คนเราจะรู้สึกไม่ดีเวลานึกถึงความทรงจำแย่ๆ ก็ไม่แปลก
แต่บางครั้งความทรงจำดีๆ ก็กลับทำให้เป็นทุกข์เสียยิ่งกว่าเรื่องเลวร้ายบางเรื่องเมื่อนึกถึงเสียอีก
เพราะอะไรน่ะหรือ? นั่นสิ ฉันก็สงสัย...
เมื่ออาทิตย์ก่อน ฉันมีโอกาสได้นัดพบกับเพื่อนคนนึงที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี เรานัดทานข้าวพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตกัน เธอเล่าให้ฟังว่า เธอได้เลิกกับแฟนของเธอเมื่อสองปีก่อน เพราะอะไรหลายๆอย่างเริ่มไม่ลงรอย เธอกับเขาทะเลาะกันบ่อยขึ้นและมันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนเธอจับได้ว่าเขานอกใจเธอ เธอบอกกับฉันว่าทุกครั้งที่เธอนึกถึงเรื่องพวกนั้น เธอก็รู้สึกไม่ดีทุกครั้ง เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและแย่มากๆสำหรับเธอ ในตอนนั้นฉันทำได้เพียงให้กำลังใจเธอและพูดกับเธอว่า ‘อย่าให้อดีตแย่ๆมาทำให้เธอทุกข์ใจอีกต่อไปเลยนะ’
แต่เมื่อเธอได้ฟังคำพูดของฉัน เธอกลับส่งยิ้มจางๆให้ฉันและบอกกับฉันว่า ‘อดีตแย่ๆพวกนั้นทำให้รู้สึกไม่ดีเวลานึกถึงก็จริง แต่สิ่งที่ทำให้ฉันทุกข์ใจยิ่งกว่าเวลาคิดคำนึง คือความทรงจำดีๆที่ฉันเคยมีร่วมกับเขาต่างหาก’ ฉันนิ่งเงียบไปเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอจึงกล่าวต่อว่า
‘ช่วงเวลาดีๆของชีวิต แน่นอน ไม่ว่าใครก็ต้องอยากหยุดเวลาของตัวเองไว้ตรงนั้น เช่นกันความทรงจำดีๆเหล่านั้นของฉัน ก็เปรียบเสมือนของสำคัญที่ฉันไม่อยากจะยอมรับว่าได้เสียมันไปแล้ว.... มันน่าตลกใช่มั้ยล่ะ ที่ไม่ว่าจะเป็นอดีตที่เลวร้ายหรือแสนดีควรค่าแก่การจดจำขนาดไหน ถ้าเราให้น้ำหนักกับมันมากเกินไปก็เป็นทุกข์เหมือนกัน เพราะไม่ว่าจะร้ายหรือดีสุดท้ายมันก็แค่เรื่องที่ผ่านไปแล้ว…’ เธอเงียบไปเพียงอึดใจก่อนจะพูดต่อ
‘ฉันกำลังพยายาม.... พยายามอยู่ในทุกๆ วันให้ตัวเองอยู่กับปัจจุบัน ’
เธอปิดท้ายประโยคนั้นด้วยรอยยิ้ม....รอยยิ้มที่แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังอยู่ตรงนี้ ตรงปัจจุบันนี้ มันทำให้ฉันอดที่จะยิ้มตอบกลับเธอไม่ได้เลย
จงมีสติ:)