แต่พัฒนาการทางภาษาที่ดีจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพ่อแม่ให้ความใส่ใจและส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาที่ดีให้กับลูก เราลองมาดูกันนนะคะว่ามีวิธีใดบ้างที่พ่อแม่สามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางภาษาให้กับลูกได้
เพราะทักษะทางภาษาจะเกิดขึ้นได้ เมื่อกระบวนการเรียนรู้ของลูกในทุก ๆ ด้านทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่การได้ยิน หมั่นสังเกตว่า ลูกมีการตอบสนองต่อเสียงต่าง ๆ หรือไม่ เช่น หันตามทิศทางของเสียง สะดุ้งตื่น ร้องตกใจเมื่อมีเสียงดัง รวมถึงให้ความสำคัญกับพัฒนาการด้านร่างกายก่อนที่จะมาถึงการพูด (คว่ำ ชูคอ คืบ คลาน ยืน เดิน) ต้องเป็นไปอย่างสมวัย
พ่อแม่ควรพูดกับลูกด้วยสำเนียงที่ชัดเจน เพราะลูกจะเลียนแบบทักษะการพูดจากพ่อแม่ เช่น ถ้าพ่อแม่ พูดชัด ออกเสียงอักขระตัวอักษร หรือคำควบกล้ำถูกต้อง ลูกก็จะออกเสียงคำ ๆ นั้น ถูกต้อง เช่น ควาย ไม่ใช่ ฟาย วัว ไม่ใช่ งัว รวมไปถึงพ่อแม่ไม่ควรเล่นกับลูกด้วยการพูดไม่ชัด ใช้ภาษาอ้อแอ้ หรือสำเนียงเบบี๋กับลูก เช่น มาแย้ว / กิงข้าว เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกเกิดการเลียนแบบ และติดการออกเสียงที่ไม่ถูกต้องไปจนโต
ในความเป็นจริงแล้ว พัฒนาการทางภาษาของลูกจะมีลำดับขั้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อลูกเรียนรู้และใช้ภาษาแม่ได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว ลูกจะต่อยอดและเรียนรู้ภาษาอื่น ๆ ได้เอง ดังนั้นในวัยเด็ก พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดให้ลูกเรียนรู้หลาย ๆ ภาษาไปพร้อม ๆ กัน ควรให้ลูกเรียนรู้และใช้ภาษาใดภาษาหนึ่งให้ถูกต้องเสียก่อน เพราะการสอนหลายภาษาจะทำให้ลูกเกิดความสับสน และอาจส่งผลให้ลูกเรียนรู้ภาษาต่าง ๆ ได้ช้า พูดช้า หรือเบื่อหน่ายการเรียนรู้ไปเลย
การพูดคุยกับลูกบ่อย ๆ ก็ถือเป็นการกระตุ้นพัฒนาการอย่างหนึ่ง เพราะเด็กในวัยนี้จะรู้สึกมีความสุขที่ได้ยินเสียงของพ่อแม่ และถือเป็นวัยสำคัญสำหรับการเริ่มต้นในการพัฒนาทางด้านภาษา โดยผ่านทางการฟังและการได้ยิน พ่อแม่จะต้องตระหนักว่า ลูกจะเรียนรู้ภาษาพูดได้ดีที่สุดจากเสียงที่ออกจากปากมนุษย์ด้วยกัน ไม่ใช่เสียงจาก Youtube, นิทาน CD, ปากกาพูดได้ หรือสื่ออิเล็คทรอนิคส์ต่าง ๆ เพราะมนุษย์เรียนรู้ได้อย่างลึกซึ้งเมื่อมีการสัมผัส มีอารมณ์ และความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง พ่อแม่สามารถช่วยลูกให้มีพัฒนาการทางการพูดที่ดีได้จากการพูดคุย เล่านิทาน ร้องเพลง และเล่นด้วยกันให้มาก
เมื่อลูกพูดไม่ชัด หรือพูดติดอ่าง พ่อแม่และผู้ใหญ่ใกล้ชิดไม่ควรทัก ตำหนิ ล้อเลียน หรือแสดงสีหน้าว่าเด็กมีความผิดปกติ แต่ควรให้กำลังใจและค่อย ๆ เป็นแบบอย่างที่ดี หมั่นทบทวน จนลูกเกิดความเข้าใจ และเมื่อลูกทำได้ จงให้กำลังใจด้วยการชื่นชม
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.