โดยการเดินทางสู่ประเทศโรมาเนีย เริ่มต้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากนั้นก็บินตรงสู่กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย เพื่อเปลี่ยนเครื่องบินและบินสู่ท่าอากาศยานนานาชาติ โอโตเพนี นครบูคาเรสต์ (Bucharest) เมืองหลวงของโรมาเนีย เพื่อเดินทางต่อสู่ปลายทางที่เมืองบราซอฟ (Brasov) ซึ่งสายการบินที่เราใช้ก็คือ สายการบินแอโรฟลอต (Aeroflot) โดยระยะเวลาการบินไปรัสเซียใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง และบินจากรัสเซียด้วยสายการบินท้องถิ่น ไปที่โรมาเนียอีกประมาณ 4 ชั่วโมง
โรมาเนีย ถือเป็นประเทศเล็ก ๆ ในทวีปยุโรป ที่ยังเต็มไปด้วยธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมที่งดงามไม่แพ้ อิตาลี หรือ ฝรั่งเศส แต่มีค่าครองชีพที่ถูกกว่ามาก โดยเมืองที่เราจะพาไปเที่ยวกันก็คือ เมืองเล็ก ๆ อย่าง “บราชอฟ” (Brasov) ซึ่งอยู่ทางเหนือขึ้นไปจากเมืองหลวง “บูคาเรสต์” โดยใช้เวลานั่งรถประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
บราชอฟ (Brasov) ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศ ที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางสำคัญของชาวพื้นเมืองเก่าแก่อย่างทรานซิลวาเนีย (Transylvania) ในอดีต และศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่บนเส้นทางการค้าระหว่างตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ เมืองบราชอฟยังเป็นแหล่งกำเนิดเพลงชาติของโรมาเนียอีกด้วย เมืองบราซอฟ ถือเป็นเพชรน้ำงามแห่งยุโรปตะวันออก ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์แห่งโรมาเนีย” กันเลยทีเดียว
เมืองบราซอฟ เป็นเมืองที่มีจตุรัสกลางเมืองที่สวยงาม และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมในแบบนีโอ-ไบเซนไทน์ โดยสถานที่แรกที่เราจะพาไปเที่ยวก็คือ "จัตุรัสสภา" หัวใจแห่งบราซอฟ ที่นี่เป็นที่ตั้งอาคารสภาชุมชนเมืองที่มีอายุกว่าพันปี ที่สำคัญรอบ ๆ จัตุรัสแห่งนี้เป็นแหล่งชุมนุมของสถาปัตยกรรมศิลป์หลายสมัย นับตั้งแต่อาคารแบบโรมาเนสก์ โบสถ์สไตล์เรอเนสซองซ์ โรงแรมแบบบาโร้ก และสิ่งที่แม่แหม่มชอบที่สุดก็คือบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารให้เราเลือกช้อป เลือกชิมเต็มไปหมด ละลานตามาก ๆค่ ะ
และเมื่อเดินต่อไปก็จะเจอกับ คริสตจักรดำ หรือ The Black Church ที่สร้างขึ้นโดยชุมชนชาวเยอรมัน สไตล์โกธิก เป็นโบสถ์แบบกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโรมาเนีย ชื่อของมันมาจากความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้ครั้งใหญ่ใน ค.ศ. 1689 โดยเปลวไฟและควันดำเคลือบอยู่โดยรอบผนังด้านนอกของโบสถ์ทั้งหมด แต่สภาพภายในและการตกแต่งยังคงสวยงามเป็นที่น่าประทับใจและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ถือเป็นโบสถ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของชาวยุโรป (ภายในโบสถ์สวยมาก แต่เขามีกฎ “ห้ามถ่ายรูปนะจ้ะ”)
วันต่อมาป้าของแสบน้อยจะพาเราขับรถออกมาเที่ยวบริเวณนอกเมืองกันค่ะ และเพราะเมืองบราชอฟ เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของธรรมชาติที่งดงามอยู่แล้ว เราจึงไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติ ปัวอานา บราซอฟ (Poiana Brasov) แหล่งสกีรีสอร์ตที่มีชื่อเสียงเรื่องความงามมากที่สุดของยุโรปตะวันออก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาคาร์เปเธียน (Carpathian) ป้าของแสบน้อยบอกว่าคนเยอรมันนิยมเดินทางมาพักผ่อนตากอากาศที่เมืองนี้ ซึ่งในช่วงที่เราไปนั้นเป็นช่วงเดือนสิงหาคม ถือเป็นปลายฤดูร้อนของโรมาเนีย จึงทำให้อากาศกำลังเย็นสบาย อุณหภูมิประมาณ 10 กว่าองศา ขอบอกว่าอากาศดี บรรยากาศดี ธรรมชาติสุด ๆ เรียกได้ว่าหายใจกันได้เต็มปอดเลยทีเดียว
เมื่อขับต่อขึ้นไปทางเหนือของเมือง เราก็จะพบกับปราสาท Bran (Bran Castle) หรือบ้านของท่านเคาน์ แดรกคูล่า (แดรกคูลา (Dracula) ในภาษาโรมาเนียแปลว่า ปีศาจ) Bran Castle ตัวปราสาทสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1212 เป็นปราสาทของเจ้าผู้ครองแคว้นทรานซิลวาเนีย โดยชาวบ้านในสมัยนั้นเรียก Vlad III ผู้เป็นเจ้าของปราสาทว่า Vlad Dracul พระองค์เป็นนักรบที่ทรมานเชลยที่จับมา ด้วยวิธีที่โหดเหี้ยม จนทำให้ชื่อ Vlad Dracul กลายมาเป็นที่มาของชื่อ แดรกคูลา แวมไพร์ผู้เป็นอมตะ อาศัยอยู่ในปราสาท ในนวนิยายแนวสยองขวัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของ บราม สโตกเกอร์นั่นเอง
เมื่อเดินเขาไปในปราสาท เราก็สัมผัสได้ถึงความสวยงาม ลี้ลับ ที่แฝงไปด้วยความขลัง และความน่ากลัว เพราะภายในเต็มไปด้วยห้องเล็ก ห้องน้อย และทางเดินลับ ที่บางส่วนถูกกันไว้ไม่ให้เข้าไป โชคดีวันที่เราไป คนเข้าเยี่ยมชมปราสาทค่อนข้างมาก ไม่อย่างนั้นแม่แหม่ม และชาวคณะคงได้หลงเดินเล่นหลงกันอยู่ในปราสาทท่านเคาน์แดรกคูล่าแน่ ๆ นึกแล้วก็สยอง บรึ๊ย์ย์ย์