ซี ไลฟ์ แบงคอก โอเชียน เวิลด์ (SEA LIFE Bangkok Ocean World) เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ใน SEA LIFE ของเครือ Merlin Entertainments Group ที่มีสาขาอยู่มากถึง 35 แห่งทั่วโลก เป็นอควาเรียมในห้างสรรพสินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย พื้นที่มากถึง 10,000 ตารางเมตร ในชั้น B1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เปิดทุกวันตั้งแต่ 10.00 น. - 21.00 น. แต่เนื่องจากพื้นที่จัดแสดงค่อนข้างมาก โดยทั่วไปแล้วใช้เวลา 1-3 ชั่วโมงในการเดินชม จึงเปิดให้ซื้อบัตรได้ถึง 20.00 น.
การเดินทางหลากหลายสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถสาธารณะต่าง ๆ รวมทั้งรถไฟฟ้า BTS ด้วย ซึ่งหากใครมา BTS ก็แนะนำให้ตรงมาที่ทางออก 5 เข้าสยามพารากอน ลงมาชั้น G จะเจอบันไดเลื่อนทางเข้าติดกับศูนย์อาหาร ซึ่งเมื่อลงมายังลานด้านล่างก่อนถึงจุดจำหน่ายบัตรจะมีที่ให้แวะถ่ายรูปกันก่อนด้วยค่ะ
บัตรเข้าชม สามารถซื้อออนไลน์ได้ด้วย และมีให้เลือกมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นชาวไทย ชาวต่างชาติ บัตรแบบเดี่ยว แบบคอมโบเซ็ต บัตรรายปีไม่จำกัดจำนวนครั้ง และโปรโมชั่นลดพิเศษต่าง ๆ มากมาย
นอกจากส่วนของพิพิธภัณฑ์แล้วยังมีโรงหนัง 4D ระหว่างเวลา 11.30 – 20.30 น. โดยมีค่าเข้าชม 350 บาท/คน และใกล้ ๆ กันยังมีซุ้มลงทะเบียนดำน้ำกับปลาฉลาม และกิจกรรมอื่น ๆ รวมถึงการให้บริการสถานที่สำหรับจัดงานพิเศษต่าง ๆ ด้วยค่ะ
เข้ามาด้านในแล้วจุดแรกที่จะผ่านคือซุ้มถ่ายรูปค่ะ จะถ่ายก็ได้ไม่ถ่ายก็ได้ ถ้าถ่ายแล้ว จะไปดูรูปได้ที่ตรงทางออกว่าชอบหรือเปล่า ถ้าชอบก็สามารถซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ค่ะ
เข้ามาโซนแรกจะเป็น “โพรงหินอำพราง- Rocky Hideout” ซึ่งเราจะได้เห็นการปรับตัวของสัตว์ทะเลตามโขดหินต่าง ๆ
อย่างเช่นเจ้ากุ้งมังกรในภาพบน
สำหรับเด็ก ๆ ที่มาชมก็จะมีภารกิจเกมผจญภัยให้ได้ทำกัน เพิ่มความสนุกสนานในการเรียนรู้ด้วยนะคะ เริ่มกันตั้งแต่จุดนี้เลยค่ะ
ในรูปบนเป็นตู้ปลาใบมีดโกน ปลาโบราณซึ่งจะว่ายน้ำแนวตั้งคือเอาหัวทิ่มลงตลอด ถ้าใครเคยไปดำน้ำแถว ๆ กองหินวงตั้ง เกาะเต่าก็อาจได้เจอค่ะ
ในภาพบนนี้เป็นตู้ของปูแมงมุมยักษ์ ซึ่งกว้างได้เกือบ 3 เมตร แต่เดินบนทรายนุ่ม ๆ กินซากสัตว์ ทำความสะอาดพื้นทะเลได้โดยไม่จมเพราะเทคนิคเฉพาะตัวในการกระจายน้ำหนัก
โซนถัดมาเป็น ห้อง “Shark Walk” ที่เราจะเดินบนแผ่นอะคริลิกใสเหนือน้ำที่มีฉลามกว่า 5 สายพันธุ์ที่แหวกว่ายอยู่ข้างล่าง ท่ามกลางแสงสีแบบอินเตอร์แอคทีฟ เป็นภาพสัตว์น้ำใต้ทะเล
