พ่อแม่หลาย ๆ คนเข้าใจว่า การเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ดีนั้น จะต้องเป็นคนที่รู้จักคำศัพท์ ต้องขยันท่อง ขยันจำ ต้องแม่น Grammar ซึ่งเห็นได้ทั่วไปในระบบการศึกษาไทย แต่ในความจริงแล้ว น้อยคนนักที่จะเข้าใจว่า การเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลและนำมาใช้ได้จริงนั้น ไม่ได้มีแค่การรู้คำศัพท์เท่านั้น แต่ยังต้องมีองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญ นั่นก็คือ ความเข้าใจในเรื่องของการออกเสียง และแยกแยะเสียงในคำหรือพยางค์ ที่เรียกว่า Phonemic Awareness นั่นเอง
Phonemic Awareness คือ การรับรู้หน่วยย่อยของเสียง ที่ผู้ฟังได้ยิน แล้วสามารถจำแนกได้ว่าคำนั้นประกอบด้วยหน่วยเสียงย่อยอะไรบ้าง เป็นการสร้างรากฐานความเข้าใจทางด้านภาษาว่า หน่วยเสียงแต่ละเสียงสามารถประกอบขึ้นเป็นคำใหม่ได้ ซึ่งได้ผลดีกว่าการเรียนแบบให้เด็กท่องจำแค่รูปคำ และส่งผลดีต่อการอ่าน ที่สำคัญการฝึกให้เด็กรู้จักหน่วยเสียงทุกเสียงของภาษาอังกฤษ (Phonemic Awareness) อย่างถูกต้อง ถือเป็นการเตรียมความพร้อมสู่การเรียนโฟนิคส์ต่อไป
เมื่อเราได้ยินคำว่า Cat เสียงแรกของตัวหน้าที่คุณได้ยินคืออะไร คำตอบที่ได้คือเสียงอะไร ระหว่าง ซี หรือว่า เคอะ ? ถ้าอย่างนั้นเรามาลองเปลี่ยนจากตัว “C” มาเป็นตัว “M” บ้าง และสามารถนำมาสร้างเป็นคำใหม่ได้คำว่าอะไร ? นี่คือวิธีการทดสอบการเรียนรู้เรื่องหน่วยเสียงในภาษาอังกฤษ (Phonemic Awareness) แบบง่าย ๆ ให้กับเด็ก ๆ ที่กำลังเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
วิธีการสอนที่เรามักพบเห็น และคุ้นชิน คือการสอนในรูปแบบวิธีท่องจำเป็นคำ ๆ เช่น Cat เด็ก ๆ จะออกเสียงว่า “ซี- เอ-ที =แคท” จริง ๆ แล้วเราควรฝึกการออกเสียงที่แท้จริง เช่น “เคอะ-แอะ- เทอะ = แคท” ซึ่งวิธีนี้จะสอนให้เด็กเรียนรู้เสียงและสร้างกลุ่มคำใหม่ที่ใกล้เคียงขึ้นได้ เช่น Cat / Mat / Rat
เห็นไหมคะว่าการเรียนภาษาอังกฤษที่ได้ผลนั้น ไม่ใช่แค่การจำคำศัพท์ได้เยอะ แต่เป็นการให้ความสำคัญกับเรื่องการฝึกให้เด็กมีทักษะการฟัง และรับรู้หน่วยเสียงทุกเสียงในภาษาอังกฤษให้แม่นยำเสียก่อน เพราะหากขาดการฝึกฝนที่ถูกวิธีหรือเด็กมีข้อจำกัดทางด้านการฟัง การได้ยิน หรือการรับรู้ของเสียงช้ากว่าปกติ ก็จะยิ่งเป็นสิ่งที่ยากต่อการเรียนรู้ทางด้านภาษาและการอ่าน
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.