5,710 Views
Favorite
Kyoto Animation Co., Ltd. หรือ เกียวแอนิ เป็นสตูดิโอผลิตอนิเมะ ตั้งอยู่ในเมืองอูจิ จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2524 สตูดิโอแห่งแรกที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในโตเกียวแต่กลับประสบความสำเร็จและสร้างผลงานคุณภาพมากมาย จากเหตุลอบวางเพลิงครั้งนี้ถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ของญี่ปุ่น และ วงการแอนิเมชัน พวกเราในนาม TrueVisions ขอแสดงความเสียใจ และ ส่งกำลังใจให้กับทีมงานทุกท่านในการสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ให้กับโลกใบนี้ต่อไป
Kyoto Animation เป็นที่รู้จักจากผลงานที่มาจากความตั้งใจและใส่ใจในรายละเอียดมาก ๆ โดยเฉพาะภาพและเนื้อเรื่องที่แฝงความเป็นญี่ปุ่นที่โดนใจแฟน ๆ แอนิเมชันทั่วโลก ทั้งเรื่องของคาแรคเตอร์ที่น่าจดจำ การเล่าเรื่องที่น่าติดตาม บางซีรีส์ถึงแม้จะนำเอาแค่ชีวิตประจำวันที่ธรรมดาของสังคมญี่ปุ่นมานำเสนอผ่านผลงานแอนิเมชันแต่ก็ยังตรึงตาตรึงใจคอแอนิเมชันได้เสมอ บทความนี้เรานำผลงานที่โด่งดังและน่าสนใจจาก Kyoto Animation มาให้ดู 5 เรื่องด้วยกัน
ภาพยนตร์แอนิเมชันที่เล่าเรื่องราวของ โชยะ อิชิดะ เด็กเกเรจอมอันธพาลของโรงเรียนประถม ที่ชอบรังแกเพื่อนร่วมชั้นชื่อ โชโกะ นิชิมิยะ ซึ่งเป็นเด็กหูหนวก การกลั่นแกล้งรังแกของโชยะต่อโชโกะ ทวีความรุนแรงมากขึ้น จนเป็นเหตุให้โชโกะต้องลาออกจากโรงเรียน A Silent Voice แอนิเมชันนำเสนอชีวิตวัยรุ่น และช่วงชีวิตของเด็กหลาย ๆ คน ที่ต้องผ่านการโดนกลั่นแกล้งในโรงเรียน ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ที่นำเสนอเรื่องราวของการรังแกในโรงเรียนมักจะพุ่งประเด็นไปที่ฝ่ายเด็กที่โดนรังแกคอยเอาใจช่วยให้พบกับความสุขในตอนจบ
ทว่าแอนิเมชันเรื่องนี้กลับติดตามชีวิตของโชยะ (เด็กเกเร) และความบอบช้ำทางจิตใจที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดี และ เริ่มกลายเป็นฝ่ายที่โดนเพื่อน ๆ และสังคมรอบข้างเย็นชาใส่ จนท้ายที่สุดเขาเองก็โดนแกล้งไม่ต่างกับโชโกะเลย เมื่อเวลาผ่านมาหลายปี ช่วงมัธยมปลาย ชีวิตของโชยะกลับกลายมาเป็นคนที่ตีตัวออกจากสังคม ปิดกั้นตัวเอง และไม่ยอมสนิทกับใครอีก พอเริ่มเข้าใจถึงความลำบากของโชโกะที่กลับมาเจอกันอีกครั้ง เขาจึงพยายามเรียนภาษามือเพื่อขอโทษและขอเป็นเพื่อนกับเธอ
ภาพยนตร์แอนิเมชันที่ดัดแปลงจากมังงะ (หนังสือการ์ตูน) แต่แรกเริ่มนั้นเป็นเรื่องสั้นจบในตอนลงในนิตยสาร Bessatsu Shounen ต่อมาได้กลายเป็นมังงะเรื่องยาว ตีพิมพ์ต่อเนื่องในนิตยสาร Weekly Shounen Magazine ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นมีการรวมเล่มจำนวนทั้งสิ้น 7 เล่มจบ มังงะเรื่องนี้ตีพิมพ์เป็นฉบับภาษาไทยโดยสำนักพิมพ์รักพิมพ์
