้างมือ เป็นต้น ซึ่งวิถีชีวิตใหม่เหล่านี้ คือสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถจัดการกับปัญหาการแพร่ระบาดได้ดีขึ้นในทุกขณะ จึงเป็นเรื่องที่ดีมาก ถ้าทุกคนในทุกภาคส่วนปฏิบัติตามแนวทางวิถีชีวิตใหม่นี้อย่างเคร่งครัด เพราะนั่นหมายถึงชัยชนะของประเทศไทยในการต่อสู่กับโรคระบาดที่มีชื่อว่า Covid-19 นั่นเอง

เรียบเรียงโดย : นรรัชต์  ฝันเชียร