สังเกตให้ดี อาการต่อไปนี้ อาจบอกได้ว่า มีเซลล์มะเร็งก่อตัวอยู่ในลำไส้ใหญ่ของสาว ๆ แล้ว  

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ติดอันดับ 1 ใน 5 อันดับของโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในโลก และพบจำนวนผู้ป่วยหน้าใหม่เพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี ที่น่าตกใจคือจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกชนิดที่ตรวจพบ เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะสัญญาณเตือนบางอย่าง คล้ายกับอาการปวดประจำเดือน และโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น อาหารเป็นพิษ ทำให้การวินิจฉัยโรคคลาดเคลื่อน กว่าจะรู้ทำให้อาการลุกลามจนถึงขั้นร้ายแรง

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่วนมากจะพบในผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงอายุที่ลำไส้เริ่มถูกทำลาย แต่ก็ยังมีโอกาสพบในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี โดยเฉพาะผู้มีปัจจัยเสี่ยงอย่าง มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ถ่ายมีเลือดปนบ่อย ๆ หรือมีติ่งเนื้อที่บริเวณทวารหนัก และกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้มักถูกวินิจฉัยโรคคลาดเคลื่อน ดังนั้งหากคุณผู้หญิง ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี และพบสัญญาณเล็กน้อย ๆ ต่อไปนี้ ควรรีบไปหาหมอตรวจอย่างด่วนเลยค่ะ

1. นิสัยการขับถ่ายเปลี่ยนไป ถ่ายมีเลือดปน หรือมีเลือดออกที่ทวารหนัก

รู้รึเปล่า การพิจารณาอุจจาระหลังขับถ่ายออกมา เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำให้เป็นนิสัย เพราะลักษณะของอุจจาระที่เราขับถ่ายออกมาและพฤติกรรมการขับถ่าย สามารถบ่งชี้เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพเราได้มากทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะป็นท้องผูก ท้องเสีย ขับถ่ายไม่เป็นเวลา ลักษณะอุจจาระเปลี่ยนทั้งขนาด รูปทรง และสีก็อาจเป็นปัจจัยที่บอกได้ว่าคุณอาจเริ่มมีอาการมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่แล้ว หากคุณมีประวัติคนในครอบครัว ไม่ว่าจะทางพ่อหรือแม่เคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือมะเร็งทวารหนัก หรือมีประวัติเคยมีติ่งเนื้อขึ้นที่ทวารหนัก พร้อมกับการมีลักษณะอุจจาระที่เปลี่ยนไป ไม่ต้องรอให้อายุถึง 50 ก็ควรรีบไปตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เลยค่ะ

2. ปวดท้อง หรือปวดเกร็งคล้ายปวดประจำเดือน

เชื่อหรือไม่ อาการปวดเกร็งคล้ายอาการปวดประจำเดือน อาจเป็นสัญญาณเตือนการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ด้วย และที่ทำให้ผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ถูกวินิจฉัยคลาดเคลื่อน เพราะมีอาการบางของโรคคลายคลึงกับโรคทางนรีเวช เช่น การปวดเกร็งท้องน้อยจากการปวดประจำเดือน หรือมีปัญหาเกี่ยวกับเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้วินิจฉัยโรคได้ยากขึ้น

3. น้ำลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ

ถ้าน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ร่วมกับมีอาการบ่งชี้ของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ร่วมด้วย 2 อาการขึ้นไป หมายความว่าคุณอาจเสี่ยงกับการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่อยู่ก็ได้ เพราะน้ำหนักที่ลดลงอาจเกิดจากที่เซลล์มะเร็งดึงพลังงานและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงตัวเอง ทำให้ร่างกายต้องเผาผลาญแคลอรี่เพิ่มขึ้น ทำให้น้ำหนักลดลง แม้ไม่ได้ควบคุมอาหาร และขนาดของก้อนมะเร็งที่เติบโตในลำไส้ อาจทำให้เกิดแผลเปื่อย หรือมีบางส่วนขวางไว้ ทำให้อุจจาระตกค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ ขนาด ปริมาณ และสีจึงเปลี่ยนไป

4. รู้สึกอ่อนเพลีย หรือเหนื่อยตลอดเวลา

หากรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยทั้งวัน แม้จะนอนพักผ่อนเต็มอิ่มก็ยังไม่หาย และมีอาการอื่น ๆ ของสัญญาณเตือนโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ควรรีบไปทำการตรวจคัดกรองด่วน สำหรับคุณผู้หญิง หากมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง และตรวจโดยวิธีส่องกล้องดูระบบทางเดินอาหารแล้ว ผลออกมาว่าไม่มีปัญหา แนะนำให้ใช้วิธีส่องกล้องตรวจทวารหนักร่วมด้วย เพราะผู้หญิงมักมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้านขวามากกว่าด้านซ้าย ซึ่งรุนแรงกว่า และตรวจพบได้ยากกว่าด้วย การส่องกล้องดูในระบบทางเดินอาหาร ทำให้เห็นแค่ลำไส้ด้านซ้ายเท่านั้น สำหรับผู้หญิงแล้วการส่องกล้องทางทวารหนักจะทำการตรวจละเอียดและได้ผลที่แม่นยำกว่า

5. เลือดจาง

หากคุณรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กสม่ำเสมอ หรือรับประทานธาตุเหล็กเป็นประจำแต่ยังคงมีภาวะเลือดจาง โดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน อาจเป็นไปได้ว่าคุณกำลังลังเผชิญหน้ากับปัญหาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงระบบที่เกี่ยวข้องกับการย่อยอาหาร นำไปสู่การเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยเฉพาะผู้หญิงวัยทอง ซึ่งมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ ได้สูงมากขึ้น

โดยทั่วไปอาจพบว่าการรับประทานฮอร์โมนทดแทน อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคมะเร็งหลายชนิด แต่มีการวิจัยพบว่า สามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และโรคมะเร็งทวารหนักในผู้หญิงวันทองที่กินฮอร์โมนทดแทน นั่นก็แทบไม่เปลี่ยนความจริงที่การวิจัยยังพบว่า ผู้หญิงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป มีอัตราการเสียชีวิตมากกว่า และมีชีวิตหลังจากตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือมะเร็งทวารหนักได้ต่ำกว่า 5 ปี เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชายในวัยเดียวกัน

ถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงอย่างเราจะตระหนัก และตระหนกไปกับเรื่องอาการเจ็บป่วย เพราะแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่สุด ก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว อย่างที่เคยบอกไปเสมอค่ะว่าเรื่องเจ็บป่วย คิดให้มากดีกว่าคิดน้อยนะเออ เป็นอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ต้องรีบไปหาหมอนะคะซิส ไม่งั้นจะหาว่าพี่ไม่เตือนนะ