Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เหล่านักธุรกิจคลื่นลูกใหม่ เผยเทคนิคการใช้ชีวิตทำงาน พร้อมเผยเทรนด์การเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล โดย ดีพียู เอ็กซ์ (DPU X)

Posted By Plook News | 28 ม.ค. 62
2,306 Views

  Favorite

ปัจจุบันความรู้ความสามารถนับเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ภาพลักษณ์ภายนอก ยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ หากใครสามารถเรียนรู้ที่จะนำวิทยาการในยุคดิจิทัล 4.0 มาใช้ได้อย่างถูกวิธีนั้นนับว่าเป็นผลดีอย่างแน่นอน

โดยล่าสุด ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้ต่อยอดไอเดียพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์องค์ความรู้ให้กับเหล่านักธุรกิจคลื่นลูกใหม่ภายใต้ชื่อ ‘ดีพียู เอ็กซ์’ (DPU X) สถาบันเพื่อพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการและบุคลากรแห่งอนาคต ที่มุ่งเน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานในอนาคต
 


ในงานเปิดตัวครั้งนี้ ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพชื่อดัง Ookbee ผู้เปลี่ยนการอ่านหนังสือให้มาอยู่ในรูปของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ได้มาร่วมเป็นกูรูเผยถึงจุดเริ่มต้นในการสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพของตนเอง พร้อมได้รับเกียรติจากเหล่าเซเลบริตี้นักธุรกิจชื่อดังเข้าร่วมเวิร์คช็อปอัพเดทเทรนด์การทำธุรกิจมากมาย อาทิ รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา, อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ, ชวมณฑ์ ปวโรดม, ณัชชารีย์ กิจวิริยะธนโชติ และไตรเทพ ศรีกาลรา

‘ดีพียู เอ็กซ์’ (DPU X) สถาบันเพื่อพัฒนาการเป็นผู้ประกอบการและบุคลากรแห่งอนาคต พื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ไอเดียที่เปิดโอกาสให้เหล่าเจ้าของธุรกิจนักคิดรุ่นใหม่ได้ค้นหาตัวตน (eXplore) พร้อมพัฒนาศักยภาพเสริมความเชี่ยวชาญ (eXpertise) และเสริมสร้างประสบการณ์ (eXperience) ผ่านการทบทวนความรู้เพื่อสร้างทักษะความเป็นผู้ประกอบการ และบุคลากรที่พร้อมสำหรับโลกอนาคต โดยจะมีการจัดเวิร์คช็อปเป็นหลักสูตรระยะสั้นให้กับกลุ่มนักศึกษา บุคคลทั่วไปและเหล่านักธุรกิจที่ต้องการอัพเดทเทรนด์ธุรกิจในยุคดิจิทัล
 


โดยเหล่าเซเลบริตี้ที่มาร่วมงานต่างแนะนำเคล็ดลับการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดทั้งด้านการทำงานให้ประสบความสำเร็จ ควบคู่ไปกับการดูแลตัวเองเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเสริมสร้างความรู้เพื่อนำมาพัฒนาในงานของตนเอง เริ่มจากสาวรอยยิ้มสดใส อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ ปัจจุบันเป็นผู้นำเข้าคาเฟ่ขนมหวานจากไต้หวัน คิวคิว ดิเสิร์ท (QQ Dessert) ที่สามารถขยายสาขาได้มากถึง 6 สาขาภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี เผยว่า ‘จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจก็จะเลือกจากสิ่งที่ชอบและเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของเรา แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องดูจากความนิยมของคนด้วย อย่างตอนที่ได้ลองชิมคิวคิวที่ไต้หวันก็รู้สึกว่าเป็นเมนูที่เหมาะกับคนไทย เพราะรสชาติอร่อย ทานง่าย และยังเป็นขนมหวานเพื่อสุขภาพอีกด้วย เพราะในช่วง 2 - 3 ปีมานี้ คนไทยหันมาใส่ใจดูแลเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น ก็เลยคิดว่าแบรนด์นี้น่าจะตอบโจทย์ ส่วนเคล็ดลับการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและยอมรับได้ในระยะเวลารวดเร็ว

สิ่งสำคัญสำหรับการทำธุรกิจอาหารเลยก็คือรสชาติและคุณภาพที่ต้องรักษาระดับให้คงที่เอาไว้ รวมถึงการมีทีมงานที่ดีที่ทุกคนสามารถดูแลจัดการหน้าที่ในส่วนของตนเองได้อย่างดีเยี่ยม  และนอกเหนือจากการทำงานแล้ว เราก็มักหาเวลาดูแลตัวเองเสมออย่างการออกเดินทางเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ๆก็เป็นการคลายเครียดที่ดี โดยเราจะชอบไปประเทศแถบอเมริกาใต้อย่างคิวบา เพราะอยากจะเรียนรู้และสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนที่แตกต่างออกไปจากเรา ซึ่งนอกจากจะได้พักผ่อนแล้วเรายังได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนที่ได้พบเจออีกด้วย’
 


