Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เที่ยวเมือง Sinaia สวิตเซอร์แลนด์แห่งโรมาเนีย และตะลุยเหมืองเกลือใต้ดินที่ Salina Turda ตอน 2

Posted By สุภาพรรณ ศรีสุข | 26 ธ.ค. 62
7,662 Views

  Favorite

สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับแม่แหม่มและแสบน้อยกับการพาเที่ยวโรมาเนียกันต่อนะคะ วันนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองตากอากาศที่ขึ้นชื่อของโรมาเนีย ที่ขอบอกเลยว่าสวยไม่แพ้กับการไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์เลยค่ะ

 

เมือง Sinaia เป็นเมืองและรีสอร์ทบนภูเขาในมณฑล Prahova ซึ่งถ้าเดินทางมากจาก บูคาเรสต์ เมืองหลวง จะถึงก่อนเมือง Brasov โดย Sinaia ตั้งอยู่ในเขตประวัติศาสตร์ของ Muntenia เมืองนี้ตั้งชื่อตามชื่อวัด Sinaia Monastery โดย King Carol I แห่งโรมาเนียสร้างบ้านพักฤดูร้อนปราสาท (Peleş) ในช่วงปลายศตวรรษที่สิบเก้า เป็นประสาทที่อยู่บนภูเขา  ซึ่งการเดินทางหากมาด้วยรถบัสโดยสาร เราก็จะต้องเดินขึ้นภูเขาไป แต่ถ้าขับรถมาก็สามารถขับขึ้นไปที่จุดจอดบริเวณใกล้กับตัวปราสาทได้เลยค่ะ

 

ภาพโดย Attapol photography
ภาพโดย Attapol photography

 

ซึ่งระหว่างทางเดินขึ้นไปบริเวณปราสาท เปเลส คาสเซิล ( Peles Castle ) ซึ่งเป็นพระราชวังใหญ่หลักของที่นี่ ก็จะมีสถานที่มากมายให้เยี่ยมชม ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันไม่ว่าจะเป็น Manastirea Sinaia ( Mănăstirea Sinaia ) ซึ่งเป็นโบสถ์เล็ก ๆ จากโบสถ์ Manastirea Sinaia เดินขึ้นเขาไปอีกนิด ก็จะถึงทางทางเข้า Peles Castle โดยจะมีพื้นที่ที่แบ่งเป็นลานจอดรถ และ โซน ขายของที่ระลึกมากมาย

 

ภาพโดย Attapol photography
ภาพโดย Attapol photography

 

Peles Castle (Castelul Peleș) หรือปราสาท เปเลช (ออกเสียงว่า "เป-เลช" ไม่ใช่ เปเลส หรือ เพ-เลส เพราะตัว ș ในภาษาโรมาเนียออกเสียงคล้ายกับตัว ช.ช้างในภาษาไทย) ถูกสร้างขึ้นโดย King Carol ที่ 1 ในปี 1873 โดยให้ตั้งอยู่กลางหุบเขาเพราะ King Carol ที่ 1 นั้นทรงชอบวิวทิวทัศของหุบเขานี้ โดยดีไซน์จะเป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมยุค Neo-Renaissance กับยุค Gothic Revival ซึ่งเป็นแนวที่นักออกแบบส่วนใหญ่นำมาใช้ออกแบบปราสาทในยุคสมัยนั้น จึงออกมาคล้าย ๆ กับปราสาทเทพนิยายที่เราคุ้นเคยกันอยู่ทุกวันนี้นั่นเอง

 

ภาพโดย Attapol photography
ภาพโดย Attapol photography

 

ภายในประสาทใหญ่โตและงดงามมาก มีห้องมากมายถึง 168 ห้อง แต่เปิดให้เข้าชมจริงเพียง 35 ห้องเท่านั้น ค่าเข้า 20 Ron หรือประมาน 200 บาทไทย แต่ภายในประสาทห้ามถ่ายรูปนะคะ ถ้าถ่ายรูปจะต้องเสียค่าถ่ายรูปอีก 32 Ron หรือประมาน 300 บาทไทย ซึ่งแพงกว่าค่าเข้าชมอีกค่ะ โดยการเข้าชมแต่ละรอบจะมีไกด์นำเข้าชม และมีการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมไว้ด้วย

 

ภาพโดย Attapol photography
ภาพโดย Attapol photography

 