แอนิเมชันซีรีส์ เรื่องราวของวัยรุ่นชมรมว่ายน้ำ ม.ปลาย 5 คน เล่าถึงชีวิตวัยเด็ก และ ปมในอดีต เรื่องของกีฬาว่ายน้ำ มิตรภาพ สายสัมพันธ์ของวัยรุ่นและเหล่าตัวละครที่มีเสน่ห์ที่สร้างปรากฏการณ์ให้คอการ์ตูนสาว ๆ กรี๊ดกันมาอย่างต่อเนื่อง ตัวละครหลักทั้ง 5 คน อันได้แก่ นานาเสะ ฮารุกะ, ทะจิบะนะ มาโคโตะ, ฮะซุกิ นากิซะ, ริวกะซะกิ เร, มัตซึโอกะ ริน เหล่าแฟนๆที่ชื่นชอบในบรรดาตัวละครหนุ่มหน้าตาดี กล้ามเป็นมัด ๆ และการจับคู่จิ้นกันของตัวละครที่สนุก ทำให้แอนิเมชันเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีทั้งของสะสมมากมาย รวมไปถึงการตามรอยแอนิชันก็เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมทั้งจากแฟน ๆ ในญี่ปุ่นและแฟนในไทย เพราะค่ายเกียวโตแอนิเมชันมักจะสร้างฉากในเรื่องโดยอิงมาจากสถานที่จริงในญี่ปุ่นแต่ไม่บอกคนดูตรง ๆ ว่ามาจากสถานที่ไหนเพื่อให้แฟน ๆ ได้มีออกไปตามหากันเอาเอง
แอนิเมชันที่ดัดแปลงมาจากไลท์โนเวลชื่อ High☆Speed！ปัจจุบัน Free! ออกฉายมาแล้ว 3 ซีซัน ได้แก่ Free! , Free!-Eternal Summer , Free!-Dive to the Future และ ซีซันล่าสุดที่กำลังจะปล่อยตัวอย่างแรกออกมาวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ แต่เนื่องจากเหตุการณ์เพลิงไหม้เกียวโตแอนิเมชันเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีเหตุให้ต้องระงับการฉายตัวอย่าง เพราะเหตุผลทางด้านความปลอดภัยของค่ายหนังและพนักงาน โดยซีซันที่ 4 หรือในชื่อ Road to the World มีกำหนดฉายช่วงฤดูร้อนปี 2020
นอกจากแอนิเมชันซีรีส์แล้ว Free! ยังโด่งดังจนมีภาพยนตร์แอนิเมชันออกฉาย ได้แก่ High Speed – Free! Starting Days -, Free! - Timeless Medley – The Bond, Free! - Timeless Medley – The Promise, Free! Take your mark ซึ่งทาง True Visions ได้นำกลับมาออกอากาศอีกครั้ง สามารถติดตามวันออกอากาศได้ด้านท้ายของบทความ
ภาพยนตร์แอนิเมชันระดับตำนานของค่ายเกียวโตแอนิเมชัน เรื่องราวเล่าถึง สึซึมิยะ ฮะรุฮิ เด็กสาว ม.ปลาย ที่มีนิสัยแปลกประหลาดไม่เหมือนใครกับหน่วย SOS (SOS dan) ย่อมาจาก Sekai wo Ooini moriagerutame no Suzumiya Haruhi no danแปลคร่าว ๆ ได้ว่า หน่วยของสึซึมิยะ ฮะรุฮิ เพื่อทำให้โลกนี้สนุกสนานครื้นเครง) เพื่อออกตามล่านักท่องกาลเวลา, มนุษย์ต่างดาว และ ผู้มีพลังจิต โดยเธอแต่งตั้งตัวเองเป็นประธานผู้นำกลุ่ม บรรดาเพื่อนของเธอ เคียวอึน เด็กชายเพื่อนที่โรงเรียน, นากาโตะ ยูกิ (มนุษย์ต่างดาว), อาซาฮินะ มิคุรุ เด็กสาวทรงโต (นักท่องกาลเวลา), โคอิซึมิ อิซึกิ (ผู้มีพลังจิต) โดยที่ตัวฮารุฮิเองไม่ได้รู้เลยว่า เพื่อน ๆ ทั้งสามคนไม่ใช่มนุษย์ทั่วๆไปแต่มาจากองค์กรลึกลับต่าง ๆ เพื่อศึกษาและวิจัยฮารุฮิจากการกระทำบางอย่างที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปโดยสิ้นเชิง