ถ่ายรูปออกมาเป็นแบบนี้เพราะสะท้อนกับแสงค่ะ แต่ไปเห็นด้วยตาจริง ๆ สวยกว่ามากๆๆๆๆ จนต้องใส่ไม้ยมกหลายตัวเลยค่ะ
ถัดมาเป็นโซน “Coral Reef” จัดแสดงพันธุ์ปลาที่อยู่ตามแนวปะการัง โดยมีกิจกรรมให้ค้นหาไปด้วย อย่างในภาพล่างนี้ เด็ก ๆ จะได้ลองค้นหาปลาการ์ตูนตัวเมีย ซึ่งปกติแล้วเป็นจ่าฝูง ตัวโตสุดเลย ถ้าวันไหนมันตายไป ตัวผู้ในฝูงที่โตที่สุดก็จะแปลงเพศโดยธรรมชาติมาเป็นเจ๊ใหญ่คุมฝูง และให้กำเนิดทายาทต่อไปค่ะ
มีตู้ปลาแบบมุดลอดให้เด็ก ๆ ได้สำรวจจากข้างล่างได้ด้วยนะคะ
ในภาพล่างเป็นปลาการ์ตูนส้มขาว พันธุ์เดียวกับ “เจ้านีโม” ในการ์ตูนเรื่อง “Finding Nemo” เลยค่ะ ในไทยจะพบตามแนวปะการังและกอดอกไม้ทะเลแถบอันดามัน เช่น เกาะหลีเป๊ะ เกาะรอก หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นต้น
ถัดมาเป็นปลาสิงโต สวยมีพิษสง เพราะมันมีถุงพิษตรงก้านครีบ พบได้ทั้งในอ่าวไทยและอันดามัน
ในภาพล่างนี้ที่ชูตัวยาว ๆ โผล่มาจากทรายนี่ไม่ใช่งูนะคะ แต่เป็นปลาไหลสวนตัวจิ๋วค่ะ ปกติอาศัยในรูใต้พื้นทรายในแนวปะการัง จะโผล่มาหาแพลงก์ตอนกินแล้วก็กลับลงรูไปค่ะ ในไทยพบที่หมู่เกาะสิมิลันด้วยนะคะ
มีกิจกรรมคุยกับนักดำน้ำที่ลงไปให้อาหารสัตว์น้ำในตู้ปลาที่ลึกกว่า 8 เมตร ลึกที่สุดแห่งหนึ่งในแถบอาเซียนด้วยนะคะ
ถัดมาจะเจอทางเข้าสำหรับผู้สนใจลงเรือท้องกระจกชมปลาค่ะ
ใกล้กันมีทางไปห้องน้ำซึ่งมีอยู่เป็นระยะ ๆ เลยค่ะ หาไม่ยาก
ภายในแบ่งเป็นห้องหญิง-ชาย และมีการดูแลความสะอาดอย่างดีเลย
จากนั้นเราก็จะเข้าสู่อาณาจักรของม้าน้ำ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือปลาชนิดหนึ่ง เป็นญาติ ๆ กับปลาใบมีดโกนที่ว่ายน้ำหัวทิ่มอยู่ตรงโขดหินละค่ะ
ในนี้มีม้าน้ำหลายสายพันธุ์ หลากสีสันเลยทีเดียว อย่างเจ้าตัวภาพบนนี้หันมาสบตาให้ซะด้วย
ส่วนคู่ข้างล่างนี้ กำลังทำอะไรกันอยู่นะ ถ้าจำไม่ผิดพวกเขาสายพันธุ์เดียวกันค่ะ ชื่อ “ม้าน้ำดำ” แต่จริง ๆ แล้วเปลี่ยนได้หลายสีเลย
ส่วนในภาพล่างนี้ คือ “ม้าน้ำท้องป่อง” ค่ะ ท้องมันก็ป่องจริง ๆ ด้วยแหละ แล้วก็เป็นม้าน้ำสายพันธุ์ซี่งที่นี่ประสบความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์ด้วยค่ะ
อยู่ท่ามกลางปะการังแสนสวย
ภาพล่างนี้แม้จะเรียกว่า “ปลาจิ้มฟันจระเข้” แต่ก็เป็นสัตว์ตระกูลม้าน้ำนี่แหละค่ะ เอ่อ... จริง ๆ ม้าน้ำก็เป็นปลาเหมือนกันแหละ เป็นปลากระดูกแข็งที่มีหน้าตาแปลกประหลาดต่างจากปลาทั่วไปเป็นเอกลักษณ์เลยเชียว
