เรื่องธรรมเนียมปฏิบัติต่าง ๆ ที่จุกจิก เคร่งครัด รวมไปถึงความเชื่อเรื่องโชคลางแต่ละของคนที่เชื้อสายจีน ต้องยอมรับว่าเข้มข้นไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยเฉพาะข้อห้ามและสิ่งที่ควรปฏิบัติในวันตรุษจีน ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ ควรทำแต่สิ่งดี ๆ เพื่อให้เกิดโชคลาภและสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว แต่ธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดมารุ่นต่อรุ่น พอมาถึงรุ่นเรา ๆ อาจเลือนลางไปบ้าง ทำให้ลูกไทยหลานจีนอย่างเจ้กลิมฯ ต้องลงมือค้นข้อมูลในอินเตอร์
พออ่านแล้วบางข้อชวนขัดใจ บางข้อต้องขมวดคิ้วสงสัยว่าอย่างนี้ก็ได้หรา ? บางข้อแม่เจ้า เจ้ไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงต้องลงมือจุดธูปเรียกอาม่า เอ๊ยไม่ใช่ ลงมือสัมภาษณ์อาอี๊ อาโกว อากู๋ อากิ๋ม รวมถึงอาซิ้ม อาอึ้มทั้งหลาย จนรวบรวมข้อเท็จจริงในข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติในวันตรุษจีน ทำให้พบว่าคนจีนแต่ละอำเภอ แต่ละมณฑล มีความเชื่อและธรรมเนียมปฏิบิติที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะคล้ายกัน เจ้สรุปมาให้ดูเพื่อให้เข้ายุคสมัย มีเหตุผลตอบโจทย์เจนฯ Z มีข้อไหนจริง อะไรไม่ควรทำบ้าง จะได้ไม่ต้องเชื่อแบบผิด ๆ มาดูกัน
ข้อนี้จริง เชื่อตามกันมาตรงกันทุกอำเภอ คือ ห้ามทำความสะอาดบ้าน เพราะจะเป็นการกวดโชคลาภออกจากบ้านนั่นเอง แต่ในความเป็นจริงคือในวันถือ ทุกคนในบ้านควรได้กินข้าวและพูดคุยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ควรเสียเวลาไปกับการทำงานบ้านมากกว่า คนจีนจึงมีธรรมเนียมปฏิบัติว่าต้องทำความสะอาดบ้านทุกซอกทุกมุมให้สะอาดเอี่ยมก่อนวันปีใหม่ เพื่อที่ถึงวันถือหรือวันชิวอิกจะได้ไม่ต้องทำความสะอาดบ้าน เที่ยวอย่างเดียวพอ
อันนี้ไม่เชิงค่ะ ถ้าเราเหมารวมการซักผ้าไว้ในหมวดทำความสะอาดบ้านก็ใช่ แต่ถ้าผ้าสกปรกจะไม่ซักมันไม่สมเหตุสมผลนะเจ้ว่า แล้วที่บอกว่าเทพเจ้าแห่งน้ำเกิดวันตรุษจีนอันนี้ก็ไม่เคยได้ยินจริง ๆ ดังนั้นซักผ้าได้ ซักไปเลยค่ะซิส มันไม่เกี่ยว
อันนี้เจ๊ก็ไม่เคยได้ยินนะคะ ตั้งแต่เล็กจนแก่ขนาดนี้ อาม่าไม่เคยห้ามกินข้าวต้มวันตรุษจีนเลย อยากกินอะไรก็กินเถอะค่ะ ข้าวต้มก็สารอาหารเต็มเปี่ยมไม่แพ้ข้าวสวยนะ
อันนี้ก็ไม่เคยได้ยินจริง ๆ ถ้าอยากซื้อก็ซื้อเถอะเจ้ว่ามันไม่เกี่ยว อีกอย่างภาษาแต้จิ๋วเรียกรองเท้าว่า “โอ๊ย” ไม่เหมือนเสียงถอนหายใจ เพราะฉะนั้นของมันต้องมีก็ต้องซื้อ !