คนดูต่างพากันชื่นชมแอนิเมชันเรื่องนี้มากทั้งด้านความสวยงามของภาพที่เกียวโตแอนิเมชันขึ้นชื่ออยู่แล้ว ทั้งจากแนวคิดเนื้อเรื่องที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร คาแรคเตอร์ที่มีสีสัน น่ารัก เพลงปิดของเรื่องที่ชื่อ Hare Hare Yukai มาพร้อมกับท่าเต้นที่ทำเป็นเอกลักษณ์ ทำให้คนดูร้องและเต้นตามกัน นับว่าเป็นแอนิเมชันที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเรื่องหนึ่งของค่าย ทำให้แฟน ๆ ที่ชอบแอนิเมชันญี่ปุ่นจดจำชื่อของเกียวโตแอนิเมชันมาได้จนถึงทุกวันนี้
แอนิเมชันที่มีต้นกำเนิดมาจากการ์ตูนสี่ช่องจบที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Comtiq เรื่องชีวิตประจำวันของโคะนาตะ อิซึมิ เด็กนักเรียนที่เป็นโอตาคุจอมขี้เกียจแต่มีพลังแฝงในเรื่องของการเล่นกีฬา และ การเรียน แต่เธอกลับไม่สนใจเพราะการตั้งใจเรียนหรือเล่นกีฬาจะทำให้เธอ "เสียเวลาเล่นเกม” และ “ดูการ์ตูน” ฝาแฝดฮิอิรากิ, ซึคาสะ, คากามิ และ ทาคาระ มิยูกิ สิ่งที่ทำให้แอนิเมชันเรื่องนี้ดัง มาจากคาแรคเตอร์ที่เพี้ยนหลุดโลก ชีวิตประจำวันที่สุดแสนจะธรรมดา แต่กลับนำเอามาเล่าเรื่องได้อย่างน่าติดตาม นิสัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของเหล่าตัวละครในเรื่อง ความสัมพันธ์แบบพิลึกของกลุ่มเพื่อน มุขตลกที่ทั้งน่ารัก น่าเอ็นดู ที่มาจากการใช้ชีวิตของตัวละคร การเล่าเรื่องที่โยงไปถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่น และวัฒนธรรมโอตาคุ ชีวิตวัยเรียน แน่นอนสิ่งที่ตามมาคือโมเดลและของสะสมอีกมากมาย ที่แฟน ๆ พร้อมจะทุ่มเงินจ่ายให้ได้มาครอบครอง
แอนิเมชันซีรีส์ ความยาว 22 ตอน ที่ดัดแปลงจากนิยายแนวลึกลับของ โฮโนโซบุ โยเนซาวะ มีทั้งที่ตีพิมพ์เป็นฉบับมังงะทั้งหมด 5 เล่มจบ เนื้อเรื่องเล่าถึง โอเรกิ โฮทาโร่ นักเรียนม.ปลาย ที่จำยอมต้องเข้าชมรมวรรรกรรมคลาสสิกจากคำขอร้องของพี่สาว เพื่อไม่ให้ชมรมถูกยุบ ทำให้เขาได้พบกับ จิทันดะ เอรุ สาวสวยที่อยู่ในชมรมวรรรกรรมคลาสสิก ผู้สืบทอดตำแหน่งหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองคามิยามะ(สถานที่เกิดเรื่องราว) เธอได้รับตำแหน่งเป็นประธานชมรมเพราะสาเหตุจากเธอเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของชมรม ด้วยความขี้สงสัยทำให้เธอมักเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ลึกลับเสมอ ๆ เมื่อทั้งคู่ได้พบกันไม่นานการสืบสวนคดีที่เกิดขึ้นเมื่อ 45 ปีที่แล้วก็เริ่มขึ้น ทั้งยังเชื่อมโยงไปถึงเรื่องราวลึกลับที่ถูกปกปิดเอาไว้ในบทประพันธ์เก่าแก่ที่มีชื่อว่า เฮียวกะ (Hyouka) ผู้ที่ร่วมแต่งบทประพันธ์นี้ ก็คือชมรมวรรณกรรมคลาสสิกช่วงยุค 1960 นั่นเอง
24/07/19 เวลา 21.55 น. ช่อง True Asian series HD (120,239)
24/07/19 เวลา 21.25 น. ช่อง True Film Asia (237)
25/07/19 เวลา 22.15 น. ช่อง True Asian series HD (120,239)
28/07/19 เวลา 09.10 น. ช่อง True Film Asia (237)
26/07/19 เวลา 22.15 น. ช่อง True Asian series HD (120,239)
28/07/19 เวลา 10.50 น. ช่อง True Film Asia (237)
27/07/19 เวลา 22.15 น. ช่อง True Asian series HD (120,239)
28/07/19 เวลา 12.40 น. ช่อง True Film Asia (237)