แผ่นป้ายข้อมูลที่น่าสนใจต่าง ๆ ภายในนี้ หลายจุดก็จะอาร์ตมากๆ กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมทีเดียว ซึ่งต้องดู/หาดี ๆ สักหน่อย ไม่งั้นอาจเผลอมองผ่านไปได้ ในภาพล่างมีกล่าวถึงที่มาของชื่อสกุลม้าน้ำ ซึ่งก็คือ Hippocampus เป็นภาษากรีก hippos = ม้า ส่วน kampos = สัตว์ประหลาดทะเล
จากแนวปะการังเราก็จะเดินลงไปสู่บรรยากาศของป่า ซึ่งจะมีปลาน้ำจืด สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่น่าสนใจให้ได้ชมกัน
ภาพล่างนี้เป็นภาพของกบลูกดอกเขียวดำ เป็นกบมีพิษ เพราะมันกินมดมีพิษเป็นอาหาร พบได้แถบอเมริกากลางถึงอเมริกาใต้
เจ้าตัวโตสีเขียว ๆ เหลือง ๆ ในภาพล่างนี้ คือ กบหนามอาร์เจนตินา สวยใสไร้พิษค่ะ มันหากินโดยวิธีนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว จนเหยื่อตายใจ จึงอ้าปากกว้างเขมือบลงไปในปากของมัน
เดินลงมาอีกนิดจะเจอร้านอาหาร หากเมื่อยแล้วแวะพักรับประทานอาหารว่างหรือเครื่องดื่มกันได้ค่ะ
จากนั้นก็ไปดูโชว์ให้อาหารนากเล็กเล็บสั้น ซึ่งเป็นนากขนาดเล็กที่สุดในโลก และเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของไทยที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ด้วยค่ะ เดิมพบทั่วประเทศในพื้นที่ชุ่มน้ำรวมทั้งป่าชายเลน หนอง บึง ลำธาร ที่เรียกว่านากเล็กเล็บสั้นก็เพราะมีเล็บสั้นโค้งไม่ยื่นออกมาพ้นปลายนิ้ว
มีตู้ปลาแบบมุดหัวไปโผล่กลางตู้ได้ด้วย เป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ เลยทีเดียว
แล้วก็มาถึง Touch Pool บ่อสัมผัส ที่ผู้ชมจะสามารถใช้นิ้วแตะเบา ๆ สัมผัสผิวเจ้าดาวทะเลได้โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ
จากนั้นก็มาถึงโซนเพนกวินที่นี่มี 2 พันธุ์ ค่ะ ในภาพล่างเป็นเพนกวินแอฟริกัน หรือ "เพนกวินลา" (Jackass penguin) มีขนาดเล็ก เสียงร้องเหมือนลา พบได้ตามชายฝั่งแถบแหลมกูดโฮป ในแอฟริกาใต้
ใกล้ ๆ กันมีบ่อเต่าทะเล
และถัดมาก็เป็น Adventures of a Polar Bear Cub : มหัศจรรย์ลูกหมีขาวผจญภัยขั้วโลกเหนือ
นิทรรศการอินเตอร์แอคทีฟเล่าเรื่องราวของขั้วโลกด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริงแบบ AR (Augmented Reality) คือ การใช้ภาพโมเดล 3 มิติ หรือหุ่นสร้างบรรยากาศเสมือนจริงให้ผู้ชมได้อินกับบรรยากาศที่มีความสมจริงมากขึ้น
เป็นโซนที่หลาย ๆ ครอบครัวแวะมาถ่ายภาพกับเจ้าหุ่นหมีขาวเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันค่ะ