ถึงแม้ไม่มีภาพมาฝาก แต่แม่แหม่มขออนุญาตบรรยายคร่าว ๆ จากความทรงจำว่า ภายในวิจิตรอลังการมาก ห้องนอนของเจ้าหญิง ก็เจ้าหญิงแบบสุด ๆ เหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยายเลยค่ะ ส่วนในห้องต่าง ๆ ก็หรูหรา และตกแต่งอย่างสวยงาม ระหว่างทางไปห้องต่าง ๆ จะมีรูปปั้นของคนสำคัญมากมาย และมีรูปปั้นของเจ้าชายคาลอส ผู้สร้างปราสาทตั้งอยู่ด้วย ปราสาทแห่งนี้ถือเป็นสิ่งสะท้อนถึงความมั่งคั่งของกษัตริย์ในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี ออกจากตัวปราสาทเราก็จะพบกับบริเวณสวนที่สวยงามไม่แพ้กัน ทั้งต้นไม้และรูปปั้น ลานน้ำพุ ทุกอย่างดูสวยงามลงตัวมาก ต้องขอบอกว่าเป็นสถานที่ที่ต้องแวะมาเยือนจริง ๆ ถ้ามาเที่ยวโรมาเนีย

 

ภาพโดย Attapol photography

 

เช้าวันต่อมาก็ไปกันที่เหมืองเกลือเก่า Salina Turda ณ เมือง Turda ซึ่งตั้งอยู่ค่อนข้างไกลจากเมืองหลวงพอสมควร และเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในหุบเขา โดยการเดินทางมาที่นี่เราเลือกที่จะขับรถมาเอง เพราะระยะทางค่อนข้างไกลและเดินทางลำบาก เนื่องจากระบบคมนาคมของโรมาเนียนั้นยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร

 

ภาพโดย Attapol photography

 

Salina Turda เป็นเหมืองเกลือที่อยู่กลางหุบเขา ที่ถูกเจาะลึกเข้าไปใต้ดินลึกมาก ๆ โดยทางลงจะทำเป็นบันไดให้เราค่อย ๆ เดินลงไปในแต่ละชั้น ซึ่งบันไดค่อนข้างชันมากค่ะ ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุเป็นอย่างยิ่ง โดยในแต่ละชั้นก็จะมีนิทรรศการ และเครื่องมือการทำอุตสาหกรรมเกลือในสมัยก่อนตั้งโชว์อยู่ด้วย

 

ภาพโดย Attapol photography

 

เมื่อเดินลงไปถึงบริเวณชั้นล่างสุด เราจะเห็นเป็นลานกิจกรรมที่เมื่อมองเรามองจากด้านบนจะคล้าย ๆ กับห้องทดลองวิทยาศาสตร์หรือฉากในหนังไซไฟท์ที่เราดูเลยค่ะ มีจุดขายของที่ระลึก  มีสนามเด็กเล่นเล็ก ๆ มีชิงช้าสวรรค์ สนามบาสเก็ตบอล สนามมินิกอล์ฟ และมีแอ่งน้ำให้พายเรือ ซึ่งเราสามารถเช่าเรือพายได้ แต่แม่แหม่มขอผ่านนะคะเพราะว่ายน้ำไม่เป็น และถ้าตกน้ำไปคงหนาวมาก เพราะบริเวณภายในเหมืองเมื่อเรายิ่งเดินลงไป อุณหภูมิจะยิ่งต่ำลงเรื่อย ๆ เมื่อถึงชั้นล่างสุด ขอบอกเลยค่ะว่าหนาวยะเยือกมาก

 

ภาพโดย Attapol photography

 

บริเวณแอ่งน้ำนอกจากกิจกรรมพายเรือแล้ว ก็ยังมีนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นจำนวนไม่น้อย ที่มายืนอธิษฐานแล้วโยนเหรียญข้ามไหล่ลงไปในน้ำ โดยเขาบอกว่าถ้าได้ยินเสียงเหรียญกระทบน้ำ คำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริง เรื่องแบบนี้ต้องลองค่ะ แม่แหม่มเลยลองหยิบเหรียญที่ใหญ่ที่สุดโยนลงไป (ในใจคิดว่าเหรียญยิ่งใหญ่ ยิ่งดี จะได้มีเสียงดัง ๆ) ปรากฏว่าได้ยินเสียงค่ะ คำอธิษฐานต้องเป็นจริงแน่ ๆ เย้.. แต่มารู้ที่หลังว่าเหรียญที่โยนลงน้ำไป เป็นเหรียญ 2 euros ซึ่งตีเป็นเงินไทยประมานหนึ่งร้อยบาท โธ่.....ไม่น่าเลย

 

ภาพโดย Attapol photography

 

เป็นอย่างไรบ้างคะ กับการพาเที่ยวย้อนอดีตเมื่อแสบน้อยยังเป็นแสบจิ๋วที่ประเทศโรมาเนีย ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ระบบคมนาคม หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ยังไม่ดีนัก แต่แม่แหม่มขอบอกเลยค่ะว่า ถ้าครอบครัวไหนต้องการพักผ่อนแบบสัมผัสธรรมชาติที่บริสุทธิ์  ลิ้มรสกับสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่สวยงาม ก็ต้องที่นี่เลยค่ะ ประเทศโรมาเนีย รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • สุภาพรรณ ศรีสุข
  • 4 Followers
  • Follow