ถ้าห้ามสระผมก็ต้องห้ามอาบน้ำด้วยสิ ดังนั้นอยากสระ อยากตัด ทำได้เต็มที่ ไม่ห้ามจ้ะ
ข้อนี้บอกเลยว่าไม่จริงเสียทีเดียว ปรกติเจ้าจะกลับขึ้นสวรรค์ไปรายงานเรื่องราวต่าง ๆ ของเรา 7 วันก่อนวันตรุษจีน และจะลงมาอีกครั้งในวันที่ 4 ของปี เพราะฉะนั้นช่วงปีใหม่ไม่มีเจ้าค่ะ เจ้าแม่หรือเจ้าพ่ออะไรก็ไม่อยู่ ที่เหลืออยู่ดูแลบ้านและศาลเจ้าคือเหล่าบริวารทั้งหลาย แต่โดยปรกติ วันชิวนอกจากเป็นวันแรกของปีแล้วยังเป็นวันพระแรกของปีด้วย เพื่อให้เกิดสิริมงคลในชีวิต คนเฒ่าคนแก่จึงนิยมกินเจมื้อแรกของวัน เพื่อละเว้นการเบียดเบียนชีวิตสัตว์ในวันแรกของปี ส่วนจะกินเจทั้งวัน หรือกินมื้อเช้ามื้อเดียวก็ได้ ใครไม่กินก็ไม่เป็นไรค่ะ
ข้อนี้จริงเพราะปีใหม่ วันมงคลก็ควรพูดแต่สิ่งดี ๆ รักใคร่ปรองดองกัน ช่วยให้จิตใจเบิกบานพร้อมรับทรัพย์ เฮง ๆ รวย ๆ ตลอดปี พูดดีเป็นศรีแก่ปากค่ะ แถมยังเชื่อว่าทะเลาะกันวันตรุษครอบครัวจะไม่มีความสุข มีเรื่องให้ทะเลาะกันทั้งปีอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นยอม ๆ หยวน ๆ กันได้ก็ดีนะคะ
ข้อนี้จริง คนจีนเชื่อว่าการทำของแตกหักในวันปีใหม่รวมไปถึงวันมงคลอื่นๆอย่างวันเกิดหรือวันแต่งงานจะเป็นเหมือนลางร้ายให้เจอแต่ความไม่ราบรื่น มีอุปสรรค์ ส่วนจะทำให้มีคนตายนั้นไม่จริงค่ะ แต่หากทำของแตกสามารภแก้เคล็ดได้ด้วยการพูด “แตกให้ละเอียด ให้ชื่อเสียงโด่งดัง เงินทองไหลมาเทมา” เหมือนคำจีนแต้จิ๋วที่ว่า “ข่าค้า ชุ้ยฉุ่ย ตั่วปู้กุ่ย”
อันนี้ไม่จริงค่ะ ไม่ใช้มีดแล้วจะสับเป็ดไก่หรือหั่นหมูกินได้ไง ใช้ได้ค่ะแต่ต้องระวังไม่ให้เลือดตกยางออก อันนี้ก็ไม่เป็นมงคล หรือถ้ามีกำหนดต้องผ่าตัดช่วงตรุษจีนพอดีก็ทำได้ค่ะ เพียงแต่ก่อนออกจากบ้านไปโรงพยาบาลจุดธูปบอกเจ้าที่ที่บ้านเพื่อขอพรเสียหน่อยจะได้สบายใจ
ข้อนี้จริงเพราะวันมงคลจะมานั่งร้องไห้มันก็ไม่ใช่เรื่องนะคะซิส และคนจีนก็เชื่อว่าการร้องไห้วันปีใหม่จะมีเรื่องให้ต้องร้องไห้ไปตลอดทั้งปี
ข้อนี้จริง เพราะช่วงปีใหม่ไม่ควรไปงานอวมงคลเพราะอาจทำให้เจอแต่โชคร้าย หากใครมีญาติที่เสียชีวิตในช่วงก่อนหรือหลังตรุษจีน มักจะเก็บศพไว้และรอจัดงานศพสวดอภิธรรมหลังช่วงตรุษจีนไปแล้วประมาณ 9 วัน เพราะไม่มีใครไปร่วมงาน หรือหากจัดงานศพ จำเป็นต้องแจกส้มให้แขกที่มาร่วมงานเป็นการอวยพรให้แขกมีแต่ความสุขความเจริญ
เพราะตรุษจีนเป็นวันมงคล จึงควรสวมเสื้อผ้าใหม่มีสีสันที่เป็นมงคลอย่างสีแดง ส่วนสีขาวดำ เป็นสีของการไว้ทุกข์ ห้ามใส่ช่วงตรุษจีน
ข้อนี้จริงที่สุด เพราะถ้าขอยืมเงินคนอื่นตั้งแต่ต้นปีก็มีแนวโน้มจะเป็นหนี้ไปตลอดปีเลยเชียวนะ หรือถ้าให้ใครยืมเงินตั้งแต่ต้นปี ทั้งปีก็จะมีแต่คนมายืมเงิน ทางที่ดีบริหารจัดการเงินตัวเองดี ๆ นะจ๊ะ