Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ชวนพ่อแม่ทำความเข้าใจ new normal วิถีชีวิตใหม่ในยุคโควิด-19

Posted By Plook Parenting | 04 มิ.ย. 63
3,452 Views

  Favorite

คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงคุ้ยเคยกับคำว่า new normal หรือ ชีวิตวิถีใหม่ กันมาบ้าง เพราะเมื่อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว การใช้ชีวิต การทำงาน และการดูแลสุขภาพต่าง ๆ ก็ย่อมเปลี่ยนไป แล้วจะมีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง มาหาคำตอบไปพร้อมกันได้เลย

 

ภาพ : Shutterstock

 

new normal มีความหมายว่าอย่างไร มีมานานหรือยัง

คำว่า new normal หรือ ชีวิตวิถีใหม่ เป็นคำที่ราชบัณฑิตยสภาให้ความหมายไว้ว่า หมายถึง ความปกติใหม่, ฐานวิถีชีวิตใหม่ หรือการดำเนินชีวิตอย่างใหม่ที่แตกต่างจากในอดีต อันเนื่องมาจากมีบางสิ่งมากระทบ จนแบบแผนแนวทางปฏิบัติเดิมต้องเปลี่ยนแปลงสู่วิถีใหม่ภายใต้หลักมาตรฐานใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

นอกจากนี้ คำว่า new normal ยังไม่ใช่คำใหม่ เป็นคำที่ใช้มาตั้งแต่ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 (ค.ศ. 2007-2008) โดยช่วงนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจครั้งใหญ่ การจัดการบางอย่างเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในยุคนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ แต่พอปฏิบัติต่อกันมาจนปัจจุบัน (ค.ศ. 2020) ก็กลายเป็นสิ่งคุ้นเคยและคุ้นชินในที่สุด

ต่อมาเมื่อเกิดวิกฤตการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 คำว่า new normal จึงถูกหยิบมาใช้อีกครั้ง เพราะความรุนแรงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้วิถีชีวิตของเราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงไปเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบอันใหญ่หลวง และความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

ภาพ : Shutterstock

 

new normal ที่เปลี่ยนแปลงในยุคโควิด-19 มีอะไรบ้าง

1. ใส่ใจสุขอนามัยมากขึ้น

แน่นอนว่าเมื่อเรายังหาทางรักษาโรคจากเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเด็ดขาดไม่ได้ การดูแลสุขอนามัยทั้งส่วนตัวและส่วนรวมจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ๆ เพราะหากคุณพ่อคุณแม่ดูแลป้องกันตัวเอง ลูก และครอบครัวเป็นอย่างดี ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้ได้รับเชื้อโรคได้ระดับหนึ่ง โดยคุณพ่อคุณแม่ควรฏิบัติตนตามมาตรการด้านสุขอนามัย ดังนี้

- สวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเสมอ

- หากต้องอยู่ที่พื้นที่เสี่ยงเป็นเวลานาน ควรสวม Face Shield เพิ่มด้วย

- เว้นระยะห่างจากตัวบุคคล 2 เมตร (Social Distancing)

- ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ

- หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด

- หลีกเลี่ยงการพบปะพูดคุยกับกลุ่มเสี่ยงหรือผู้มีอาการป่วย

สำหรับเด็กทารกที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ ไม่ควรให้สวมหน้ากากอนามัย เนื่องจากจะไปกระทบกับระบบทางเดินหายใจ และอาจเสี่ยงเป็นโรคฮีทสโตรกได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถอ่านรายละเอียดได้จากลิงก์ด้านล่าง

แพทย์เตือน ! เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบไม่ควรใส่หน้ากากอนามัย

 

ภาพ : Shutterstock

 

2. ซื้อของออนไลน์บ่อยขึ้น

เมื่อไม่สามารถออกไปซื้อสินค้าที่ร้านค้าด้วยตัวเองได้ คุณพ่อคุณแม่หลายบ้านจึงหันมาสั่งสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น แม้พ้นช่วงกักตัวไปแล้วก็ยังนิยมซื้อของออนไลน์กันอยู่ อาจด้วยเหตุผลเพราะสั่งซื้อง่าย สะดวก รวดเร็ว ทั้งยังได้ซื้อสินค้าหลากหลายในคราวเดียวโดยไม่ต้องเสียเวลาหอบหิ้วเอง