ต่อมาที่สาวสวยอายุน้อยแต่มากประสบการณ์การทำงาน ณัชชารีย์ กิจวิริยะธนโชติ เจ้าของมัลติแบรนด์ สโตร์ ‘เอสโอเอส - เซ้นท์ ออฟ สไตล์’ (SOS - Sense of Style) ที่ประสบความสำเร็จกว่า 9 สาขา ซึ่งรวบรวมแบรนด์แฟชั่นกว่า 100 แบรนด์เอาไว้ด้วยกัน เล่าว่า ‘ไอเดียการทำธุรกิจของเราเริ่มจากการมองเห็นความต้องการของผู้หญิงยุคใหม่ที่ชื่นชอบการช็อปปิ้งออนไลน์ แต่ไม่สามารถลองสวมใส่เสื้อผ้าหรือแอคเซสเซอรี่ได้

รวมถึงตัวเจ้าของธุรกิจเองเช่นกันที่อาจยังไม่พร้อมสำหรับการมีหน้าร้านเป็นของตนเอง ก็เลยเกิดความคิดที่อยากจะรวบรวมแบรนด์แฟชั่นชั้นนำในออนไลน์มาไว้พื้นที่เดียวกัน ให้เปรียบเสมือนเป็นอาณาจักรสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ที่สนุกกับการแต่งตัว โดยแบรนด์ใน SOS จะเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่ง่ายในสไตล์เรียบหรูเหมาะกับเทรนด์ในยุคปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันต้องมีคุณภาพดีในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งเรามองว่าความท้าทายในการทำธุรกิจของยุคสมัยนี้คือต้องเร็ว อะไรที่เรามองเห็นเป็นช่องว่างทางธุรกิจก็ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและลงมือทำในทันที เพราะธุรกิจที่เราเป็นเจ้าแรกในตลาดมักจะได้เปรียบเสมอ ส่วนเทคนิคการผ่อนคลายหลังทำงานหนักเราจะชอบไปทะเลเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งที่ที่เคยไปมาแล้วชอบมากจะเป็นที่เกาะอิบิซา สเปน เพราะนอกจากทะเลสวยน้ำใสแล้ว ความงดงามของทัศนียภาพยังทำให้เราได้เปิดหูเปิดตาและมองเห็นโลกใหม่ ๆ’
 

 

ด้านสาวหมวย ชวมณฑ์ ปวโรดม เจ้าของแบรนด์กระเป๋าหนัง 'สุวิมล' (S’uvimol) ที่โด่งดังและประสบความสำเร็จทั้งในไทยและต่างประเทศ เผยว่า ‘ธุรกิจของเราเริ่มต้นจากการต่อยอดธุรกิจของที่บ้านซึ่งทำฟาร์มเลี้ยงจระเข้ ประกอบกับคุณแม่ (พัชรพิมล ยังประภากร) เป็นคนที่ชอบแฟชั่น ก็เลยอยากทำกระเป๋าหนังเอ็กโซติกจากฝีมือช่างคนไทย และต้องการให้เป็นที่รู้จักทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ เมื่อพูดถึงกระเป๋าหนังของไทยก็จะต้องนึกถึงสุวิมล โดยเราวางภาพลักษณ์แบรนด์ให้เป็นเอ็กโซติกลักซ์ชัวรี่อันดับต้นของประเทศไทย ขายในห้างฯ ชั้นนำ เพราะถ้าเป็นสินค้าลักซ์ชัวรี่คนก็ยังต้องการที่จะดูของจริง และได้ทดลองถืออยู่

โดยเราอยากทำกระเป๋าให้ผู้หญิงทุกคนใช้ได้ในชีวิตประจำวันในดีไซน์ที่หลากหลายเหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้หญิง ซึ่งจะให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพสินค้าเป็นอันดับแรก รวมถึงดีไซน์ที่ต้องมีความแปลกใหม่ อย่างตอนนี้สุวิมลก็มีวางขายที่ต่างประเทศด้วยทั้งในดูไบและคูเวตด้วย หากมีเวลาว่างก็จะเดินทางไปชมแฟชั่นหรือพิพิธภัณฑ์ที่ต่างประเทศ อย่างที่พิพิธภัณฑ์ออร์แซ (Musée d'Orsay) ในกรุงปารีสจะเป็นที่ที่ชอบไปมาก เพราะมีงานศิลปะในยุคประวัติศาสตร์ให้ชมเยอะ ซึ่งก็สามารถนำมาต่อยอดในงานของเราได้ รวมถึงการอ่านบทความแฟชั่น หรือเศรษฐกิจ และเรียนเพิ่มเพื่อสะสมความรู้เอาไว้ เพราะเชื่อเสมอว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด รู้เยอะดีกว่ารู้น้อยจะได้นำมาปรับใช้ในงานของตัวเองได้’
 