ถัดมาเราก็จะลอดอุโมงค์ใต้ทะเลที่มีหมู่ปลามากมายรวมทั้งฉลามตัวโต แบบในภาพล่างนี้ซึ่งน้ำใสจนเรามองเห็นนักท่องเที่ยวที่นั่งเรือกระจกชมอยู่ด้านบนด้วยนะคะ
ฉากไฮไลท์ของโซนนี้ก็ตามภาพเลยค่ะ มีหุ่นรูปปั้นพระอภัยมณี นางเงือก และนางผีเสื้อสมุทรด้วย
มีโชว์ให้อาหารปลาฉลามด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำอาหารเสียบไว้ที่ปลายอุปกรณ์ให้อาหาร ซึ่งเป็นเหมือนท่อยาว ๆ มีปลายแหลม แล้วเจ้าฉลามตัวใหญ่ก็จะว่ายมาคาบไปกินค่ะ
เดินต่อมาอีกนิดก็เป็นย่านความบันเทิงในบรรยากาศการตกแต่งแบบขั้วโลก อีกจุดนึงที่ถ่ายภาพกันได้สวย ๆ
แล้วก็มาเล่นเกมสนุก ๆ แข่งกันได้ด้วย
เล่นเกมเพนกวินไปแล้วก็จะเดินเข้ามาสู่โซนของเพนกวินเจนทู (Gentoo penguin) มีปากสีแดงและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกรองมาจากเพนกวินจักรพรรดิ และเพนกวินราชา อาศัยอยู่แถบหมู่เกาะในทวีปแอนตาร์กติกาหรือบริเวณใกล้เคียงค่ะ
เป็นนกที่ว่ายน้ำได้ไวที่สุดในโลกด้วยนะคะ สามารถทำความเร็วได้ถึง 35 กม./ชม. เร็วกว่าเราปั่นจักรยานไปซื้อของปากซอยเยอะเลยค่ะ (ปกติถ้าจักรยานแม่บ้าน ปั่นไปซื้อของ มักไม่เกิน 20 กม./ชม.)
เวลาให้อาหารจะมีทีมเจ้าหน้าที่ 3 คน คนซ้ายคอยบรรยายให้ความรู้ และตอบคำถามนักท่องเที่ยว ส่วนคนกลางในภาพบนก็จะเป็นคนให้อาหาร ในขณะที่คนทางขวาจะคอยจดบันทึกข้อมูลไว้ค่ะ เจ้าหน้าที่จะจำเพนกวินได้หมดทุกตัวเลย แม้ว่าบางตัวจะฉลาดมาก ๆ รับและลงน้ำมาแล้วก็เดินกลับขึ้นมาตีเนียนขอเพิ่มก็ไม่สามารถตบตาได้ค่ะ
และด้วยความที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ที่นี่จึงประสบความสำเร็จในการขยายพันธุ์เพนกวินสายพันธุ์นี้ด้วยตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว กระทั่งจนปัจจุบันเลยค่ะ ในภาพเป็นช่วงที่คุณพ่อคุณแม่กำลังเปลี่ยนเวรในการกกลูกซึ่งเด็กน้อยของ 3 ครอบครัวนี้เพิ่งถือกำเนิดมาเพียง 1-2 เดือนค่ะ ลูกนกของครอบครัวในภาพบน ยังมีขนสีเทาอยู่เลย ส่วนในภาพล่างนี้สูงเกือบเท่าครึ่งหนึ่งของบุพการีแล้ว
ชมความน่ารักของเพนกวินเจนทูกันแล้วก็มาถึงทางออก ซึ่งผู้ที่ร่วมกิจกรรมถ่ายภาพที่ระลึกไว้ตรงทางเข้า สามารถมาชมภาพของตัวเอง และถ้าสวยถูกใจก็ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปด้วยได้เลย
สุดปลายบันไดเลื่อนด้านบนจะมีจุดประเมินและเด็ก ๆ ที่ทำภารกิจครบถ้วนก็สามารถนำสมุดภารกิจไปรับรางวัลได้เลยค่ะ
ก่อนจากกันขอปิดท้ายด้วยภาพร้านขายของที่ระลึก ซึ่งมีสารพัดตุ๊กตาและของฝากให้เลือกสรรกันมากมายเช่นเดียวกับสถานที่ท่องเที่ยวดัง ๆ ทั่วโลก