3. ปรับเปลี่ยนมาทำงานออนไลน์

หลายบริษัทเริ่มปรับตัวและมีนโยบายให้พนักงาน สามารถ Work from Home ได้ และใช้ช่องทางออนไลน์ในการรับส่งงาน และประชุมงานกันมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่บางบ้านจึงสามารถจัดสรรเวลาสำหรับทำงานและเวลาสำหรับลูกได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย แม้บางครั้งขณะที่ทำงานลูกอาจมากวนใจบ้าง แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่พูดคุยอธิบายให้ลูกเข้าใจ ให้ลูกรู้ว่าเวลาไหนคุณพ่อคุณแม่สามารถไปเล่นด้วยได้บ้าง ก็จะช่วยฝึกวินัย ฝึกการคิดอย่างมีเหตุผล และฝึกความอดทนให้กับลูกได้เช่นกัน

 

ภาพ : Shutterstock

 

4. ควบคุมค่าใช้จ่ายง่ายขึ้น

เมื่อเริ่มมีการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถตรวจสอบรายรับรายจ่ายได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย เพราะแต่ละรายการจะมีบันทึกไว้อย่างชัดเจน และหากจำกัดวงเงินบัตรเครดิตอย่างเข้มงวดด้วยแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถจัดสรรค่าใช้จ่ายได้อย่างลงตัวมากยิ่งขึ้น สามารถวางแผนการเงินในแต่ละเดือนได้อย่างแม่นยำ

5. Social Media กลายเป็น สื่อหลัก

เมื่อผู้คนต้องอยู่บ้านและใช้ช่องทางออนไลน์ในการติดต่อสื่อสารกันมากขึ้น สื่อ Social Media ต่าง ๆ จึงมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเป็นทวีคูณตามไปด้วย หลาย ๆ ธุรกิจจึงหันมาใส่ใจทำการตลาดในสื่อโซเชี่ยลมากขึ้นตามไปด้วย แบรนด์สินค้าต่าง ๆ จึงเพิ่มโปรโมชั่นผ่านช่องทางออนไลน์กันอย่างหลากหลาย ทั้งยังเพิ่มช่องทางการติดต่อเพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกซื้อมากยิ่งขึ้น

 

ภาพ : Shutterstock

 

6. ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า กับมาตรการรักษาสุขอนามัย

เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่กระจายไปมากกว่านี้ ห้างสรรพสินค้ารวมไปถึงร้านค้าต่าง ๆ จึงมีมาตรการควบคุมความปลอดภัยและรักษาความสะอาดด้วยการให้ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนเข้าใช้บริการ ตรวจวัดไข้ และใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง นอกจากนี้ยังต้องเช็คอิน เช็คเอ้าท์ ก่อนหลังเข้าไปใช้บริการด้วย

7. เกิดอุปนิสัยกักตุนของใช้จำเป็น

สืบเนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 ที่ก่อนหน้านี้ของใช้จำเป็นหลายอย่างขาดแคลนและไม่สามารถออกไปซื้อได้ ดังนั้น เมื่อมีโอกาสและร้านค้าเริ่มเปิด คุณพ่อคุณแม่หลายบ้านจึงหันมากักตุนของใช้จำเป็น ทั้งของครอบครัวและของลูกกันมากขึ้น อาทิ แพมเพิร์ส นมผง ขนมลูก อาหารสำเร็จรูป ฯลฯ เพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต

 

ภาพ : Shutterstock

 

8. การเรียนออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้

การเรียนออนไลน์นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับการเรียนรู้ ที่ช่วยลดการพบปะกัน และช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น บางโรงเรียนจึงมีหลักสูตรเรียนออนไลน์ขึ้น เพื่อให้เด็ก ๆ เกิดกระบวนการเรียนรู้ได้แม้จะอยู่ที่บ้าน ทั้งยังสามารถชักชวนให้คุณพ่อคุณแม่ร่วมทำกิจกรรมการเรียนรู้ไปกับลูกได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ควรจัดสรรพื้นที่สำหรับเรียนออนไลน์ให้เหมาะสม ควรเป็นห้องที่เงียบ สงบ ไม่มีสิ่งเร้ารบกวน เพื่อช่วยให้ลูกมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการเรียนมากขึ้น

 

new normal ที่เกิดขึ้นตอนนี้แม้จะเป็นสิ่งใหม่ที่ยังไม่คุ้นชิน แต่หากปรับตัวได้เราก็จะดำเนินชีวิตตามวิถีใหม่ได้ในที่สุด แม้จะผ่านช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ไปแล้วก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยลูกทำความเข้าใจและผ่านพ้นช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยเช่นกัน

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Parenting
  • 8 Followers
  • Follow