 

ถัดมาที่สาวบุคลิกภาพโดดเด่น รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา นักเจรจาต่อรองธุรกิจ หรือ ล็อบบี้ยิสต์ ที่ปิดโปรเจ็คใหญ่มานักต่อนักในประเทศพม่า เล่าว่า ‘เรามองทุกอย่างในชีวิตให้เป็นความท้าทาย โดยเฉพาะงานล็อบบี้ยิสต์ที่ต้องใช้ทักษะการเจรจาประสานงานระหว่างนักลงทุนกับรัฐบาลพม่า ซึ่งก่อนจับธุรกิจนี้เรามีการเตรียมตัวมากพอสมควรเพราะเป็นงานที่ต้องใช้ความน่าเชื่อถือสูงต้องทันคน และมีความรู้ในสายงานที่ทำ อย่างเราจะเป็นสายทรัพยากรและพลังงานก็ต้องศึกษาหาข้อมูลว่าบริเวณไหนเหมาะกับการลงทุนธุรกิจอะไร

ลงสำรวจพื้นที่ เพื่อที่จะได้อธิบายและรับมือกับนักลงทุนได้ รวมถึงให้คำปรึกษาเรื่องกฎหมายด้วย โดยงานของเราเป็นงานที่ไม่ควรหยุดนิ่งที่จะพัฒนาหาความรู้ เพราะต้องคอยอัพเดทเทรนด์กับนักลงทุนอยู่ตลอด ซึ่งเราจะดูจากความนิยมในโลกโซเชียลและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้ใหญ่ที่เขามีประสบการณ์มากกว่าและที่สำคัญคอนเนคชั่นก็ต้องดีเพราะจะช่วยให้การทำงานง่ายยิ่งขึ้น และหลังจากการทำงานหนักเราก็ต้องไม่ลืมที่จะดูแลตัวเอง ปกติจะชอบเข้าสปาไปนวดเรกิ เป็นการนวดบำบัดแบบองค์รวมเพื่อสร้างความผ่อนคลายให้กับร่างกายและผิวพรรณ รวมถึงยังสามารถช่วยให้หลับสบายได้มากขึ้น’
 

 

ปิดท้ายที่หนุ่มมาดเข้ม ไตรเทพ ศรีกาลรา เจ้าของเอเจนซี่ ‘โปรปลั๊กอิน’ (ProPlugin) ผู้สร้างสรรค์เทศกาลดนตรีแนว อีดีเอ็ม (EDM) ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ‘เราเริ่มต้นจากการทำธุรกิจเครื่องเสียงมาก่อน และเล็งเห็นว่าในช่วงหลังมานี้แนวเพลง EDM เริ่มเป็นที่นิยมในคนทั่วโลกรวมถึงคนไทยมากขึ้น ก็เลยต่อยอดธุรกิจด้วยการจัดเป็นเทศกาลดนตรีโดยเริ่มจากในประเทศพม่าก่อน และกำลังวางแผนที่จะจัดในไทยเร็ว ๆ นี้

เพราะเรามองว่าพม่าเป็นประเทศที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและเหมาะกับการลงทุน โดยการทำธุรกิจในยุคนี้ควรมองภาพให้กว้างขึ้นมากกว่าการลงทุนแค่ในประเทศไทย ซึ่งเราควรปรับตัวให้ทันกับโลกที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ซึ่งวิธีที่จะช่วยให้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดก็คือการศึกษาเรียนรู้ เพราะจะช่วยให้เราเกิดความเข้าใจในวิทยาการที่เหมาะกับธุรกิจของเรา ส่วนไลฟ์สไตล์ในวันพักผ่อนก็จะชอบไปออกกำลังกาย อย่างพวกกีฬาเอ็กซ์ตรีมอย่างขี่เจ็ตสกี เพราะเป็นกิจกรรมทีมีความท้าทาย ช่วยให้เราได้ปลดล็อคความกล้าในตัวเอง’
 


ร่วมเสริมสร้างทักษะความเชี่ยวชาญไปกับเหล่าเจ้าของธุรกิจนักคิดรุ่นใหม่พร้อมกันได้แล้ววันที่ ‘ดีพียู เอ็กซ์’ (DPU X) สถาบันเพื่อพัฒนาการเป็นผู้ประกอบการและบุคลากรแห่งอนาคต สอบถามข้อมูลหรืออัพเดทตารางการจัดเวิร์คช็อปได้ทาง 02-9548630, 061-4905858 หรือ http://dpux.dpu.ac.th/

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook News
  • 5 Followers
  • Follow